ตอนที่ 795 เหมืองถ้ำใต้ดิน

หมอดูยอดอัจฉริยะ

แตกต่างจากความอึดอัดคับแคบในจินตนาการของเยี่ยเทียน โถงใหญ่ชั้นล่างเหมืองทองแห่งนี้กว้างขวางอย่างมาก โครงสร้างของมันล้อมรอบลิฟท์ มีความสูงถึงสิบกว่าเมตร รอบด้านสี่ทิศเต็มไปด้วยกำแพงเหมืองหินแร่โลหะสีดำมะเมื่อมสะท้อนแสงภายใต้ดวงไฟ

 ตรงกำแพงหินเหล่านี้ เจาะขุดถ้ำทางเดินสิบกว่าเส้น เสียงก๊องแก๊งและเสียงกระหึ่มของเครื่องขุดเจาะดังออกมาจากถ้ำเหล่านั้นไม่หยุดหย่อน เห็นได้ชัดว่าภายในกำลังมีคนงานง่วนอยู่กับภารกิจของตนเอง

นี่เป็นเหมืองที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง ทองคำที่ถูกขุดออกมาในแต่ละวันมีมูลค่าสูงถึงแสนดอลลาร์อเมริกาขึ้นไป ดังนั้นอู๋เต๋อหลินผู้จ้างวานคนงานจำนวนมากสลับทำงานเป็นสามกะ จึงรับทรัพย์จำนวนมหาศาลจากเมืองทองแห่งนี้ตลอดทุกวินาทีไม่มีหยุด

“ไอโลหะรุนแรงไม่เบาเลย หากรวมตัวกันด้านบนเกรงว่าจะกลายเป็นไอโลหะร้าย มิน่าล่ะอู๋เต๋อหลินถึงได้รับบาดเจ็บ!”

เดิมทีไอจากธาตุทั้งห้าจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์  นั่นเพราะร่างกายทุกคนล้วนมีธาตุทั้ง 5 อยู่ในตัวบ้างไม่มากก็น้อย อีกทั้งธาตุทั้งห้าที่ล่องลอยอยู่ภายในอากาศล้วนสมดุลซึ่งกันและกัน หากดูดซึมมีแต่จะได้รับประโยชน์ต่อร่างกาย

แต่เวลาที่ไอธาตุทั้งห้าสูญเสียความสมดุล หลังจากหนึ่งในธาตุบริสุทธิ์ทั้งห้ากลับกลายแข็งแกร่งขึ้นมา ปราณวิเศษของธาตุนั้นจะกลับกลายเป็นปราณชั่วร้าย เช่นเดียวกับที่ไอโลหะแหลมคมแปรเปลี่ยนเป็นไอโลหะร้าย และหมอกควันพิษในหนองน้ำความจริงก็คือไอดินพิฆาต ล้วนทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหนักในร่างกายมนุษย์

เยี่ยเทียนสามารถสัมผัสได้ว่า ไอโลหะแหลมคมแพร่กระจายออกมาจากถ้ำในเหมืองเหล่านั้นเป็นสาย รวมตัวกระจุกอยู่ตรงกลางห้องโถง เมื่อถูกพัดลมเป่าจะลอยตามช่องระบายอากาศขึ้นไปยังผิวดิน ด้วยอาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมที่อู๋เต๋อหลิน สร้างทำให้ไอโลหะแหลมคมเหล่านี้ระบายออก วันเดือนผ่านไป ก็กลายเป็นปราณโลหะร้าย

ด้วยสาเหตุนี้ ไอโลหะร้ายภายใต้เหมืองจึงได้รับการระบาย ทว่าคนที่โชคร้ายกลับเป็นอู๋เต๋อหลิน ถ้าหากเยี่ยเทียนไม่มา อู๋เต๋อหลินแม้จะไม่เสียชีวิตอย่างกระทันหัน แต่อายุขัยที่เหลืออยู่อย่างมาก ก็คงไม่เกินห้าสิบปีแน่นอน

“ไอโลหะแหลมคมถึงขนาดนี้ หรือว่าข้างใต้จะมีสายแร่วิเศษอยู่?”

