ตอนที่ 918 สมบัติในบ่อน้ำพุร้อน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ภายในชั่วพริบตา เวลาเจ็ดวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ตลอดช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ใช้เวลาอยู่บริเวณก้นหน้าผาโดยไม่ออกไปที่ใด

เหมียวเจินเจินและคนอื่น ๆ ก็ทะลวงพลังได้สำเร็จไปตาม ๆ กันส่งผลให้พลังของพวกนางพัฒนาขึ้นอย่างมาก

แม้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะไม่ได้ทะลวงพลังเพิ่มเติมอีก พลังความแข็งแกร่งของทั้งสองก็พัฒนาขึ้นเล็กน้อย ต้องกล่าวเลยว่าสภาวะพลังใต้หน้าผาแห่งนี้หนาแน่นและอุดมสมบูรณ์กว่าที่อื่นอย่างแท้จริง แม้แต่ภายในคฤหาสน์เฟิงหัวของฉินอวี้โม่ก็ยังเทียบไม่ติด

หลังจากคำนวณเวลาและตระหนักว่าเวลาผ่านมาเกือบสิบวันแล้วนับตั้งแต่ก้าวผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายเข้ามาปรากฏตัวในดินแดนต้องห้ามของนิกายหมื่นบุปผา ทุกคนก็ไม่คิดที่จะอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่อีกต่อไปและวางแผนที่จะตามหาสมบัตินั้นให้พบโดยเร็ว…

ในโลกภายนอก ณ เรือนที่พักของฮวาหรงในนิกายหมื่นบุปผา

“เป็นอย่างไรบ้าง ? มีข่าวความคืบหน้าใดจากในดินแดนต้องห้ามรึไม่ ?”

ฮวาหรงขมวดคิ้วมุ่นและเอ่ยถามผู้อาวุโสรองฮวาเฉิน ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบสิบวันแล้วทว่ายังไม่มีความคืบหน้าว่าฉินอวี้โม่และสหายเผชิญภยันตรายใดหรือไม่ แน่นอนว่านั่นทำให้นางมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก

“ไม่ ในฝั่งซ้ายก็ไม่มีความคืบหน้าใดเลย มันช่างแปลกพิลึกจริง ๆ”

ฮวาเฉินขมวดคิ้วเช่นกัน ด้วยความแข็งแกร่งในระดับของฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ พวกนางควรที่จะเผชิญกับวิกฤตร้ายแรงนับตั้งแต่ที่เข้าไปในดินแดนต้องห้าม แล้วเหตุใดจึงยังไม่มีความเคลื่อนไหวมาจนถึงตอนนี้ ?

แม้พวกนางจะมองไม่เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นข้างในดินแดนต้องห้ามในตอนนี้ แต่พวกนางก็เคยเข้าไปที่นั่นและทราบถึงอันตรายของมันเป็นอย่างดี

“พวกเจ้ายืนยันความแข็งแกร่งของศิษย์นอกทั้งสามคนนั่นรึยัง ?”

ฮวาหรงรู้สึกได้ว่าจะต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอนและสังหรณ์ใจมาตลอดว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป

“ข้ายืนยันได้ว่าหนึ่งในนั้นคือศิษย์ที่เข้ามาใหม่และอีกสองคนอยู่ที่นี่มานานกว่าสิบปีแล้วทว่าพวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก โดยปกติแล้วควรที่จะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะรับมือกับสถานการณ์ข้างในดินแดนต้องห้าม”

ฮวาเฉินและฮวาอวี่หันมองหน้ากัน เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดเหตุไม่คาดคิดใด ๆ พวกนางจึงสืบข้อมูลมาอย่างละเอียดแล้ว

“ถ้าเช่นนั้นรอต่ออีกสักหน่อยก็แล้วกัน”

นางกล่าวพลางส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาและทำได้เพียงรอต่อไปอีกสักระยะก่อนที่จะตัดสินใจทำสิ่งใด ถึงอย่างไรพวกนางก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงสถานการณ์ในดินแดนต้องห้ามได้และทำได้เพียงหวังว่าสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายข้างในนั้นจะกำจัดฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ได้สำเร็จ

ในอีกฟากหนึ่งของนิกายหมื่นบุปผา คณะของฝั่งซ้ายก็ยังคงเงียบสงบ

“อวี้โม่และสหายหายเข้าไปข้างในหลายวันแล้วและยังไม่ได้ทำลายลูกแก้ววิญญาณที่ข้าให้ไป ข้าว่าสถานการณ์ของพวกนางคงจะราบรื่นดี”

ก่อนที่ฉินอวี้โม่จะเข้าไปในดินแดนต้องห้าม นางได้รับลูกแก้ววิญญาณแล้วซึ่งหากทำลายมันเมื่อเผชิญภยันตราย ฮวาเยว่จะเข้าไปช่วยพวกนางโดยเร็วที่สุด

