ตอนที่ 977: มารราคะปรากฏตัว

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 977: มารราคะปรากฏตัว

“เมืองทหารรับจ้างของเจ้าสอดมือเข้ามายุ่งหลายเรื่องเหลือเกิน” ยิหยางซีโกรธเกรี้ยวมาก ในขณะที่ท่าทีของเขาแย่มาก เขาทำอะไรเจี้ยนเฉินไม่ได้ถ้าเขาไม่ใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเพื่อที่จะทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์ของเจี้ยนเฉิน

“การมีอยู่ของเมืองทหารรับจ้างของข้าก็เพื่อการปกป้องความสงบสุขของทวีปเทียนหยวน” เทียนเจี้ยนพูด

ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายยิหยวนทั้งหมดชักสีหน้าขึ้นมาหลังจากที่ถูกห้ามไม่ให้ใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ พวกเขาไม่สงสัยเลยเรื่องที่เมืองทหารรับจ้างนั้นมีพลังพอที่จะหยุดพวกเขาได้ แม้ว่าเมืองทหารรับจ้างจะไม่ได้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเหมือนตระกูลผู้พิทักษ์ แต่มันก็ก่อตั้งมาโดยจอมยุทธมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด โมเทียนหยุน ไม่มีใครรู้ว่าโมเทียนหยุนทิ้งอะไรไว้ที่เมืองทหารรับจ้างบ้าง

จอมยุทธจากตระกูลผู้พิทักษ์อื่นมองหน้ากันและกัน ไม่สงสัยเลยว่า พวกเขาจะไม่สามารถใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิได้เมื่อเมืองทหารรับจ้างเข้ามายุ่ง แต่ถ้าพวกเขาไม่ใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ มันก็คงจะเป็นการยากที่จะทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจอมยุทธจากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งหมดจะร่วมมือกันก็ตาม นี่เป็นเพราะความแตกต่างที่มีระหว่างเซียนราชาและเซียนจักรพรรดิ พวกเขาเป็นจอมยุทธที่อยู่ในระดับการฝึกฝนที่แตกต่างกัน เซียนราชาใช้พลังเซียนภายในร่างกายและใช้พลังธรรมชาติ ในขณะที่เซียนจักรพรรดิสามารถเอาชนะพลังธรรมชาติได้

ทุกคนจากตระกูลผู้พิทักษ์นิ่งอึ้งเมื่อสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีใครมีความคิดในตอนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะมีโถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน แต่โถงศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่อาวุธถึงมันจะแข็งแรงมาก พวกเขาไม่สามารถทำให้เจี้ยนเฉินบาดเจ็บได้ถ้าเข้ายังอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดไม่ว่าพวกเขาจะใช้โถงศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขากี่อันก็ตาม

“ฮ่าฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม ! ยอมเยี่ยมที่สุด ! ข้าไม่คิดเลยว่าตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบจะมีช่วงเวลาที่ถูกบังคับให้ยอมแพ้ และถูกบีบบังคับให้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้จากผู้เยาว์ด้วย” เสียงหัวเราะแปลกดังก้องไปรอบ ๆ ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนที่ดูชั่วร้ายปรากฏขึ้นมาจากที่ใดก็ไม่รู้

ชายคนนี้ไม่ได้มาทางประตูมิติ แทนที่กัน เขาซ่อนอยู่ตรงนั้นมาสักพักแล้วและไม่มีใครรู้ถึงการมาถึงของเขาเลย

“มารราคะ มันเจ้าน่ะเอง”

ท่าทางของทุกคนเปลี่ยนไปและเริ่มที่จะกลัวเมื่อพวกเขาเห็นชายผู้นี้

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถูกต้อง ข้าคือมารราคะ แน่นะว่าข้าไม่ได้ทำให้ใครกลัวในการที่ข้าปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหันแบบนี้” มารราคะพูดในขณะที่เขาหัวเราะเบา ๆ

“ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าที่นี่ มารราคะ เจ้ามาทำไม ? ” จอมยุทธพูดอย่างเย็นชา การปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกระทันหันของมารราคะนั้นไม่เป็นที่ต้อนรับ