สัมผัสถึงปราณวิเศษภายในถ้ำเหมืองแล้ว เยี่ยเทียนก็อดสงสัยทิศที่อยู่ก่อนหน้านี้ขึ้นมาไม่ได้ ทันใดนั้นจึงถอยออกไปด้านข้าง ปล่อยให้คนงานพวกนั้นขึ้นบนลิฟท์ แล้วค่อยๆ ปล่อยญาณสัมผัสออกมา

“แปลกจัง ปราณวิเศษธาตุโลหะอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ แล้วทำไมถึงไม่มีสายแร่อยู่เลย?”

วินาทีหลังจากนั้น ใบหน้าเยี่ยเทียนก็มีสีหน้าประหลาดใจ นั่นเพราะญาณสัมผัสที่เขาปล่อยออกไปสำรวจใต้พื้นดินหลายร้อยเมตร กลับไม่พบเจอสายแร่วิเศษ อีกทั้งปราณวิเศษที่แผ่ออกมาจากใต้ดินยังเบาบางกว่าที่มีอยู่ในอากาศตอนนี้หลายเท่านัก

เยี่ยเทียนไม่รู้ว่า ปราณวิเศษของธาตุโลหะนี้ มีเพียงเฉพาะในทองคำเท่านั้นหรือเปล่า แต่ขอแค่เป็นธาตุโลหะ ล้วนสามารถกระจายปราณวิเศษประเภทนี้ แค่ปริมาณและคุณภาพจะไม่อาจเทียบเท่าปราณวิเศษในทองคำบริสุทธิ์เท่านั้นเอง

ปราณวิเศษที่แผ่ออกมาจากธาตุโลหะเหล่านี้ สุดท้ายจะหลอมละลายเข้ากับอากาศ กลยเป็นหนึ่งในธาตุทั้งห้า และกลายเป็นที่มาของลักษณะธาตุทั้งห้าแห่งฟ้าดินนั่นเอง

 เงื่อนไขการก่อตัวของสายแร่วิเศษค่อนข้างเข้มงวด ใช่ว่าเป็นธาตุโลหะแล้วจะมีสายแร่วิเศษ ไม่อย่างนั้นติงหงผู้นั้นคงจะไม่จับตามองสายแร่วิเศษที่ไซบีเรีย จนเหมาะกับคำว่านกตายเพราะหาอาหารอย่างแท้จริง

“คุณจ้าว คุณจะเข้าไปดูส่วนลึกของเหมืองไหมครับ?” หลังจากรอคนงานเหล่านั้นขึ้นไปแล้ว เฉินปินก็ร้องเรียกเยี่ยเทียน

ได้ยินคำพูดของเฉินปินแล้ว เยี่ยเทียนก็เก็บญานสัมผัสกลับ ส่ายหน้าตอบว่า “ไม่ล่ะครับ ผมนึกว่าลงมายังถ้ำเหมืองแล้วจะสามารถเก็บทองคำแท้ได้ซะอีก สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ ข้างล่างนี้ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย”

 จากการตรวจสอบโดยญานสัมผัสเมื่อครู่ เยี่ยเทียนจึงรู้สึกได้ว่า ปราณวิเศษที่แผ่ออกมาไม่ขาดสายนั้น ล้วนแผ่มาจากหินภายในถ้ำที่ยังไม่ได้ขุดเจาะ

แม้ว่าปริมาณของปราณวิเศษในหินแร่แต่ละชิ้นไม่ได้มีมากมายนัก แต่ก็ไม่อาจเทียบกับแร่ทองคำภายใต้พื้นดินทั้งหมด พอรวมกันแล้วจึงกลายเป็นเนืองแน่น เมื่อรู้ที่มาของปราณวิเศษอย่างชัดเจนแล้ว เยี่ยเทียนก็ไม่มีความสนใจจะอยู่ข้างใต้นี้อีกต่อไป

“หึๆ คุณจ้าว หินแร่เหล่านี้ยังไม่ได้ผ่านการหลอม จึงมองอะไรไม่ออก เดี๋ยวพวกเราขึ้นไปข้างบนกันเถอะครับ”

