อันที่จริงไม่ใช่เพียงแค่เสี่ยไป๋เจิ้งที่ตื่นตระหนก แต่คนอื่น ๆ ที่ไม่เคยเห็นความสามารถของหลิงเทียนหยุนมาก่อนก็รู้สึกตื่นตระหนกเช่นกัน
นี่หลิงเทียนหยุนเป็นอมตะหรือไง?
ในความเป็นจริงสิ่งที่คนอื่น ๆ ไม่รู้ก็คือแท้จริงแล้วร่างของหลิงเทียนหยุนที่เสี่ยไป๋เจิ้งทำลายไปนั้นทุกร่างมันคือร่างปลอมที่ถูกสร้างขึ้นจากสมบัติวิเศษที่มีชื่อว่ามายาเที่ยงแท้!
แต่ถ้าจะถามถึงร่างจริงของหลิงเทียนหยุนแล้วล่ะก็ เขาได้ไปซ่อนตัวอยู่ในเงาของเสี่ยไป๋เจิ้งตั้งแต่แรกที่สู้กันแล้ว ซึ่งเสี่ยไป๋เจิ้งไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงแม้ว่าหลิงเทียนหยุนจะกุมความได้เปรียบได้มากแค่ไหน แต่ด้วยปัญหาในด้านระดับการบ่มเพาะที่แตกต่างกันเกินไป เขาจึงไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ กับร่างกายของเสี่ยไป๋เจิ้งได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่กดดันให้เสี่ยไป๋เจิ้งยอมแพ้ไปเอง
หลังจากทำลายร่างปลอมที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมายาเที่ยงแท้ไปมากกว่าสิบรอบ เสี่ยไป๋เจิ้งก็ทนไม่ไหวและพูดว่า “ก็ได้ข้ายอมแพ้เจ้า!”
หลิงเทียนหยุนหัวเราะและตอบกลับทันที “ในเมื่อเจ้ายอมแพ้ ถ้างั้นเจ้าก็จงไสหัวออกไปให้พ้นทางพวกข้าซะ!”
เมื่อพูดจบ หลิงเทียนหยุนก็สลายร่างเต๋าทั้งสามของเขาออกไปเพื่อปลดปล่อยให้อาณาเขตสวรรค์ของเสี่ยไป๋เจิ้งเป็นอิสระ และจากนั้นร่างจริงของเขาก็พุ่งออกจากเงาของเสี่ยไป๋เจิ้ง และไปยืนอยู่เคียงข้างหลิงตู้ฉิงเหมือนเดิม
เสี่ยไป๋เจิ้งขนลุกชันทันทีเมื่อได้รู้ว่าแท้จริงแล้วหลิงเทียนหยุนซ่อนอยู่ในเงาของเขามาโดยตลอด จากนั้นเขาก็มองไปที่หลิงเทียนหยุนด้วยสายตาหวาดกลัวและเปิดทางให้แต่โดยดี ซึ่งบรรดากลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังเสี่ยไป๋เจิ้งก็เปิดทางให้กับกลุ่มของหลิงตู้ฉิงเช่นกัน
หลังจากกลุ่มของหลิงตู้ฉิงจากไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนของเสี่ยไป๋เจิ้งก็ถามขึ้นว่า “นายน้อย ท่านเป็นอะไรรึเปล่า?”
เสี่ยไป๋เจิ้งถอนหายใจและพูดว่า “อาณาเขตสวรรค์ของข้าในตอนนี้เสียหายอย่างหนัก ซึ่งมันคงจะต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่มันจะฟื้นฟูกลับไปเป็นเหมือนเดิม ว่าแต่กลุ่มคนเหล่านั้นเป็นใครกัน? ปราชญ์ถังชี่หยุนมีศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตามที่ผู้น้อยรู้มาไม่มีศิษย์คนไหนของปราชญ์ถังที่มีพรสวรรค์แบบนี้ปรากฏตัวขึ้นก่อนหน้านี้เลย แต่ไม่แน่ว่าคนเหล่านี้อาจจะเป็นไพ่ลับของนางที่นางซ่อนเอาไว้มาโดยตลอดก็ได้” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเอ่ยขึ้น “ด้วยการสนับสนุนของผู้ที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้ ไม่แน่ว่าการคัดเลือกมหาปราชญ์ครั้งนี้นางอาจจะมีโอกาสสูงก็ได้…”
ตัดมาทางฝั่งของหลิงเทียนหยุน
ในเวลานี้แทบจะทุกคนต่างมองไปที่หลิงเทียนหยุนด้วยสายตาแปลกประหลาด แต่หลิงตู้ฉิงกลับส่ายหัวและพูดว่า “ในตอนนี้เจ้าคงรู้แล้วว่าจุดอ่อนที่ใหญ่หลวงที่สุดของเจ้าเวลานี้คือระดับการบ่มเพาะ ดังนั้นนับจากนี้เจ้าจงตั้งใจบ่มเพาะเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะให้เร็วที่สุด!”