“หืม ข้าสามารถไปที่ไหนก็ได้ที่ข้าต้องการ ตั้งแต่เมื่อไรกันที่เจ้ามีสิทธิ์บอกว่าข้าห้ามไปที่ไหน ? เจ้าไม่มีอำนาจขนาดนั้น” มารราคะเหยียดหยามออกมา หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่เจี้ยนเฉินแล้วยิ้ม “เจี้ยนเฉิน เจ้าช่างน่าประทับใจจริง ๆ เจ้าแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนอีก ข้าชื่นชมเจ้าจริง ๆ ที่กล้าต่อต้านตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ ข้าจำได้ว่าตอนที่ข้ามีความแข็งแกร่งเท่ากับเจ้า ข้าได้ลอบเข้าไปในสำนักธูปสวรรค์และไปแอบดูหัวหน้าสำนักคนปัจจุบันตอนกำลังอาบน้ำอยู่ ข้าไปแอบดูสองสามครั้งก่อนที่จะถูกไล่ตามไปทั่วทั้งทวีปโดยคนที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนัก เขาไล่ตามข้า 10 ปีเต็มก่อนที่จะพอใจ ข้าเทียบเจ้าไม่ได้เลยที่ไปต่อต้านตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบด้วยตัวเองและทำให้พวกนั้นหงอไปเลย”

“มารราคะ เจ้ารู้จักอายบ้างหรือไม่ ? ” หญิงที่ดูเหมือนจะอายุสามสิบจ้องไปที่มารราคะอย่างโกรธเกรี้ยว นางเป็นจอมยุทธของสำนักธูปสวรรค์ สายตาของนางเหมือนต้องการที่จะถลกหนังของเขาออกทั้งเป็น

“น้องหยุนเซียง สองพันปีแล้วซินะตั้งแต่ที่พวกเราพบกันครั้งล่าสุด เจ้าได้กลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักธูปสวรรค์แล้ว แต่ข้าได้เห็นทุกสัดส่วนของเจ้ามาแล้วไม่ว่าข้าจะอยากเห็นหรือไม่ ทำไมเจ้าไม่มาร่วมกับข้าและมากลายเป็นฮูหยินคนที่ 89 ของข้าล่ะ ? ” มารราคะยิ้มอย่างชั่วร้าย

หญิงคนนั้นหน้าซีดในขณะที่หน้าอกของนางกระเพื่อมอย่างแรง ตาสวยของนางลุกไหม้ไปด้วยโทสะ

เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะสงสัยในขณะที่เขายืนอยู่บนยอดโถงศักดิ์สิทธิ์ เขาสงสัยว่ามารราคะเป็นใครกันแน่ เขากล้าที่จะล้อเลียนเซียนราชาจากสำนักธูปสวรรค์ และดูแคลนจอมยุทธจากสำนักเหมือนพวกเขาไม่มีค่าเลย

“ระวังให้ดี มารราคะคนนี้เป็นเซียนจักรพรรดิ เขาเป็นเซียนจักรพรรดิคนเดียวเท่านั้นในทวีปในทุกวันนี้ และเขาสามารถทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าได้” เสียงของเทียนเจี้ยนดังขึ้นที่หูของเจี้ยนเฉิน และทำให้เขาตกใจ สายตาที่เจี้ยนเฉินมองไปที่มารราคะนั้นเต็มไปด้วยความกลัว

มารราคะยิ้มอย่างชั่วร้ายและก้าวออกไปหนึ่งก้าว เขามาถึงที่ยอดของโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดและมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินทันที เขาพูด “เจี้ยนเฉิน เจ้ามีความบาดหมางกับคนของนิกายยิหยวน หลิงหยวนซีต้องการที่จะฆ่าเจ้ามาตลอดหลายปีนี้ ดังนั้นจะยกโทษให้เขาง่าย ๆ ไม่ได้ แม้ว่าเจ้าจะทำลายร่างของเขาไปแล้ว แต่วิญญาณของเขาก็ยังอยู่ ด้วยความสามารถของตระกูลผู้พิทักษ์ มันคงใช้เวลาไม่นานนักที่หลิงหยวนซีจะฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ เจ้าไม่สามารถที่จะเอาวิญญาณของเขามาได้ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้ ถ้างั้นทำไมเราไม่มาทำข้อตกลงกันล่ะ? ข้าจะสอนบทเรียนให้นิกายยิหยวนให้เจ้าและมอบวิญญาณหลิงหยวนซีให้กับเจ้า หลังจากนั้น เจ้าก็มอบพยัคฆ์ปีกเทวะมาให้ข้า แบบนั้นเป็นไง ? “