ตอนนี้พวกนางก็ยังคงสัมผัสได้ถึงลูกแก้ววิญญาณดังกล่าวซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าฉินอวี้โม่และทุกคนยังปลอดภัยดี

“ศิษย์เหล่านั้นไม่ธรรมดาเลย พวกนางอาจนำสมบัติของนิกายเราออกมาสำเร็จก็เป็นได้”

ฮวาเยว่กล่าวพร้อมรอยยิ้มและคาดเดาผลลัพธ์เช่นนั้นมานานแล้ว

หากมีเพียงฉินอวี้โม่และคณะสตรีทั้งสาม นางก็คงจะกังวลไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ในเมื่อมีหานโม่ฉือติดตามไปด้วย ฮวาเยว่จึงวางใจได้มาก ด้วยความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือ การรับมือกับสถานการณ์ในดินแดนต้องห้ามมิใช่ปัญหาแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น คณะของฉินอวี้โม่ก็ล้วนเป็นจอมยุทธ์ที่มีฝีมือไม่ธรรมดาและบางทีพวกนางอาจจะสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนได้

“ศิษย์พี่ เราไม่ได้ตามไปที่เมืองเทียนยงก่อนหน้านี้ อันที่จริงแล้วฉินอวี้โม่และสหายมาจากตระกูลใดกันแน่รึ ?”

ฮวาปี้อดเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับฉินอวี้โม่และคณะไม่ได้ นางไม่ทราบเลยว่าตระกูลทรงพลังใดที่จะฟูมฟักฝึกฝนสมาชิกที่น่าทึ่งเช่นนี้ออกมาได้

“มิใช่ตระกูลทรงพลังใดหรอก”

ฮวาเยว่ก็ไว้วางใจในตัวศิษย์น้องทั้งสองซึ่งเป็นผู้อาวุโสของฝั่งซ้ายเป็นอย่างมากและบอกความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ของฉินอวี้โม่อย่างไม่ลังเล

“มาจากดินแดนระดับต่ำงั้นรึ…”

เมื่อได้ทราบความจริงจากฮวาเยว่ ฮวาลั่วและฮวาปี้ก็มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจทันที ไม่คิดเลยว่าแท้จริงแล้วจอมยุทธ์จากดินแดนระดับต่ำจะมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งและพลังที่แกร่งกล้าเช่นนั้น ความจริงนี้ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองชื่นชมอย่างแท้จริง

“อีกอย่าง…ศิษย์น้องทั้งสอง ข้ามีเรื่องที่ต้องการวานให้พวกเจ้าช่วยสืบสวนหน่อย”

เมื่อนึกถึงเรื่องของอวี๋เสี่ยวอวิ๋น ฮวาเยว่ก็กล่าวกับทั้งสองด้วยเสียงเบา

“อวี๋เสี่ยวอวิ๋นอย่างนั้นหรือ ?”

ทั้งสองแสดงสีหน้าแปลกใจและไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม ในเมื่อฮวาเยว่บอกให้สืบเสาะหาข้อมูล พวกนางก็ไม่มีทางปฏิเสธ

“จงจำไว้ว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับจ้าวนิกายโดยตรง เพราะฉะนั้นศิษย์น้องทั้งสองจะต้องระวังตัวให้มากและอย่าให้นางไหวตัวได้เด็ดขาด”

ฮวาเยว่กล่าวกำชับกับทั้งสองอย่างจริงจัง แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจ้าวนิกายของพวกนางเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร แต่นางก็มั่นใจได้ว่าจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องบางอย่างเป็นแน่

ฮวาลั่วและฮวาปี้เป็นคนที่ไว้วางใจได้ ในฐานะผู้อาวุโสของนิกายหมื่นบุปผา พวกนางย่อมมีวิธีการสืบข่าวที่มากกว่าคนอื่น ๆ และการให้พวกนางคอยช่วยสืบเช่นนี้อาจช่วยให้ได้ข่าวที่เป็นประโยชน์ได้ในไม่ช้า

“ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล พวกเราเข้าใจแล้ว”

ฮวาลั่วและฮวาปี้พยักศีรษะอย่างหนักแน่น ในทั่วทั้งนิกายหมื่นบุปผาแห่งนี้ พวกนางมีความไว้ใจต่อฮวาเยว่เพียงเท่านั้น แม้แต่จ้าวนิกายอย่างฮวาฟางเฟยก็ยังมีศักดิ์ที่ด้อยกว่าฮวาเยว่ในสายตาของพวกนาง

“รอต่ออีกสักสองสามวันเถอะ ฉินอวี้โม่และสหายคงจะออกมาในตอนนั้น”

