บทที่ 1336 จอมปีศาจเทียนเสี่ยเจียง

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

ตู้ม**!**

ศพราชันปีศาจระเบิดออก รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากกวาดสร้างความหายนะ ราวกับเมฆสีดำปกคลุมท้องฟ้าเหนือแท่นบูชา

ฉากนี้เรียกเสียงหวาดหวั่นจำนวนมาก ทุกคนอึ้งตะลึงงันมองไปที่ร่างของซือเทียนโยวด้วยความตกใจ พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะให้ศพราชันระเบิดตัวเอง

แม้แต่จอมยุทธ์เผ่าปีศาจยังอึ้งไป ในฐานะสมาชิกพวกเขารู้ดีถึงคุณค่าของศพราชัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเผ่าซือหมัวมูลค่าของศพราชันนั้นมีค่าเหลือคณนา

“ไอ้นั่นบ้าไปแล้ว!”

ดวงตาของมั่วซิน เฉวียนหลัวและคนอื่นๆ วูบไหว ก่อนหน้าพวกเขาหวาดกลัวศพราชันปีศาจ แต่ตอนนี้ซือเทียนโยวได้รับบาดเจ็บหนักและศพราชันก็ระเบิดตัวเอง การคุกคามจากซือเทียนโยวจึงลดลงอย่างมีนัย

ทว่าเมื่อเทียบกับจอมยุทธ์มหาพันภพ สายตาของมู่เฉินกลับเคร่งเครียดลงขณะที่จ้องมองไปที่เมฆปีศาจ ความไม่สบายใจก็ตีกวนในหัวใจ

ซือเทียนโยวต้องรู้ชัดเจนกับมูลค่าของศพราชันปีศาจ แต่ก็ยังตัดสินใจที่จะระเบิดโดยไม่ลังเลใดๆ ดังนั้นเขาต้องรู้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้ตนเองได้รับประโยชน์ที่ดีกว่าแทน

แต่ตอนนี้มีประโยชน์อะไรที่สำคัญไปกว่าศพราชันปีศาจ?

สายตาของมู่เฉินหันไปที่ใจกลางแท่นบูชา โลงศพสีดำถูกปิดผนึกด้วยเสาหิน… มีชิ้นส่วนวิญญาณของราชันปีศาจอยู่ในนั้น

“เฮ้ รู้สึกได้แล้วเหรอ?”

เมื่อเห็นสายตาของมู่เฉิน ซือเทียนโยวก็ยิ้มก่อนที่มือจะวาดตราประทับ ทันใดนั้นเมฆปีศาจก็เริ่มหมุนคว้าง ไม่กี่ลมหายใจต่อมาของเหลวขนาดเท่านิ้วมือสิบกว่าหยดก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้าตกลงบนโลงศพสีดำ

“นั่นคือ…แก่นเลือดราชัน?!”

มู่เฉินรู้สึกไม่สบายใจมาก เมื่อมองไปที่ของเหลวสีดำ เนื่องจากรู้สึกถึงความผันผวนที่น่ากลัวที่มาจากพวกมัน

แก่นเลือดเหล่านี้มาจากศพราชันที่ระเบิดแล้วกลั่นแก่นแท้เลือดจริงสิบกว่าหยดออกมา!

ชี่ ชี่!

เมื่อแก่นเลือดตกลงบนโลงศพหินสีดำ มู่เฉินก็เห็นมันถูกดูดซับเข้าไปทันที อึดใจโลงศพก็สั่นสะเทือน รัศมีปีศาจหนาแน่นรั่วไหลออกมา

โซ่ที่พันโลงศพถูกกัดกร่อนเป็นรูจากรัศมีปีศาจ…

“นรกแล้ว โลงศพกำลังจะแตก!” ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปทันทีกับฉากนี้

ตอนนี้เองจอมยุทธ์มหาพันภพก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อพวกเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงบนโลงศพ ใบหน้าแต่ละคนก็ซีดเผือด ความกลัวพล่านในส่วนลึกของดวงตา

พวกเขาไม่คิดว่าหลังจากกำจัดภัยคุกคามแบบซือเทียนโยวได้ พวกเขาจะต้องเผชิญกับปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่า

หากเศษวิญญาณของจอมปีศาจระดับเทียนเป็นอิสระละก็ พลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มแบบพวกเขาจะเผชิญหน้าได้

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ขณะที่ทุกคนกำลังสยดสยอง ศิลาทั้งสี่ก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของเศษวิญญาณ ทันใดนั้นศิลาก็ระเบิดแสงเจิดจ้าออกมาเพื่อระงับโลงศพที่สั่นสะท้าน

ทุกคนรู้สึกโล่งใจเมื่อได้เห็น

ปัง!

