ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 766 สำนักเดียวกันคนละต้นกำเนิด

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ไป๋จื่อหมิงถอนใจชมเชยในใจ เฉินจื้อเหลียงที่มีความรู้และประสบการณ์มากมาย ยิ่งคิดเยอะกว่าฝ่ายแรกมาก

สายตาของเขาย้ายไปมาระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ และเฟิงอวิ๋นเซิง

‘ดาบเล่มนั้นมีปราณดาบดุร้ายยิ่ง สะท้อนถึงกลิ่นอายมารเพลิงทมิฬ กัดกร่อนกดข่ม กลืนฟ้ากินตะวัน เหมือนจะแฝงพลังกัดกร่อนเอาไว้ด้วย?’

เฉินจื้อเหลียงโอดครวญในใจ ‘แม้กระทั่งข้าเองถึงกับมองไม่ออกว่าดาบเล่มนี้อยู่ในระดับไหนอยู่ชั่วขณะ เพราะมันแตกต่างกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง แต่ก็ไม่เหมือนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางเช่นกัน’

‘มีพลังกัดกร่อนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ตามเหตุผลแล้วมีแค่ของวิเศษไม่กี่ชิ้นเท่านั้น แต่ละชิ้นต่างก็สะท้านฟ้าสะเทือนดิน มีชื่อเสียงเรื่องละบือ’

แววตาของเขาทอประกาย ‘ไม่รู้ว่าเป็นพลังของพระราหู หรือเป็นพลังของพระเกตุ แต่เยี่ยนจ้าวเกอนั่นครอบครองตราประทับตะวันไว้ ไม่แน่ว่าดาบเล่มนี้จะเป็นดาวข่มของพระอาทิตย์ เกี่ยวข้องกับพระราหู…’

แต่มีตำนานบอกว่าดาบราหูได้ถูกทำลายไปก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว

ครั้นคิดถึงเรื่องนี้ เฉินจื้อเหลียงก็ไม่แน่ใจอีกครั้ง

‘สำนักแสงสว่างมีมงกุฎจันทรา หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับโลกแปดพิภพ?’ เฉินจื้อเหลียงตกใจ ‘โลกแปดพิภพใบนี้เป็นที่ที่มีแต่พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนหรือ?’

เขาสงบจิตใจ มองเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋สองพ่อลูกอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ระวังตัวขึ้นกว่าเดิม

เยี่ยนจ้าวเกอความจริงแล้วก็พิจารณาบิดาของตนอยู่เช่นกัน เขาส่งกระแสเสียงถามว่า “ได้ยินท่านอาจารย์ปู่บอกว่า ท่านผู้เฒ่าได้คัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตซึ่งเป็นวิชาสายหยกพิสุทธิ์ตอนอยู่ในโลกซ้อนโลก ดูจากลักษณะของท่าน น่าจะได้ศึกษาแล้วใช่หรือไม่?”

การประมือของเยี่ยนตี๋กับเสวียนมู่อ๋องเมื่อครู่ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางเสื้อคลุมยันต์เซียน พลังวิญญาณสะท้อนเป็นยันต์วิญญาณนับไม่ถ้วน

ความสามารถของเสื้อคลุมยันต์เซียน คือการประกอบยันต์วิญญาณให้กลายเป็นฉากกำบังละอองแสง มีพลังป้องกันแข็งแกร่งมาก

ถ้าหากละอองแสงถูกอีกฝ่ายทำลาย จะกลายเป็นหมอกแสงกระจายไปทั่ว สร้างความเสียหายชนิดไร้รูปร่าง

หลังจากที่ศัตรูทำลายการป้องกันของฉากกำบังละอองแสงแล้ว ถ้าหากว่าคิดจะไล่โจมตีด้วยการใช้พลังทั้งหมดในครั้งเดียว แล้วมองข้ามเสื้อคลุมยันต์เซียน ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเสียท่าหมอกแสงอย่างสาหัส

เยี่ยนตี๋ตอนแรกทำลายฉากกำบังละอองแสงทิ้ง แต่เมื่อถูกหมอกแสงปกคลุม เขาก็ไม่ได้หลบและไม่ได้ป้องกัน

เขากลับทำสิ่งที่ทำให้ทุกคนอ้าปากตาค้าง

ไม่หลบไม่หลีกไม่ป้องกัน เพียงอ้าปาก แล้วดูดหมอกแสงทั้งหมดเข้าไปในปาก จากนั้นก็กลืนลงท้องเหมือนกับปลาวาฬ

เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ ทุกคนต่างก็รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงกันถ้วนหน้า ซึ่งความรู้สึกนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าการได้เห็นเขาสังหารเสวียนมู่อ๋องหลังจากนั้นเลย

เยี่ยนจ้าวเกอเป็นเพียงคนเดียวที่เตรียมใจไว้อยู่แล้ว หลังจากประหลาดใจ ชายหนุ่มก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว

ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในห้วงสมองของเขาก็คือ ‘คัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต’

เยี่ยนตี๋กล้ากลืนหมอกแสง เป็นเพราะว่าพลังชีวิตและพลังฟื้นฟูของเขายอดเยี่ยมถึงระดับหนึ่งแล้ว

การลอบทำร้ายของหมอกแสง ถือเป็นการโจมตีต่อเนื่อง การสร้างความเสียหายที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตาไม่รุนแรงมาก แต่กลับก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสาหัสต่อผู้คนในระยะเวลาสั้นๆ โดยการสั่งสมความเร็วที่มีความถี่สูง

สิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าอยู่ที่หลังจากจอมยุทธ์โดนกระบวนท่าแล้ว จะไม่อาจแก้ไขได้โดยง่าย มาตราว่าจะมีชีวิตรอดไปได้ แต่วันหน้าก็จะถูกปัญหาที่หยั่งรากลึกพัวพัน

แต่คัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต กลับข่มกระบวนท่าประเภทนี้ได้พอดี

เยี่ยนตี๋เลือกกลืนหมอกแสงลงไป เพราะคิดว่าวิชาในคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต สามารถช่วยเขาหลอมหมอกแสงให้กลายเป็นพลังของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

“เป็นคัมภีร์มหัศจรรย์เล่มนี้จริงๆ” เยี่ยนตี๋ตอบด้วยรอยยิ้ม “หลังจากท่านอาจารย์ถ่ายทอดให้ข้าแล้ว ข้าก็ทำการศึกษาแข่งกับเวลา แม้จะไม่อาจใช้มันแทนรากฐานของตัวเองได้ แต่ก็ได้ประโยชน์มากมาย น่าอัศจรรย์ยิ่ง

“ไม่เพียงแต่คัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตเท่านั้น บทสวดอัสนีทันใจ ข้าเองก็ได้ศึกษามาเล็กน้อยแล้วเช่นกัน

“ที่ข้าสั่งสมสำเร็จ พลังฝึกปรือเพิ่มขึ้น และระดับพลังเริ่มพุ่งทะยานอีกครั้งในระยะเวลาสั้นๆ ก็เกี่ยวข้องกับพวกมันนี่เอง”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็พยักหน้า จากนั้นถึงถามว่า “หลังจากท่านฝึกแล้ว รู้สึกว่าคล้ายกับวิชาวรยุทธ์ของท่านแม่หรือไม่?”

เยี่ยนตี๋ส่ายหน้าตอบว่า “ถึงแม้ว่าจะเป็นคัมภีร์วรยุทธ์เดียวกัน แต่ว่ามีความแตกต่างในด้านรายละเอียดอยู่บ้าง น่าจะเป็นเพราะเป็นคนละคนในกระบวนการสืบทอด เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแตกต่าง ดังนั้นถึงแม้จะคล้ายๆ กับสิ่งที่ชูฉิงร่ำเรียน แต่ไม่ใช่วิชาสายเดียวกัน”

วรยุทธ์สำนักเดียวกัน หากให้แต่ละคนมาฝึกฝนทำความเข้าใจ เมื่ออยู่ในระดับสูงล้ำ จะมีการถอดความและความเข้าใจเป็นของตัวเอง

ดังนั้นจึงเกิดความแตกต่างโดยอัตโนมัติ ถึงขั้นที่ว่าทั้งสองฝ่ายอยู่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง กลายเป็นการถอดความที่ขัดแย้งกัน

ต่อให้เป็นลูกศิษย์ที่มีอาจารย์คนเดียวกัน ระหว่างแต่ละฝ่ายก็อาจจะมีความแตกต่างในด้านความเข้าใจที่มีต่อวรยุทธ์เดียวกัน

หากพวกเขาแยกกันไปมีลูกศิษย์ของตัวเองอีก สุดท้ายแล้วความแตกต่างจะยิ่งมายิ่งมาก

ถึงแม้จะมองออกว่ามาจากสำนักเดียวกัน แต่เป็นคนละต้นกำเนิด ย่อมมีความพิเศษเป็นของตัวเอง

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า ไม่กล่าวอะไรอีก

ความจริงเขามีประโยคหลังที่ยังไม่ได้พูด

ก่อนหน้านี้ยังไม่ชัดเจน แต่ว่าหลังจากเยี่ยนตี๋หลอมจุดลมปราณเป็นเทวะ ก้าวเข้าสู่ขั้นเทวะสำแดงแล้ว เจตจำนงดาบของเขาก็ยิ่งมายิ่งเกรี้ยวกราด ยิ่งมายิ่งบริสุทธิ์มากขึ้น