ใจของเจี้ยนเฉินตกไปอยู่ตาตุ่มเมื่อเขาได้ยินว่ามารราคะมาเพราะเรื่องเสือขาวด้วย เจี้ยนเฉินพูด “มารราคะ เจ้าเป็นเซียนจักรพรรดิแล้วในตอนนี้ ทำไมเจ้าต้องต่อสู้แย่งชิงพยัคฆ์ปีกเทวะด้วย ? “

มารราคะยิ้มอย่างชั่วร้ายก่อนที่จะตอบกลับ “ข้ามีความตั้งใจตั้งแต่แรกในการต้องการพยัคฆ์ปีกเทวะ เจ้าไม่จำเป็นต้องไปสนใจมันมากหรอก เจี้ยนเฉิน เจ้าจะตกลงหรือไม่ ? โถงศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าก็ไม่แข็งแรงเท่าไหร่นะ ต่อหน้าข้า”

“มารราคะ ข้าจะไม่ส่งเสือขาวให้กับใครทั้งนั้น เว้นเสีแต่ว่ามันตัดสินใจว่าจะตามใครไปเอง” เจี้ยนเฉินพูดอย่างแน่วแน่

มารราคะยังคงสงบนิ่งและพูดออกมา “ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าจะบังคับให้พยัคฆ์ปีกเทวะติดตามข้าเอง” จากนั้นเขาจึงยกมือขึ้นและพลังงานปริมาณมหาศาลมากก็มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว นี่เป็นพลังของเซียนจักรพรรดิ และมันเพียงพอที่จะทำให้แม้แต่เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 หน้าซีด

“หยุดนะ ! ” เสียงดังระเบิดออกมาในตอนนี้ ทำให้มิติรอบ ๆ สั่นไหว หลังจากนั้นไม่นาน ประตูมิติก็ปรากฎขึ้น คนที่ดูธรรมดา 2 คนเดินออกมา มันคือรุยจินและเฮยยู่

เจี้ยนเฉินจ้องไปที่ทั้งสองคนด้วยความเหลือเชื่อ พวกเขาพลัดกันที่หลุมดาราก่อนหน้านี้ และเจี้ยนเฉินก็คิดว่าเขาคงไม่ได้พบกับทั้งสองอีกครั้งแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าทั้งสองจะปรากฎขึ้นที่ทวีปเทียนหยวนโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดใดเลย นี่ทำให้เจี้ยนเฉินประหลาดใจและเต็มไปด้วยความยินดี

พวกเขาทั้งสองได้ช่วยเจี้ยนเฉินไว้ที่เกาะมังกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุยจินที่เก็บหญ้าน้ำลายมังกรให้เขาเป็นจำนวนมาก เจี้ยนเฉินรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อคนทั้งสองเสมอ

มารราคะมองไปที่พวกเขาทั้งสองและสายตาของเขาก็เป็นประกายทันที เขาพูด “สองสัตว์อสูรที่เป็นเซียนราชาในระดับสูงสุด พวกเจ้าทั้งสองมาหาที่ตายโดยแท้ที่มาที่นี่”

รุยจินและเฮยยู่มองไปที่มารราคะและพวกเขาก็เคร่งเครียด รุยจินคำรามออกมา “เซียนจักรพรรดิมนุษย์”

“ผู้อาวุโสรุยจินและผู้อาวุโสเฮยยู่ โปรดไปจากที่นี่ทันที มารราคะเป็นเซียนจักรพรรดิ พวกท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก” เจี้ยนเฉินตระหนกในขณะที่เขาตะโกนบอกคนทั้งสอง

ความเครียดของรุยจินละเฮยยู่หายไปเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น ในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความเหยียดหยามแทน พวกเขาพูดออกมา “เขาเป็นเซียนจักรพรรดิแล้วไง ? วันนี้ พวกเราจะลองดูซักตั้งกับเซียนจักรพรรดิ”