แต่พวกเขารู้สึกโล่งใจไม่ทันไร อึดใจศิลาหนึ่งในสี่ก็ระเบิดก่อร่างเป็นภาพร่างที่ด้านบน

นั่นก็คือแท่นบูชาเช่นกัน แต่มีร่างปีศาจขนาดยักษ์คำรามไปลั่นชั้นฟ้าพร้อมกับหัวโชกเลือดอยู่ในมือ

เมื่อมู่เฉินและบรรดาจอมยุทธ์มหาพันภพเห็นหัวนั่น ม่านตาของพวกเขาก็หดลงก่อนที่เสียงอุทานจะดังขึ้น “นั่นไป่จู๋!”

ใบหน้าของมู่เฉินน่าเกลียดลงหลายส่วน ไป่จู๋เป็นหนึ่งในมือสังหารปีศาจขั้นสูงจากมหาพันภพ ซึ่งเลือกเข้าสู่ชั้นผู้อาวุโสเชียง เขาเป็นหนึ่งในจอมยุทธ์ที่มีอำนาจมากที่สุดในบรรดาผู้ที่เข้าไปในชั้นนั้น

แต่ตอนนี้ชัดว่าถูกฆ่าตายแล้ว

แบบนี้ก็หมายความว่าชั้นผู้อาวุโสเชียงแตกแล้ว… และศิลาที่ถูกทำลายก็บอกว่าเศษวิญญาณจอมปีศาจระดับเทียนบนชั้นนั้น ถูกปลดปล่อยออกไป!

“ตอนนี้มีวิญญาณจอมปีศาจถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว เศษวิญญาณจะเข้าห้ำหั่นสู้กับปณิธานที่เหลืออยู่ของบรรพชนทั้งสี่หากอีกส่วนหนึ่งถูกปลดปล่อย ในเวลานั้นตราประทับเจดีย์สี่เทวะก็จะอ่อนแอลงอย่างมาก”

ดังนั้นพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้เศษวิญญาณในชั้นนี้หลุดออกไปได้!

ตู้ม ตู้ม!

ขณะที่ความคิดวูบไหว โลงศพจอมปีศาจที่ถูกระงับไว้ก็เริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง ศิลาทั้งสามพยายามปราบปราม แต่ก็ไม่สามารถทำให้สงบลงได้

หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้านในฉากนี้ เนื่องจากการต่อสู้ในระดับนี้อยู่เหนือการควบคุมและเขาได้แต่มองดูทั้งสองปะทะกันเท่านั้น

ทว่าการสูญเสียศิลาไปหนึ่ง ทำให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ต่อเจดีย์สี่เทวะ ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปรัศมีปีศาจที่ออกมาจากโลงศพที่ดูดซับเลือดกลั่นไปก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

ตู้ม!

ในที่สุดการต่อสู้ก็มาถึงจุดสำคัญแล้ว แสงปีศาจนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากโลงศพ จนโลงศพไม่สามารถทนได้อีกเกิดระเบิดขึ้น

แสงปีศาจทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับเสียงคำรามดังก้องด้วยความบ้าคลั่ง

“ฮ่าๆ ไม่คิดว่าหลังจากผ่านไปนับหมื่นปี ข้าจอมปีศาจเทียนเสี่ยเจียงก็ได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง!”

รัศมีปีศาจรวมตัวกันเป็นภาพเงาราวร้อยจั้งที่ปล่อยผม ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยขนสีดำ ปลดปล่อยรัศมีน่ากลัวที่ไม่สามารถจินตนาการได้ออกมา

ภายใต้รัศมีนั้น แม้แต่มู่เฉินก็ยังรู้สึกกลัวจนไม่สามารถต้านทานได้

จอมยุทธ์คนอื่นๆ แห่งมหาพันภพรู้สึกเข่าอ่อนยวบ แทบจะคุกเข่าลง การเผชิญหน้ากับจอมปีศาจระดับเทียน แม้ว่าจะเป็นเพียงเศษวิญญาณ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถต่อกรได้

กลับกันจอมยุทธ์เผ่าปีศาจก็ส่งเสียงโห่ฮาสะใจ

“คึๆ เจ้าเป็นคนปล่อยข้าคนนี้เหรอ?” ภาพเงาจอมปีศาจเทียนเสี่ยเจียงก้มศีรษะลงมองไปที่ซือเทียนโยวพร้อมกับเสียงหัวเราะแปลกประหลาด

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้เพื่อแสดงความขอบคุณ ข้าจะใช้ร่างเจ้า!”