สภาวะวิวัฒน์ ผู้ใดก็ไม่อาจต้านตาน

กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็สังเกตเห็นว่า เจตจำนงดาบของเยี่ยนตี๋มักจะมีความรู้สึกคุ้นเคยที่เหมือนใช่เหมือนไม่ใช่ แต่ก็เหมือนกับภาพพร่าเลือนในม่านหมอก มองไม่ออกอยู่ชั่วขณะอยู่ด้วย

สิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอสนใจในคัมภีร์นภารังสวรรค์ชีวิต ก็คือประวัติความเป็นมาของมัน เรื่องนี้รอเจอหยวนเจิ้งเฟิงค่อยไต่ถามอย่างละเอียดก็แล้วกัน

วรยุทธ์และเจตจำนงดาบของเยี่ยนตี๋ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกสนใจมากกว่า

เขาผจญภัยในโลกซ้อนโลกมานาน จึงเข้าใจเรื่องราวมากมายขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่ได้เห็นอะไรก็ตกใจไปหมดเหมือนตอนอยู่ในโลกแปดพิภพ

ดังนั้นแม้ว่าคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตตนจะฝึกได้แค่คนเดียว แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้เตรียมการหาโอกาส เพื่อมอบวรยุทธ์ระดับสุดยอดที่บันทึกอยู่ในหอหนังสือวังเทพส่วนหนึ่งให้แก่บิดาของตนอย่างมีลำดับขั้นตอนแล้ว

ครั้นสัมผัสได้ถึงเจตจำนงดาบของเยี่ยนตี๋ เยี่ยนจ้าวเกอก็คาดหวังและอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิม

เยี่ยนตี๋ยามนี้มองไปยังอาหู่ “หู่ถิง”

อาหู่รีบพูด “ประมุขตระกูลโปรดสั่ง”

“หาที่ฝังเขา” เยี่ยนตี๋ส่งพระศพของเสวียนมู่อ๋องให้อาหู่

ภายใต้ผลจากญาณจริงแท้ของเยี่ยนตี๋ พระเศียรที่ถูกตัดของเสวียนมู่อ๋องจึงยังคงเชื่อมติดกับพระศพอยู่

“เขามีพลังฝึกปรือไม่เลว ที่ตายด้วยมือข้าง่ายๆ เป็นเพราะความบังเอิญ ถึงอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือคนแรกที่ข้าสังหารในโลกซ้อนโลก จึงเหลือศพของเขาไว้ เจ้าเก็บกระดูกเขาไว้เถอะ” เยี่ยนตี๋กล่าว

หลังจากอาหู่งงงัน ก็ตอบอย่างเคร่งขรึม “ขอรับประมุขตระกูล”

เขาประสานมือให้เยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูก แล้วเก็บพระศพของเสวียนมู่อ๋อง ก่อนจะพุ่งลงไปในมหาสมุทรเบื้องล่าง

เฉินจื้อเหลียงขณะมองภาพนี้ ทางหนึ่งถอนใจ ทางหนึ่งเอ่ยว่า “พวกคังผิงที่เข้าไปในดินแดนสุทธทัศน์ คงจะคิดไม่ถึงว่าหลังจากพวกเขาจากไปแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้น”

เยี่ยนจ้าวเกอถาม “ท่านเฉินกับท่านผู้อาวุโสไป๋มาเพราะเรื่องราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องจู่โจมผาตะวันจันทราโดยเฉพาะหรือ?”

เฉินจื้อเหลียงส่ายหน้า จากนั้นก็พยักหน้า “พวกข้ามีธุระอื่น ตอนแรกมากับศิษย์พี่มู่ ต่อมาเห็นสงครามที่ผาตะวันจันทราดุเดือดยิ่ง ดังนั้นข้ากับท่านไป๋จึงแวะมาดู”

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันบนดินแดนจิตคุณธรรมของมงกุฎจันทรา

เก้านพเคราะห์ กลุ่มยอดฝีมือที่สถาปนาโลกซ้อนโลก ไม่ว่าจะเป็นใคร เพียงแค่กระทืบเท้าก็ทำให้ฟ้าดินสั่นไหวได้แล้ว

มงกุฎจันทรา เป็นของวิเศษที่ราชันพระจันทร์พกติดตัว

“เรื่องเกี่ยวพันกับทางตะวันตก ดังนั้นศิษย์พี่มู่กับพวกข้าจึงมาดู” เฉินจื้อเหลียงมองเยี่ยนจ้าวเกอ หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่งก็กล่าวเสริมว่า “อีกฝ่ายส่งคนมาอีกแล้ว อยู่แถวๆ น่านน้ำของดินแดนจิตคุณธรรมและดินแดนสุทธทัศน์นี้เอง”

เยี่ยนจ้าวเกอกะพริบตา

ทางตะวันตกของเขตตะวันอาคเนย์ ก็คือเขตเพลิงทักษิณ