ตอนที่ 976: การปฏิบัติของเจี้ยนเฉิน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 976: การปฏิบัติของเจี้ยนเฉิน

“เจี้ยนเฉิน มันมีกฎระหว่างตระกูลผู้พิทักษ์ของพวกเราอยู่ พวกเราไม่สามารถสร้างองค์กรใหญ่ใดใดบนทวีปได้ ในฐานะที่เป็นสมาชิกของตระกูลผู้พิทักษ์ เจ้าจะต้องทำตามกฎนี้ ขนาดของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีนั้นเกินกว่าข้อจำกัดและพวกเขายังมีเมืองที่สร้างมาจากทังสเตนอีก มันต้องถูกยุบ” ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลผู้พิทักษ์พูดด้วยเสียงทุ้ม

ตาของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเปกันไปเมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขาพูดอย่างเย็นชา “นั่นมันเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด ข้าเกิดที่เมืองลอร์ของอาณาจักรเกอซุน ข้าไม่มีความเชื่อมโยงกับตระกูลผู้พิทักษ์ และก็ไม่ได้เป็นสมาชิกด้วย”

ผู้อาวุโสสุงสุดเจียงหยาง ซู เซียวของตระกูลผู้พิทักษ์ยทนอยู่ด้านหน้าและจ้องไปที่เจี้ยนเฉิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเปกันไปในขณะที่เขาพูดออกมาด้วยเสียงที่เกือบสั่น “เจี้ยนเฉิน เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง ผู้ก่อตั้งเมืองลอร์ ตระกูลเจียงหยางก็เป็นของเหลนข้า เจียงหยางซูหยุนคง เจ้าเป็นลูกหลานของหยุนคง ดังนั้นเจ้าจึงเป็นเหลนของข้าเช่นกัน สายเลือดของตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางหมุนเวียนอยู่ในตัวของเจ้า”

เจี้ยนเฉินยังคงปกติ ในตอนที่เขากำลังจะย้อนกลับไป ประตูมิติก็ปรากฏขึ้นถัดไปจากเขา และเจียงหยาง ซู หยวนเซียวก็ออกมา กลุ่มคนจำนวนมากเติมตามเขาออกมา เจียงหยาง ซู อวี้หยวน เจียงหยาง ซู หยุนคง ไป๋ไฮ เจียเต๋อไท่ เจียงหวูจี่ โหยวเยว่ ไป๋เหลียน หยูเฟิงหยาน และทุก ๆ คนก็มาด้วย

“ดูนั่น เขาคือเจียงหยาง เซียงเทียนใช่หรือไม่ ? ” เจียงหยาง ซู หยุนคงพูดกับกลุ่มคนเหล่านั้น เสียงของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ เขากลับไปที่ตระกูลเจียงหยางและพากลุ่มคนเหล่านี้มาที่นี่ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถรู้ว่าเจี้ยนเฉินคือใครได้ เผื่อว่าเจี้ยนเฉินที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขานั้นจะเป็นตัวปลอม

“ท่านพี่…”

“เซียงเทียน..”

“นายน้อย..”

“เจี้ยนเฉิน..”

เมื่อกลุ่มคนเหล่านี้เห็นเจี้ยนเฉิน พวกเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ทันที ลุงเจียง หยูเฟิงหยาน ไป๋เหลียน และโหยวเยว่ก็ร้องไห้ออกมา

“ดี ดี ดี ดีแล้วที่เจ้ากลับมา ดีจริงจริงที่เจ้ากลับมา” ไป๋ไฮพูดด้วยเสียงทุ้ม เขาตื้นตันมาก

หญิงวัยกลางคนที่สวยงาม เจียงหยาง ซู อวี้หยวนจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความตกตะลึงในขณะที่นางถอนหายใจออกมาอย่างตื้นตัน “เขาเป็นคนของตระกูลที่ช่วยคงเอ๋อไว้ใช่หรือไม่ ? ทำไมเขาถึงได้แข็งแกร่งนัก ? พลังแห่งการมีอยู่ของเขาทำให้ข้ารู้สึกหายใจไม่สะดวกเลย เขาไม่ใช่เซียนผู้คุมกฎอย่างนั้นหรือ ? ไม่ เป็นไปไม่ได้ อายุของเขา…”

เจียงหยาง ซู เซียวถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาพูด “เจี้ยนเฉินในตอนนี้ไม่ใช่เจี้ยนเฉินที่เจ้ารู้จักตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว เข้าเป็นเซียนราชาแล้วในตอนนี้และการที่เขามียุทธภัณฑ์จักรพรรดิ เขาสามารถสู้กับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 ได้ มีคนไม่มากนักหรอกบนทวีปที่สามารถหยุดเขาได้”