ก่อนที่ซือเทียนโยวจะทันได้ตอบ ลำแสงปีศาจก็ดิ่งลงมาพุ่งใส่หัวของซือเทียนโยว เนื่องจากจอมปีศาจเทียนเสี่ยเจียงเป็นเพียงเศษวิญญาณ จึงจำเป็นต้องครอบครองร่างกายเพื่อที่จะสามารถปลดปล่อยพลังได้ดีขึ้น

เมื่อจอมปีศาจเทียนเสี่ยเจียงครอบครองร่าง ดวงตาของซือเทียนโยวก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง ผิวของเขาเปลี่ยนเป็นโลหะดูแข็งแรงเป็นพิเศษ

จอมปีศาจเคลื่อนไหวสั้นๆ ก่อนที่แสยะยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นสมาชิกเผ่าซือหมัว ร่างกายใช้ได้ ดูเหมือนข้าจะสามารถใช้พลังของตนได้มากขึ้น”

ขณะที่พูดเขาก็หันไปทางแท่นบูชา ความป่าเถื่อนและจิตสังหารพล่านในสายตา “ไอ้โคตรนรก แกปราบปรามวิญญาณของข้ามาเนิ่นนาน ตอนนี้มาดูสิว่าข้าจะทำลายแกยังไง!”

ตู้ม!

ขณะที่พูดก็ฟาดฝ่ามือออกไป รัศมีปีศาจพวยพุ่งกลายเป็นตราประทับปีศาจหมื่นจั้งที่มีพลังเหนือจินตนาการบินไปยังแท่นบูชา

ฮึ่ม!

แต่เมื่อคลื่นพลังกำลังจะกระแทกแท่นบูชา ศิลาตรงกลางก็ระเบิดแสงโบราณออกมา ร่างสูงวัยปรากฏขึ้น

เขาสะบัดแขนเสื้อ แสงไม่มีที่สิ้นสุดก็พุ่งออกมา ราวกับเมฆที่แต่งแต้มด้วยเฉดสีของพระอาทิตย์ตก บดบังตราประทับปีศาจไว้

“เสี่ยเจียง ไม่คิดว่าสุดท้ายแกก็หลบหนีออกมาได้” ร่างสูงวัยถอนหายใจ

จอมยุทธ์มหาพันภพอึ้งไปเมื่อเห็นร่างนั้น จากนั้นเฉวียนหลัว มั่วซินและชิงซวงก็อุทานด้วยความปีติยินดี “ท่านบรรพบุรุษ!”

ภาพเงานี้ก็คือปณิธานที่เหลืออยู่ของผู้อาวุโสฝูถู!

“ฮ่าๆ ไอ้แก่ฝูถู ดูเหมือนว่าแผนการของแกที่จะฆ่าพวกข้าล้มเหลวไม่เป็นท่า เจดีย์สี่เทวะได้รับความเสียหายบางส่วนแล้ว เมื่อไรข้าฆ่าแกได้ เจดีย์นี้ก็จะแสดงข้อบกพร่อง อีกไม่นานพวกข้าทุกคนจะได้รับการปลดปล่อย!” ซือเทียนโยวที่โดนสิงมองไปที่ผู้อาวุโสฝูถูพลางหัวเราะร่า

ผู้อาวุโสฝูถูส่ายหน้าตอบว่า “ข้าจะให้แกทำสำเร็จตามแผนได้ยังไงล่ะ?”

“แกคิดจะขัดขวางข้าด้วยปณิธานจ้อยร่อยเนี่ยนะ?” เสี่ยเจียงหัวเราะเยาะเย้ย “ร่างของเจ้าหนุ่มจากเผ่าซือหมัวนี่เหมาะกับข้ามาก งานนี้ข้าชนะแน่!”

ผู้อาวุโสฝูถูยิ้มเมื่อได้ยิน “ก็ไม่แน่”

เมื่อพูดจบเขาก็กวาดสายตาออกไป

ฟิ้ว ฟิ้ว!

เฉวียนหลัวและมั่วซินทะยานไปที่แท่นบูชาพูดเสียงดังฟังชัด “ท่านบรรพบุรุษ พวกข้าสองคนยินดีที่จะช่วยท่านในการฆ่าไอ้ปีศาจนี่!”