เฉินปินไม่รู้สึกว่าคำพูดของเยี่ยเทียนแปลกประหลาด ก่อนหน้านี้ก็มีแขกผู้มาเยื่อนสงสัยอยากลงมาในถ้ำเหมือง การแสดงออกของพวกเขาย่ำแย่ยิ่งกว่าเยี่ยเทียน อากาศขุ่นมัวและบรรยากาศอับทึบพวกนั้น แทบจะทำให้พวกเขาที่เพิ่งลงมาโวยวายอยากกลับขึ้นไปข้างบน

“ครับ งั้นผมขอพักสักครู่”

แม้ว่าปราณวิเศษที่นี่จะไม่เทียบเท่ากับค่ายกลรวมวิญญาณในฮ่องกง แต่โบราณว่าต่อให้แมลงเล็กแค่ไหนก็ยังเป็นเนื้อ เยี่ยเทียนจึงยืนโคจรลมปราณอยู่ตรงนั้น ทันใดบรรยากาศรอบตัวเขาก็เคลื่อนไหวโดยไร้รูปร่าง กระแสปราณวิเศษที่ล่องลอยอยู่ในอากาศจึงถูกเขาดูดซับเข้าสู่ร่างกายอย่างเต็มที่

ขณะที่อยู่ในห้องใต้ดิน มีคนงานทั้งหมดสองร้อยกว่าคนกำลังขุดเหมือง เวลานั้นกำลังเป็นเวลาเลิกงานพอดี รออยู่ประมาณสิบกว่านาที ลิฟท์ก็กลับลงมายังชั้นล่างของเหมืองอีกครั้ง แล้วเยี่ยเทียนกับคนงานอีกกลุ่มก็ขึ้นมายังผิวดินพร้อมกัน

“เสี่ยวจ้าว เป็นยังไงบ้าง ฉันไม่ได้โกหกเธอใช่ไหม?”

เยี่ยเทียนเพิ่งจะถอดชุดนิรภัยออกมาจากทางเข้าเหมือง อู๋เต๋อหลินก็เข้ามาต้อนรับ หัวเราะเสียงดัง “ภายในถ้ำเหมืองนั่นไม่ใช่ที่ที่คนอย่างเธอจะอยู่ ไปกันเถอะ จระเข้น้ำแดงกับไข่นกยูงทอดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราไปดื่มกัน!”

ด้วยวรยุทธ์ปัจจุบันของเยี่ยเทียน ในโลกฆราวาสนับว่าได้กลับสู่เนื้อแท้แล้ว มองจากภายนอกอาจไม่แตกต่างจากคนทั่วไป แต่ว่าคุณลักษณะอันสูงส่งเป็นเอกลักษณ์บนตัวของเยี่ยเทียนนั้นไม่อาจปกปิดได้ อู๋เต๋อหลินย่อมมองออก

“ครับ งั้นต้องขอบคุณ ประธานอู๋ ที่เลี้ยงอาหารแล้ว”

เห็นอู๋เต๋อหลินเชิญชวนอย่างจริงใจ เยี่ยเทียนก็ไม่เกรงใจอีก เดินตามหลังเขาเข้าไปยังห้องอาหารของเหมืองนี้

อู๋เต๋อหลินรู้จักวางตัวดีมาก ภายในห้องอาหารเหมืองแร่แห่งนี้ ในฐานะเถ้าแก่ อู๋เต๋อหลินยังนั่งกินข้าวที่เดียวกันกับเหล่าคนงานเหมือง กินอาหารชนิดเดียวกัน แต่ว่าวันนี้มีแขกมา อู๋เต๋อหลินจึงให้พนักงานออกจากห้องกินข้าวแยกชั่วคราว

“เสี่ยวจ้าว มา ชนแก้วหน่อย ลองชิมแล้วรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง? ในจีนคงหาเนื้อจระเข้กินไม่ได้ง่ายหรอก!”