ฮวาเยว่กล่าวพร้อมถอนหายใจและปล่อยให้ฮวาลั่วและฮวาเยว่กลับไปจัดการธุระต่าง ๆ ของตน นางคาดหวังไว้ว่าฉินอวี้โม่และสหายจะต้องกลับมาพร้อมบางอย่างที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างแน่นอน…

ภายในดินแดนต้องห้ามของนิกายหมื่นบุปผา ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือกำลังก้าวลงในบ่อน้ำพุร้อนเดิมอีกครั้ง

สมบัติที่ตามหาน่าจะซ่อนอยู่ที่ใดสักแห่งในส่วนลึกของบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้และพวกนางสามารถระบุตำแหน่งคร่าว ๆ ได้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

กล่าวได้ว่าไม่มีผู้ใดที่สามารถลงมาถึงที่นี่ได้และเป็นธรรมดาที่มันจะไม่มีอสูรทรงพลังคอยคุ้มกัน

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของมันถือว่าสมเหตุสมผลมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเมฆและม่านหมอกหนาประหลาดหรือความสูงของหน้าผานี้ แม้แต่ผู้ที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนก็อาจลงมาที่นี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับคนของนิกายหมื่นบุปผา

หลังจากสำรวจทั่วบ่อน้ำพุร้อนอีกครั้งและหยุดลงตรงหน้าจุดที่ระบุไว้ ฉินอวี้โม่ก็ปลดปล่อยพลังมายาออกมาและฟาดฝ่ามือลงไปบนผืนน้ำ

ตูมมม !

เสียงตูมดังขึ้นพร้อมน้ำพุร้อนที่สาดกระเด็นออกมาและเกิดหลุมขนาดเล็กปรากฏให้เห็นบนพื้นดิน

อึดใจต่อมา แสงสว่างเจิดจ้าก็แผ่ออกมาทั่วบริเวณจนฉินอวี้โม่ต้องหรี่ตาเล็กน้อย จากนั้น ก้อนแสงก้อนหนึ่งก็ลอยขึ้นจากหลุมเล็กดังกล่าวและแยกตัวออกจากบ่อน้ำพุร้อนก่อนลอยขึ้นสูงเกือบหนึ่งจั้งเหนือพื้นดิน

ทันใดนั้น บ่อน้ำพุร้อนก็สูญเสียอุณหภูมิร้อนทั้งหมดไปและกลายเป็นบ่อน้ำเย็นยะเยือก

สภาวะพลังรอบบริเวณถูกดูดซับลงในก้อนแสงตรงหน้าทุกคนอย่างรวดเร็วและภายในเวลาเพียงไม่นาน สภาวะพลังรอบตัวก็เบาบางลงไปมาก

“นี่คืออะไรกัน ?”

เหมียวเจินเจินเงยหน้ามองก้อนแสงและเอ่ยถามด้วยประหลาดใจ

“นี่คือสมบัติของนิกายหมื่นบุปผางั้นรึ ?”

ด้วยพลังมายาปริมาณมหาศาลที่อัดแน่นอยู่ภายใน เพียงลอยตัวอยู่ตรงหน้า ก้อนแสงประหลาดก็ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงแรงกดดันอันแรงกล้าและราวกับมีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมา ยิ่งไปกว่านั้น ก้อนแสงขนาดเล็กเพียงแค่นี้ก็สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาอันน่าตกใจรอบตัว เห็นได้ชัดว่า ‘สมบัติ’ ชิ้นนี้ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง

“มันคือไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์”

หมาป่าขาวจดจำไข่มุกส่องประกายสว่างตรงหน้าได้ทันที แม้พอจะทราบเกี่ยวกับมันมาบ้าง มันก็ยังมีท่าทีตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด

‘ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์’ คือสมบัติล้ำค่าในตำนานที่สามารถให้กำเนิดพลังมายาได้อย่างต่อเนื่อง หากมีไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัว ความเร็วในการฝึกวิชาของจอมยุทธ์จะรวดเร็วกว่าคนธรรมดาหลายเท่าตัว

เมื่อหลายหมื่นปีก่อน ผู้แกร่งกล้าคนหนึ่งก็เคยกลายเป็นยอดฝีมือผู้พิชิตดินแดนเพียงเพราะมีไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่ในการครอบครอง

เพียงแต่ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็หายสาบสูญไปหลังจากการล่มสลายของยอดฝีมือผู้นั้นและไม่เคยมีเบาะแสเกี่ยวกับมันตลอดนับหมื่นปีที่ผ่านมา

กล่าวกันว่าตราบใดที่ได้ครอบครองไข่มุกวิเศษนี้ พัฒนาการของคนผู้นั้นจะเร็วขึ้นหลายสิบเท่า

คิดไม่ถึงเลยว่าสมบัติที่หายสาบสูญของนิกายหมื่นบุปผาจะเป็นไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์