เจียงหยาง ซู เซียว, เจียงหยาง ซู อวี้หยวน และเจียงหยาง ซู หยุนคง ทั้งหมดอึ้งเมื่อพวกเขาได้ยินแบบนี้ ความตกใจของพวกเขาพุ่งไปจนถึงขีดสุด

สักพักต่อมา เจียงหยาง ซู หยุนคงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “ข้าพอใจมากที่ในชีวิตของข้าที่ได้เห็นลูกหลานที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ เหลนเอ้ย ในตอนนี้เจ้าเป็นจอมยุทธที่น่าเกรงขามที่สุดยอด เจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่เจ้าอยากจะทำ ตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางของพวกเราจะสนับสนุนเจ้าอยู่ด้านหลังเอง”

จิตสังหารของเจี้ยนเฉินลดลงอย่างรวดเร็วทันทีเมื่อสมาชิกในครอบครัวของเขามาปรากฏอยู่ด้านหน้า เขาตื้นตันมาก แต่เขาก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาตื้นตันถึงวันเก่า ๆ เช่นนั้น เขาจึงข่มความรู้สึกเอาไว้

“เจี้ยนเฉิน ขอโทษด้วย ข้าทำอย่างที่เจ้าคาดหวังไม่ได้และพลาดที่จะปกป้องเมืองอัคนีเอาไว้ได้ เมืองอัคนีได้ถูกคนอื่นยึดไป” โหยวเยว่ตะโกนออกมาในขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้มของนาง นางโทษตัวเองกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น

หัวใจของเจี้ยนเฉินเจ็บปวดเมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของโหยวเยว่ เจี้ยนเฉินรู้สึกละอายใจต่อโหยวเยว่มาก เขาติดค้างนางหลายเรื่อง

“เยว่เอ๋อ ข้ารู้เรื่องเกี่ยวกับเมืองอัคนีแล้ว มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า อย่ากังวลไปเลย ข้าจะเอาทุกอย่างที่ถูกขโมยไปกลับคืนมาเอง” เจี้ยนเฉินปลอบ ก่อนที่จะมองไปที่เจียงหยาง ซู หยุนคง “ท่านทวด ท่านปฏิบัติต่อตระกูลเจียงหยางแบบเดียวกับที่ปฏิบัติต่อตัวเองหลังจากที่พวกเขาปฏิบัติกับท่านเช่นนั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหรือเปล่า ? ผนึกที่อยู่ในหัวของท่านถูกเอาออกไปหรือยัง ? “

ใบหน้าของเจียงหยาง ซู หยุนคงมืดมนเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น และเขาก็หยุดพูดทันที

ในขณะเดียวกัน ท่าทางของผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเจียงหยางก็ดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย

เจียงหยาง ซู เซียวถอนหายใจเบาและพูดออกมา “แม้ว่าคงเอ๋อจะทำผิดพลาดมาบ้างเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้และตระกูลก็ไล่เขาออกไป แต่สายเลือดของตระกูลเจียงหยางก็ยังไหลเวียนอยู่ในร่างของเขา นี่เป็นความจริงที่แย้งไม่ได้ และตระกูลก็ได้รับคงเอ๋อกลับเข้าไปแล้ว”

“พวกเราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ตอนนี้เลย ข้าต้องการที่จะเอาเมืองอัคนีกลับมาในวันนี้และฟื้นฟูกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีขึ้นมา ตระกูลเจียงหยางจะป้องกันไม่ให้ข้าทำแบบนั้นหรือเปล่า ? ” เจี้ยนเฉินมองไปที่กลุ่มคนจากตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางในขณะที่เขายืนอยู่บนยอดของโถงศักดิ์สิทธิ์

ผู้อาวุโสสูงสุดขมวดคิ้วเล็กน้อย พวกเขามองหน้ากันและกันและท่าทางมีปัญหา ด้วยความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินในตอนนี้ พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะบังคับไม่ให้เจี้ยนเฉินทำอะไรได้

เจี้ยนเฉินเหยียดหลังจากที่เห็นปฏิกิริยาของพวกเขา จากนั้น เขาก็มองผ่านไปที่ตระกูลผู้พิทักษ์อีก 9 ตระกูล หลังจากที่เขามองไป เขาก็พูด “วันนี้ข้าจะเอาเมืองอัคนีกลับมาและฟื้นฟูกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี คนที่จะหยุดข้าก็ก้าวออกมา”

ถ้าไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือของเทียนเจี้ยนเมื่อหลายปีก่อน เขาก็อาจจะออกไปจากทวีปและไปถึงที่อาณาจักรทะเลไม่ได้ เขาคงจะตกอยู่ในมือของตระกูลผู้พิทักษ์แทนแล้ว เขาคงจะไม่ตาย แต่เสือขาวต้องถูกเอาไปจากเขาแน่ ในขณะเดียวกัน เรื่องของเมืองอัคนีและกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับตระกูลผู้พิทักษ์