คนที่นั่งอยู่ริมโต๊ะนอกจากเฉินปินแล้ว หวาจวินยังถูกอู๋เต๋อหลินลากตามมาด้วย นี่ก็เป็นจุดที่เขาวางตัวดีมากเช่นกัน ไม่เมินเฉยใส่หวาจวินเพราะเห็นว่าฐานะต่ำกว่า เพียงมื้อเดียวเท่านั้น ก็ทำให้หวาจวินพูดถึงแต่เรื่องดีงามของเขาต่อหน้าคนอื่น

“จระเข้รสชาติเฉยๆ แต่ไข่นกยูงไม่เลวเลยครับ”

ตอนเด็กๆ เยี่ยเทียนที่อยู่เหมาซานเคยทำอาหารจากสัตว์ป่ามาไม่น้อย จึงพูดได้ว่าไม่เลือกกิน หลังจากดื่มเบียร์หนึ่งแก้วก็กินเข้าไปคำใหญ่ เนื้อจระเข้นั้นออกจะเหนียวกัดไม่ค่อยลง แต่ว่ารสชาติไข่นกยูงไม่เลว จนเยี่ยเทียนกินพลางหยักหน้าติดต่อกัน

“เสี่ยวจ้าว เธอว่านอกจากโรงหลอมกับกำแพงนั่น ยังมีอะไรต้องเปลี่ยนแปลงอีกไหม?”

ก่อนหน้านี้อู๋เต๋อหลินไม่เคยเชื่อมโยงสุขภาพตนเองเข้ากับฮวงจุ้ยของโรงงานเลย แต่วันนี้พอได้ยินเยี่ยเทียนพูดแบบนี้ ในใจเขาจึงลังเลขึ้นมา จนอดขอคำชี้แนะจากเยี่ยเทียนบนโต๊ะอาหารไม่ได้

“นอกจากสองตำแหน่งนั้น ก็ไม่มีอะไรจำเป็นต้องแก้ไขแล้วล่ะครับ”

เยี่ยเทียนส่ายหน้า ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง ยื่นมือไปเลื่อนกระเป๋าสะพายมาไว้ตรงหน้าอกหยิบของชิ้นหนึ่งออกมาจากข้างใน บอกว่า “ประธานอู๋ คุณสัมผัสเหมืองแร่มาไม่น้อย ไม่ทราบว่าเคยเห็นของสิ่งนี้ไหมครับ?”

พูดพลาง เยี่ยเทียนก็เอาโลหะสีน้ำเงินขนาดพอๆ กับหัวแม่มือวางลงบนโต๊ะ

โบราณว่าคนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตาย เยี่ยเทียนรู้สึกว่าตนเองเข้าร่วมกลุ่มท่องเที่ยวทัศนศึกษาเพื่อหาสายแร่แล้วไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่ จึงนึกถึงการเปลี่ยนสภาพทองสีน้ำเงินในสายแร่โลหะวิเศษขึ้นมา

เหมือนกับสายแร่วิเศษ ทองสีน้ำเงินชนิดนี้เป็นวัตถุดิบสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งและพลังโจมตีให้กับอาวุธ และหายากอย่างยิ่ง โดยทั่วไปแล้วจะปรากฎอยู่รอบๆ สายแร่วิเศษเท่านั้น อาจพูดได้ว่า ในสถานที่ ที่มีสายแร่วิเศษไม่จำเป็นต้องมีทองสีน้ำเงิน แต่สถานที่ที่ปรากฎทองสีน้ำเงิน จะต้องมีสายแร่วิเศษอยู่แน่นอน

“นี่คือโลหะอะไรกัน?”