หลิงเทียนหยุนพยักหน้าและพูดว่า “รับทราบท่านพ่อ!”
ก่อนหน้านี้เขาเองเอาแต่พยายามหลอมรวมรวมเต๋าต่าง ๆ เข้าไปมาในร่างของเขา ดังนั้นเขาจะเอาเวลาที่ไหนมาบ่มเพาะเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะกัน?
หลังจากได้รับการชี้แนะจุดอ่อนจากพ่อของเขาเอง หลิงเทียนหยุนจึงนั่งลงบ่มเพาะอย่างเงียบ ๆ ทันที
หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มของหลิงตู้ฉิงในที่สุดก็เดินทางถึงสำนักเที่ยงธรรม ซึ่งเมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาทุกคนก็สัมผัสได้ถึงพลังแห่งความเที่ยงธรรมที่หนาแน่นอยู่รอบ ๆ
แต่แล้วแทบจะในทันทีที่พวกเขาเหยียบไปในพื้นที่ของสำนกเที่ยงธรรม จู่ ๆ บัณฑิตหนุ่มผู้หนึ่งก็รีบบินเข้ามาหาและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “ไม่ทราบว่าพวกท่านทั้งหลายมาจากไหนกันงั้นหรือ?”
เสี่ยวเยว่เฟิงโค้งตัวทักทายและตอบกลับทันที “พวกเรามาจากภูมิภาคหนานลี่ ไม่ทราบว่าท่านพอจะรู้ไหมว่าปราชญ์ถังชี่หยุนพำนักอยู่ที่ไหน?”
บัณฑิตยิ้มและพูดว่า “อ๋อที่แท้พวกท่านก็มาสนับสนุนปราชญ์ถังนี่เอง ถ้างั้นพวกท่านโปรดตามข้ามาได้เลย”
บัญฑิตผู้นี้นั้นมีระดับการบ่มเพาะที่ไม่สูงมากเท่าไหร่ แต่กลิ่นอายของเขาที่ปลดปล่อยออกมานั้นมันส่งผลให้คนอื่น ๆ รู้สึกว่าคำพูดของเขาไม่อาจถูกปฏิเสธได้
และยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทุกคนต่างรู้สึกว่าหากมีใครในพวกเขาลงมือทำอะไรบัณฑิตผู้นี้แล้วล่ะก็ พวกเขาจะมีจุดจบที่ไม่สวยแน่นอน
หลังจากนั้นไม่นานบัญฑิตก็พากลุ่มของหลิงตู้ฉิงมุ่งหน้าไปที่ภูเขาลูกหนึ่ง
สภาพแวดล้อมของภูเขาลูกที่กลุ่มของหลิงตู้ฉิงถูกพามานั้นมันเต็มไปด้วยบ้านเรือนน้อยใหญ่มากมาย และที่ยอดของภูเขาลูกนี้นั้นก็มีหญิงวัยกลางคนสวมชุดสีขาวผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่หน้ากระท่อมไม้
“สำนักเที่ยงธรรมขอต้อนรับคุณชายหลิง!” ถังชี่หยุนกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
หลิงตู้ฉิงยิ้มตอบและพูดว่า “ในเมื่อข้าสัญญาไว้แล้วว่าจะมา ดังนั้นข้าก็ต้องมาแน่นอน”
“บุญคุณนี้ชี่หยุนขอจดจำไว้จนชั่วนิรันดร์” ถังชี่หยุนพยักหน้า “และอีกอย่างข้ายังคงต้องขอขอบคุณที่คุณชายหลิงดูแลลูก ๆ ของข้าเป็นอย่างดี บุญคุณเรื่องนี้ข้าก็จะจดจำมันไว้เช่นกัน”
“เจ้าเตรียมตัวพร้อมถึงไหนแล้ว?” หลิงตู้ฉิงเปลี่ยนประเด็นถามเข้าเรื่องทันที เพราะเขาไม่อยากจะเสียเวลาทักทายให้ยืดยาวกับถังชี่หยุน
ถังชี่หยุนพยักหน้าและพูดว่า “ข้าใกล้จะพร้อมแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาข้าต้องขอรบกวนให้คุณชายหลิงช่วยข้าด้วยอีกแรง”
“ที่ข้ามาที่นี่เพราะว่าข้ามาช่วยอยู่แล้ว ดังนั้นเจ้าไม่ต่องเป็นห่วง” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวไปเตรียมตัวเพิ่มเติมก่อน ข้าต้องขออภัยด้วยที่ไม่สามารถอยู่ดูแลท่านได้นานมากกว่านี้” เมื่อพูดจบ ถังชี่หยุนก็เดินกลับเข้าไปด้านในกระท่อมไม้ทันที
ในเวลาเดียวกัน หลิงยู่ชานก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจและทักว่า “ท่านพ่อ น้องสาม น้องสี่ น้องหก? ทำไมพวกท่านมาด้วยกันแบบนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า?”