เจี้ยนเฉินนั้นค่อนข้างไม่พอใจ

“หืม เจ้าหนูจอมโอหังนี้ เจี้ยนเฉิน เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจ้าจะดูถูกตระกูลผู้พิทักษ์ได้เพราะว่าเจ้ามีโถงศักดิ์สิทธิ์บ้าบ้านั่น ? เจ้าไม่สามารถที่จะหยามเกรียติของพวกเราได้ การทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าไม่ใช่เรื่องอะไรที่ยากเลย” หลิงเฟิงซีของนิกายยิหยวนตะโกนออกมา

“เจี้ยนเฉิน กฎระหว่างตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบมีมาหลายพันปีแล้ว ไม่มีใครที่จะทำลายมันได้ เจ้าเป็นสมาชิกของตระกูลผู้พิทักษ์ ดังนั้นเจ้าจึงต้องเคารพกฎนี้ เจ้าไม่สามารถเอาเมืองอัคนีกลับมาได้” หัวหน้าของอารามจิตพิสุทธ์ วูเฉินซีพูดออกมา

“เจี้ยนเฉิน ถ้าเจ้าจะเอาเมืองอัคนีกลับไปในวันนี้ เจ้าก็เหมือนกำลังท้าทายอำนาจของตระกูลทั้งสิบของพวกเรา เจ้าจะกลายเป็นศัตรูกับพวกเราทั้งหมด” หัวหน้าคนก่อนของสำนักธูปสวรรค์กล่าวออกมา

“เจี้ยนเฉิน ถ้าเจ้ายืนยันแบบนี้ เจ้าจะต้องถูกจัดการจากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งหมดตามกฎ แม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้าก็จะโดนลากเข้ามาเกี่ยวด้วย”

“ถ้าเจ้าไม่ใช่คนของตระกูลผู้พิทักษ์ พวกเราก็คงไม่เข้าไปยุ่งอะไร”

..

ทุกคนจากตระกูลผู้พิทักษ์อีกเก้าตระกูลพูดออกมา พวกเขาทั้งหมดต่อต้านความปรารถนาของเจี้ยนเฉินที่จะเอาเมืองอัคนีกลับไปและไม่ต้องการที่จะให้เขาขยายกำลังของเขา พวกเขาพูดออกมาอย่างเคร่งเครียดและไม่ยอมให้มีการต่อรองใดใด

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินหมอง เขาหันไปที่ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเจียงหยางช้า ๆ และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ในตอนนี้ท่านมี 2 ทางเลือก ทางแรกคือไล่ตระกูลผู้พิทักษ์อื่นไปพร้อมกับข้าและเอาเมืองอัคนีที่เป็นของข้ากลับมา ทางเลือกที่สองก็คงจะเป็นข้า เจี้ยนเฉินที่จะออกจากตระกูลเจียงหยางและไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกท่านอีกต่อไป”

ท่าทางของผู้อาวุโสสูงสุดเปลี่ยนไปและเจียงหยาง ชิง หยุนก็ตะโกนออกมาทันที “เจี้ยนเฉิน สายเลือดของตระกูลเจียงหยางหมุนเวียนอยู่ในตัวของเจ้า เจ้าไม่สามารถละทิ้งมันไปได้เพียงเพราะว่าเจ้าต้องการจะทำแบบนั้น เจ้าต้องไม่ยุ่งเรื่องของเมืองอัคนีอีกต่อไป นี่เป็นกฎระหว่างพวกเราตระกูลผู้พิทักษ์”

“เจ้าไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้ข้าทำอะไรได้ทั้งนั้น ข้าไม่สนใจว่าใครจะขวางทางข้าในวันนี้ ข้าจะเอาเมืองอัคนีกลับคืนมา” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมา

“เจ้า…” เจียงหยาง ชิง หยุนโกรธเกรี้ยว

ตระกูลผู้พิทักษ์อื่นทั้งหมดมองหน้ากันและกัน สถานการณ์ดูค่อนข้างละเอียดอ่อน เนื่องจากเจี้ยนเฉินเป็นสมาชิกของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ เขาจึงสามารถให้ตระกูลของเขาในการเก็บรักษาพยัคฆ์ปีกเทวะเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้ดูเหมือนจะเหนือกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้ ความสัมพันธ์ระหว่างเจี้ยนเฉินกับตระกูลเจียงหยางดูเหมือนจะไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวเหมือนที่พวกเขาจินตนาการ