ทั้งสองกระตุ้นเจดีย์ในร่างกายทันที เจดีย์สุกใสและเจดีย์สีดำลอยอยู่เหนือหัวใจ ปล่อยความผันผวนน่าอัศจรรย์ออกมา

พวกเขาเสนอตัว เนื่องจากรู้ดีว่าหากสามารถช่วยเหลือผู้อาวุโสฝูถูในการสังหารปีศาจได้ พวกเขาก็มีสิทธิ์ได้รับวิชาเจดีย์แปดองค์!

“หน้าด้าน!”

ชิงหลิงด่ากราดกับภาพที่เห็น มู่เฉินทำงานหนักมากระหว่างการต่อสู้เพื่อให้ได้สถานการณ์เช่นนี้มา แต่เจ้าสองคนนั่นดันเสนอหน้าคิดจะเก็บเกี่ยวผลงานของมู่เฉิน

ผู้อาวุโสฝูถูประหลาดใจเมื่อเห็นเจดีย์เหนือศีรษะของพวกเขา จากนั้นเขาก็พูดด้วยความพึงพอใจ “ไม่คิดว่าหลังจากผ่านไปนับหมื่นปี ลูกหลานของเผ่าฝูถูโบราณจะโดดเด่นเช่นนี้”

เฉวียนหลัวและมั่วซินสุขใจทันทีเมื่อได้ยินคำชม

แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้แสดงความดีใจบนใบหน้า ผู้อาวุโสฝูถูก็มองไปที่มู่เฉิน “แต่เขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการสังหารปีศาจ”

“เจ้าหนู ก่อนหน้านี้ข้าได้เห็นศักยภาพของเจ้าแล้ว เจ้าโดดเด่นอย่างมาก แม้แต่ในสมัยโบราณก็มีไม่กี่คนในเผ่าที่สามารถเทียบเคียงกับเจ้าได้” ผู้อาวุโสฝูถูคลี่ยิ้มอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ

มู่เฉินอึ้งไปเมื่อได้ยิน แต่กลับตกอยู่ในความเงียบ

รอยยิ้มของเฉวียนหลัวและมั่วซินค้างบนใบหน้า ก่อนที่พวกเขาจะพูดรัวเร็วว่า “ท่านบรรพบุรุษ เจ้านั่นเป็นตัวกาลกิณีของเผ่า ท่านไม่ควรเลือกเขา!”

ผู้อาวุโสฝูถูก็อึ้งไป ก่อนที่จะตรวจสอบมู่เฉินพลางขมวดคิ้ว จากนั้นก็หันไปมองเฉวียนหลัวและมั่วซินพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “เจ้าหนูนี่มีนิสัยอดทนพากเพียร เขาไม่ถอยแม้จะเผชิญหน้ากับศพราชัน นิสัยของเขาไม่น่าจะเลวร้าย จะเป็นตัวกาลกิณีได้ยังไง?

เฉวียนหลัวกับมั่วซินเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดเสียงเบา “แม่ของเขากระทำบาปกับคนนอก ปล่อยให้สายเลือดสูงส่งของเรารั่วไหลออกไป นี่ถือเป็นบาปใหญ่!”

ทว่าพวกเขาคิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสฝูถูจะโมโหทันทีที่ได้ยินพลางก่นด่า “เหลวไหล! เผ่ามองว่าเขาเป็นคนบาปเพราะเรื่องนี้เนี่ยนะ? ตอนนี้เผ่าฝูถูปัญญาอ่อนขนาดนี้ได้ยังไง?!”

เฉวียนหลัวและมั่วซินมองหน้ากัน พวกเขาไม่คิดว่าผู้อาวุโสฝูถูจะปฏิเสธบาปนี้

หลังจากตำหนิทั้งสอง สายตาของผู้อาวุโสฝูถูก็ดูอ่อนโยนเมื่อหันไปหามู่เฉิน “เจ้าหนู เต็มใจจะช่วยตาแก่คนนี้ฆ่าปีศาจหรือไม่”

แววตาของมู่เฉินซับซ้อน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบคนของเผ่าฝูถูที่ไม่ปฏิบัติต่อเขาในฐานะกาลกิณี ดังนั้นเขาจึงหายใจเข้าลึกเสียงดังก้องไปทั่วชั้นฟ้า ทำให้ใบหน้าของเฉวียนหลัวและมั่วซินเขียวคล้ำ

“ข้าน้อยยินดีที่จะช่วยเหลือสุดกำลังขอรับ!”