“ทำไมงั้นเหรอ? หรือว่าก่อนจะมาถึงนี่เจ้าพบกับปัญหาระหว่างทาง?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น
อันที่จริงในบรรดาครอบครัวของหลิงตู้ฉิง กลุ่มของหลิงตู้ฉิงมาถึงที่นี่ท้ายสุด
หลิงไช่หยุนบ่นอุบว่า “ก่อนหน้าที่พวกเราจะมาถึงที่นี่ พวกเราได้บังเอิญไปเจอกับพวกเผ่าอสูรเข้าและปะทะกันไปรอบหนึ่ง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วทันทีและถามว่า “พวกเผ่าอสูรมาที่นี่ด้วยงั้นเหรอ?”
“พวกมันมาที่นี่ด้วยท่านพ่อ แถมพวกมันยังสนับสนุนปราชญ์คนหนึ่งที่มีชื่อว่า จางไป๋ฟาน อีกต่างหาก!” หลิงไช่หยุนเอ่ยขึ้น
หลิงตู้ฉิงพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด และพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นไอ้ปราชญ์ที่ชื่อจางไป๋ฟานก็ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป! เมื่อถึงเวลาการคัดเลือกเริ่มขึ้นพ่อจะให้พวกเจ้าฆ่าเหล่าผู้คนที่สนับสนุนจางไป๋ฟานให้หมด!”
“รับทราบท่านพ่อ!” หลิงยู่ชานพยักหน้า “อันที่จริงพวกเราได้ปรึกษากันเองแล้วเหมือนกันว่าในเมื่อจางไป๋ฟานบังอาจพึ่งพาเผ่าอสูร เขาก็ไม่ควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาหันไปพูดกับหลิงฟ่างหัวว่า “ฟ่างหัว พ่อยืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วทำไมเจ้าถึงไม่เข้ามาทักพ่อแบบนี้?”
หลิงฟ่างหัวทำหน้ามุ่ยและตอบกลับว่า “ก็ข้าเห็นว่าท่านกำลังคุยอยู่กับพี่ใหญ่และก็น้องเล็ก ข้าก็เลยไม่อยากจะขัดบทสนทนาของพวกท่านน่ะสิ! ข้าน่ะไม่ได้เจอท่านมาตั้งหลายปี ข้าคิดถึงท่านจะตาย มีหลายครั้งที่ข้าอยากจะไปหาท่านเอง แต่พอข้าได้ยินว่าท่านกำลังอยู่กับแม่ใหม่อีกสองคนข้าก็เลยคิดว่าต่อให้ข้าไปหาท่าน ท่านก็คงไม่มีเวลาให้ข้าอยู่ดี!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เจ้านี่เหลือเกินจริง ๆ เลย พูดไปพูดมาก็มาโยนความผิดให้พ่อได้ซะอย่างงั้น! เอาล่ะให้พ่อได้แนะนำพวกนางให้พวกเจ้าได้รู้จัก นี่คือองค์หญิงหวงซีจากภูเขาฟีนิกซ์ ผู้ซึ่งเป็นรักแท้ของพ่อเมื่อชีวิตที่แล้ว แต่ว่าตอนนี้นางกำลังปกปิดตัวตนอยู่ ดังนั้นพวกเจ้าก็อย่าได้บอกใครก็แล้วกันว่านางเป็นใคร”
“ส่วนนี่คือเสี่ยวลิ่วนางเป็น…ในตอนนี้นางเป็นน้องสาวของแม่พวกเจ้าอีกคนหนึ่ง แต่ในอนาคตนางก็จะมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราเช่นกัน ดังนั้นพวกเจ้าเองก็ควรที่จะเคารพนางเช่นกัน!”
เมื่อหลิงตู้ฉิงแนะนำตัวหวงซีและเสี่ยวลิ่วเสร็จ บรรดาลูกของเขาก็ทำความเคารพหญิงสาวทั้งสองด้วยสีหน้าเบิกบาน ซึ่งหญิงสาวทั้งสองก็มอบสมบัติระดับจักรพรรดิให้กับบรรดาลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงเพื่อเป็นของขวัญแรกพบกัน
หลังจากที่ทุกคนทักทายกันเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็เริ่มสร้างที่พักชั่วคราวบนยอดเขาเพื่อรอวันคัดเลือกมหาปราชญ์ที่กำลังใกล้จะมาถึง