พออู๋เต๋อหลินรับทองคำสีน้ำเงินขนาดเท่าหัวแม่มือนั้นไปแล้ว ก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน

ถึงแม้อู๋เต๋อหลินจะมีความรู้ไม่มากนัก กระทั่งชั้นมัธยมต้นยังเรียนไม่จบ แต่ความรู้ความเข้าใจเรื่องแร่โลหะต่างๆ ของเขา เกรงว่าต่อให้เป็นศาสตราจารย์ด้านธรณีวิทยา ก็ยังไม่รอบรู้เท่าเขา

หินแร่ใดๆ ที่หยิบออกมานั้น อู๋เต๋อหลินล้วนสามารถเตรียมตัวระบุชนิดโลหะนั้นออกมาได้ แต่ทองสีน้ำเงินที่เยี่ยเทียนเอาออกมาชิ้นนี้กลับทำให้อู๋เต๋อหลินงงงัน เขาไม่เคยเห็นโลหะชนิดนี้มาก่อนเลย

“โลหะชนิดนี้มีจุดหลอมเหลวสูงมาก หลอมได้ยากเย็น เป็นสิ่งที่มาพร้อมกับเหมืองทอง”

เยี่ยเทียนนิ่งไปสักพัก แล้วพูดต่อ “ประธานอู๋ ผมขอฝากโลหะนี้ไว้ก่อน คุณช่วยสอบถามให้ผมหน่อย ดูว่ามีใครเคยเห็นบ้างไหมครับ?”

ทองสีน้ำเงินนี้ถึงแม้จะมีค่าสูง แต่เมื่อเทียบกับสายแร่วิเศษแล้ว ยังห่างไกลนัก อีกทั้งในมือเยี่ยเทียนยังมีอยู่หลายชิ้น ให้ทองสีน้ำเงินชิ้นเล็กสุดนี่ไป สำหรับเขายังถือเป็นเรื่องเล็ก

พินิจพิจารณาทองสีน้ำเงินอยู่นาน จนอู๋เต๋อหลินอดเอ่ยปากถามขึ้นไม่ได้ “โลหะนี่มีค่ามากหรือ?”

เยี่ยเทียนส่ายหน้า ตอบว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ สำหรับคนทั่วไปไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่ว่าสำหรับผมนั้นสำคัญมาก หากสองวันนี้ประธานอู๋พอมีเวลาว่างล่ะก็ รบกวนช่วยใส่ใจให้ผมหน่อย”

“ได้สิ ไม่มีปัญหา เดี๋ยวฉันจะโทรศัพท์หาพวกเพื่อนเก่าเอง” อู๋เต๋อหลินพยักหน้า เพียงกระดิกนิ้วนิดเดียวก็สามารถคบหาเด็กหนุ่มไม่ธรรมดาคนนี้ได้ เขาย่อมตกลงเป็นธรรมดา

……

ขณะที่เยี่ยเทียนชนแก้วดื่มสังสรรค์กับอู๋เต๋อหลินอยู่นั้น ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ห่างจากเมืองเคปทาวน์กว่าพันกิโลเมตร บรรยากาศเหมือนคลื่นลมสงบ แต่แท้จริงแล้วมันคือคลื่นใต้น้ำอย่างลับๆ สาเหตุไม่ใช่เรื่องใดอื่น แต่เป็นเพราะองค์การอาชญากรรมระหว่างประเทศประกาศเตือนมาทางแอฟริกาใต้ ว่ามีกองทหารรับจ้างชื่อเสียงโด่งดังสองกลุ่มเดินทางเข้ามายังโจฮันเนสเบิร์ก

เรื่องนี้ทำให้ตำรวจแอฟริกาใต้ตื่นตัวขึ้นมาในทันที โจฮันเนสเบิร์กนับว่าเป็นเขตที่มีทองคำและเพชรปริมาณมากที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกาใต้ ซึ่งทำรายได้ให้รัฐบาลแอฟริกาใต้อย่างมหาศาลในทุกๆ ปี พวกเขาจึงไม่มีทางยอมให้เหล่าทหารรับจ้างพวกนี้ก่อเรื่องขึ้นบนดินแดนนี้เด็ดขาด

แต่สิ่งที่ทำให้ตำรวจแอฟริกาใต้อับจนหนทางก็คือ หลังจากกองทหารรับจ้างสองกลุ่มนั้นเข้ามายังเมืองโจฮันเนสเบิร์กก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ทางฝ่ายแอฟริกาใต้รู้สึกเหมือนเจอหนูขโมยไข่แต่ทำอะไรไม่ได้

………………………………………..