สายตาของยิหยางซีเป็นประกายในขณะที่เขาลังเล สักพักต่อมา เขาก็ดูเหมือนจะตัดสินใจได้ ตาของเขาหยุดสอดส่องและเหยียดออกมา “เจี้ยนเฉิน เจ้าอย่าคิดว่าจะเอาเมืองอัคนีกลับไปได้ในวันนี้นะ ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะสู้กับพวกเราได้ไงถ้าเจ้าไม่มีโถงศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะทำลายมันตอนนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายยิหยวน ในตอนนี้ข้าขอสั่งพวกเจ้าให้เอายุทธภัณฑ์จักรพรรดิออกมาด้วยกับและทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์เพื่อแก้แค้นให้กับหลิงหยวนซี”

ท่าทางของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหมดเปลี่ยนไป ยิจินซีตะโกนออกมาด้วยเสียงทุ้ม “อะไรนะ? จะใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ ? “

“ยิหยางซี เจ้าแน่ใจในการใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิหรือเปล่า? พลังของยุทธภัณฑ์จักรพรรดินั่นยิ่งใหญ่เกินไป พวกเราจะได้รับผลกระทบกลับอย่างหนัก” หลิงเทียนซีก็ตะโกนออกมาด้วย เขาเคร่งเครียด

ใบหน้าของยิหยางซีมืดมนในขณะที่เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ถ้าพวกเราไม่ทำแบบนั้น อย่างนั้นพวกเราจะทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์และแก้แค้นให้หลิงหยวนซีได้อย่างไร?”

ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหมดลังเลเล็กน้อยก่อนที่พวกเขาจะขบฟัน และพร้อมที่จะเปิดประตูมิติเพื่อที่จะเอายุทธภัณฑ์จักรพรรดิออกมา

สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินที่พวกนั้นพูดกัน “โถงศักดิ์สิทธิ์จะไม่ถูกทำลายยกเว้นจะมีเซียนจักรพรรดิ ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของนิกายยิหยวนไม่สามารถทำลายโถงของข้าได้ อีกทั้งพวกเขายังพูดอีกว่าถ้าพวกเขาใช้พลังของมัน พวกเขาจะได้รับผลกระทบกลับอย่างรุนแรง ยุทธภัณฑ์จักรพรรดินี้คืออะไรกันแน่ ? ” ใจของเจี้ยนเฉินสั่นไหวก่อนที่เขาจะตัดสินใจได้ “ข้าจะให้พวกเขาเอายุทธภัณฑ์จักรพรรดิออกมาไม่ได้”

“โปรดหยุดก่อน ! ” จู่จู่เสียงก็ดังขึ้นมาในขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังวางแผนที่จะทำอะไรบางอย่าง เทียนเจี้ยนที่อยู่ในชุดขาวก็ลดระดับลงมา

การกระทำของเทียนเจี้ยนทำให้ทุกคนสนใจทันที พวกเขามองไปที่เทียนเจี้ยนในขณะที่จอมยุทธของตระกูลผู้พิทักษ์ก็พูดออกมา “เทียนเจี้ยน เมืองทหารรับจ้างของเจ้าคิดจะสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ ? “

เทียนเจี้ยนไม่ใส่ใจคนนั้นและพูดกับคนของนิกายยิหยวน “ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของพวกเจ้าตีมากด้วยพลังทั้งหมดและแก่นแท้ของเซียนจักรพรรดิหลายสิบคน มันไม่สามารถใช้กับคนเผ่าพันธุ์เดียวกันได้ พวกเจ้าไม่สามารถใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิได้”

ใบหน้าของยิหยางซีหม่นลงในขณะที่เขาป้องมือไปที่เทียนเจี้ยน “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด นี่เป็นเรื่องของพวกเราตระกูลผู้พิทักษ์ ข้าหวังว่าเมืองทหารรับจ้างของเจ้าจะไม่เข้ามายุ่ง”

เทียนเจี้ยนพูด “พลังของยุทธภัณฑ์จักรพรรดินั้นทรงพลังเกินไป มันสามารถทำลายดินแดนและชีวิตทั้งหมดในบริเวณได้ ดังนั้นเจ้าจึงไม่สามารถใช้มันได้ ข้าจะไม่พูดอะไรถ้าเจ้าจะใช้มันเมื่อคนนอกมาบุกรุก แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิกับเรื่องเล็กน้อยและผู้เยาว์หรอก”

“เทียนเจี้ยน ทำไมเจ้าจะต้องห้ามเรื่องที่พวกเรากำลังจะทำด้วย ? ” ยิหยางซีคำรามออกมา

“ถ้าพวกเจ้ายังยืนยันที่จะใช้มัน เมืองทหารรับจ้างของข้าก็จะทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อที่จะป้องกันพวกเจ้าเพื่อทวีป” เทียนเจี้ยนพูดออกมาอย่างแน่วแน่ เขาเคร่งเครียดมากและไม่ได้ล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย