หลังจากที่มู่เฉียนซีได้นำกองกำลังคนเข้าไปในเทือกเขาเมฆามืด ก็มีคนตามหลังกองกำลังของนางมา

ปกติเทือกเขาเมฆามืดก็อันตรายอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้กลับยิ่งทวีความอันตรายมากขึ้นอีก

“ท่านหัวหน้าตำหนัก พวกเราจะทำเช่นไรดีขอรับ?”

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “อย่าเพิ่งเข้าไปก่อน ให้ปรมาจารย์จางสำรวจดูก่อน”

ปรมาจารย์จางตอบรับ “ขอรับ!”

ส่วนกลุ่มของมู่เฉียนซีและพวก แม้แต่สัตว์วิญญาณก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไปต่อกรด้วย

เมื่อเข้ามาถึงเขตด้านใน มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นว่า “แยกย้ายกันลงมือ หากเจอตัวมันให้จุดพลุส่งสัญญาณทันที”

“ขอรับ!”

คนจำนวนหลายพันคนได้แยกย้ายกันตามหาในเทือกเขาเมฆามืดมาเป็นเวลาสามวันแล้ว แต่ก็ยังคงไม่พบร่องรอยใด ๆ เลย

จวินโม่ซีกล่าว “หรือว่าสำนักหุ่นปีศาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่ เช่นนี้แล้วยังบีบบังคับให้พวกมันออกมาไม่ได้อีก นี่พวกมันขุดหลุมซ่อนตัวหรือยังไงกัน”

แสงสลัววาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี “ขุดหลุมเหรอ?”

นางกล่าวต่อเสียงขรึมว่า “ก็อาจจะเป็นไปได้!”

หากพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในวังใต้ดิน เช่นนั้น การจะหาตัวพวกมันก็คงจะยิ่งยากกว่าเดิม

ในตอนนี้ ณ สถานที่ที่มืดสลัวแห่งหนึ่ง

ชิงอิ่งถูกหนามปีศาจดำรัดตัวเอาไว้อย่างแน่นหนา แต่เขากลับไม่ยอมแพ้ที่จะดิ้นรน

ราชาหุ่นเดินเข้ามาพลางกล่าวว่า “หยุดดิ้นรนได้แล้ว ยิ่งเจ้าพยายามดิ้นรนมากเท่าไหร่ หนามปีศาจดำก็จะยิ่งรัดตัวเจ้าแน่นมากขึ้นเท่านั้น”

เขาเข้ามาใกล้ชิงอิ่ง และกล่าวว่า “หุ่นเชิดที่ดีเลิศเช่นนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะสวมหน้ากากบดบังใบหน้า หรือว่า เจ้าจะไม่พอใจในหน้าตาของเจ้า”

มือของราชาหุ่นสัมผัสลงบนหน้ากากของชิงอิ่ง

เดิมทีแล้วชิงอิ่งรังเกียจที่จะพูดจากับเขา แต่ราชาหุ่นกลับต้องการจะแตะต้องหน้ากากของเขาเช่นนี้ เขาจึงตะคอกออกมาด้วยสุ้มเสียงเย็นชา “หยุดนะ!”

หน้ากากนี้เฉียนเป็นคนสวมให้เขาด้วยตัวเอง ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามแตะต้อง

เห็นได้ชัดว่าราชาหุ่นนั้นไม่ทำในสิ่งที่เขาต้องการ!

แกร่ก! แกร่ก! ราชาหุ่นเพียงแค่ลงมือเพียงเล็กน้อย หน้ากากไม้นี้ก็แตกทันที

ดวงตาของชิงอิ่งพลันเย็นชาขึ้น เขาทำหน้ากากที่เฉียนสวมให้พังลงแล้ว

และเมื่อราชาหุ่นได้เห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากนั้นเข้า เขาก็ตกตะลึงพรึงเพริดไปชั่วขณะ

ใบหน้านั้นงดงามอย่างไร้ที่เปรียบดุจดั่งภาพวาดหมึกก็มิปาน

นึกไม่ถึงเลยว่าหุ่นเชิดจะหน้าตางดงามได้ถึงเพียงนี้ นี่เป็นสิ่งที่เกินจินตนาการของราชาหุ่นมาก

ราชาหุ่นกล่าวด้วยความตกใจว่า “เจ้าเป็นหุ่นเชิดที่พิเศษจริง ๆ”

“ข้าอดใจรอที่จะศึกษาหุ่นเชิดอย่างเจ้าไม่ไหวแล้วล่ะ”

หลังจากที่ราชาหุ่นกล่าวจบ เขาก็เริ่มวาดค่ายกลต่าง ๆ ข้างกายชิงอิ่ง เขาศึกษาเกี่ยวกับหุ่นเชิดมามากมาย

และในตอนนี้ดวงตาของชิงอิ่งก็เย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ เขาจ้องมองไปที่ราชาหุ่นราวกับจะฆ่าให้ตายก็มิปาน

ราชาหุ่นปีศาจคิดว่าชิงอิ่งตกอยู่ในกำมือของเขา และไม่สามารถหนีรอดไปได้แล้ว

ค่ายกลบริเวณรอบ ๆ ได้แผ่ลำแสงสีดำออกมา และได้ผูกมัดชิงอิ่งเอาไว้อีกครั้ง

ลำแสงสีดำนั้นได้กลายเป็นกระบี่เล่มใหญ่เล่มหนึ่งขนาดเทียบเท่ากับร่างมนุษย์ และได้แขวนอยู่บนตำแหน่งหัวใจของชิงอิ่ง

“ความพิเศษของเจ้า นอกจากหน้าตาที่งดงามของเจ้าแล้ว เจ้าก็ยังมีหัวใจที่เต้นได้อีกด้วย ข้าจะควักหัวใจของเจ้าออกมาดูเดี๋ยวนี้แหละนะ”

กระบี่เล่มนั้นร่วงตกลงมายังตำแหน่งหัวใจของชิงอิ่ง

เจ้าหมอนี่ได้ทำลายหน้ากากที่เฉียนมอบให้เขาพังลงแล้ว

เขาจะยอมให้เจ้าหมอนี่ทำลายหัวใจที่สำคัญที่เฉียนมอบให้เขาได้อีกอย่างไรกัน

ดวงตาที่นิ่งสงบคู่นั้นของชิงอิ่งพลันล้ำลึกขึ้น ดวงตาคู่นี้เงียบสงัดและอันตรายราวกับได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมามากมายนับไม่ถ้วนมากกว่าหมื่นพันปีก็มิปาน

พรวด! ค่ายกลนี้ได้รวมตัวกันเป็นแสงกระบี่ ซึ่งมันสามารถทำลายร่างของหุ่นเชิดได้เลย

และร่างของชิงอิ่งก็ไม่มีข้อยกเว้น!

แสงกระบี่สีดำได้แทงทะลุร่างของชิงอิ่ง

แต่เนื่องจากเขาเป็นหุ่นเชิด แน่นอนว่าจึงไม่มีเลือดไหลออกมา

เมื่อหัวใจของชิงอิ่งถูกแทงจนทะลุ มู่เฉียนซีก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้น ชั่วครู่หนึ่งสีหน้าของนางก็ซีดเผือดลง

จวินโม่ซีกับเฟิงอวิ๋นซิวรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของมู่เฉียนซี พวกเขากล่าวถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เจ้าเป็นอะไรไป?”

“ข้ากับชิงอิ่งมีพันธสัญญาต่อกัน ข้ารู้สึกเหมือนกับเกิดเรื่องขึ้นกับชิงอิ่งแล้ว ต้องรีบหาเขาให้เจอโดยเร็วที่สุด”

วืด ปัง! พลุส่งสัญญาณถูกจุดขึ้นแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “ทางด้านนั้นส่งสัญญาณแล้ว พวกเรารีบไปเร็วเข้า!”

เร็ว ต้องไปให้เร็วที่สุด นางรู้สึกได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับชิงอิ่งแล้ว

ในขณะที่มู่เฉียนซีรู้สึกได้นั้น จู่ ๆ ก็มีคนมารายงานว่า “ท่านผู้นำตระกูล พวกเราจับคนกลุ่มหนึ่งได้ ดูท่าทางน่าจะเป็นคนของสำนักหุ่นปีศาจ”

“พวกข้าไม่ใช่คนสำนักหุ่นปีศาจ พวกข้าแค่ผ่านมาทางนี้เฉย ๆ!” พวกเขากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

ก็เพียงแค่ออกมาหาของกินกระแทกปากเล็กน้อย แต่กลับนึกไม่ถึงว่าอากาศพิษในเทือกเขาเมฆามืดจะเกิดความผิดปกติไปเช่นนี้ได้

จากนั้นก็ได้เจอกับคนกลุ่มนี้ และพวกเขาก็โดนจับได้ เนื่องจากโดนพิษไป ทำให้พวกเขาไร้เรี่ยวแรงจะตอบโต้

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! ทันทีที่มู่เฉียนซีโบกมือขึ้น เข็มยาก็พุ่งแทงร่างของพวกเขาทันที

“ข้าไม่มีอารมณ์ที่จะมาฟังคำพูดจาไร้สาระของพวกเจ้า ตอนนี้คนของสำนักหุ่นปีศาจซ่อนตัวอยู่ที่ใด รีบพาข้าไปเดี๋ยวนี้”

“ขะ ข้าไม่…”

อ๊า!

สุดท้ายเขาก็เหลือเพียงแค่เสียงกรีดร้องครวญคราง เจ็บปวดราวกับไปเดินในแดนนรกก็มิปาน

คนอื่น ๆ ต่างพากันพึมพำเสียงเบาว่า “เจ้าของของหอหมอปีศาจอีกคนอย่างมู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่ผู้นี้ไม่เพียงแต่จะเป็นอัจฉริยะนักปรุงยาอันดับหนึ่งเท่านั้น การใช้พิษของนางก็น่าทึ่งมากด้วย”

ภายใต้การคุกคามของพิษอันน่ากลัวของมู่เฉียนซีนี้ คนเหล่านี้ทำได้เพียงแค่ยอม

“ขะ ข้ารู้ว่าอยู่ที่ใด ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรด…”

“นำทาง!”

อาณาเขตของสำนักหุ่นปีศาจอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งหนึ่งในเทือกเขาเมฆามืด ด้านล่างนี้เป็นวังใต้ดินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และถูกพวกเขาบูรณะให้เป็นอาญาเขตแห่งที่สองของสำนักหุ่นปีศาจ

ในขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปที่ทะเลสาบดำนั้น ถึงแม้ว่าราชาหุ่นจะทำร้ายร่างกายของชิงอิ่งให้ได้รับบาดเจ็บได้ แต่เขากลับแตะต้องหัวใจของชิงอิ่งไม่ได้

เขาเห็นหัวใจดวงนั้น มันเป็นหัวใจที่แตกต่างไปจากหัวใจมนุษย์โดยสิ้นเชิง

แทนที่จะบอกว่ามันคือหัวใจ มิสู้บอกว่ามันคือเมล็ดพันธุ์จะดีกว่า

ในเมล็ดพันธุ์นี้มีพลังอันบริสุทธิ์และแข็งแกร่งอยู่ ทำให้ราชาหุ่นเกิดความละโมบขึ้น

แสงกระบี่สีดำนั้นตกลงในกำมือของเขา เขากำกระบี่เล่มนั้นแน่นพลางก้าวเท้าเดินมาตรงหน้าชิงอิ่ง

“เป็นหัวใจที่พิเศษดวงหนึ่งจริง ๆ หากว่าข้าได้มันมา ข้าก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในดินแดนสี่ทิศแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้ ใต้หล้านี้ ก็ไม่มีผู้ใดจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า พวกมนุษย์ก็เป็นเพียงแค่มดปลวกเท่านั้น!”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” เขาหัวเราะชอบใจขึ้น

เขาเพิ่มค่ายกลขึ้น และเตรียมจะเอากระบี่ควักหัวใจดวงนั้นของชิงอิ่งออกมา

และในขณะที่กระบี่เล่มนั้นกำลังจะสัมผัสหัวใจดวงนั้น จู่ ๆ หัวใจของเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตนี้ก็มีเถาวัลย์นับไม่ถ้วนพุ่งออกมาและได้ห่อหุ้มร่างของชิงอิ่งเอาไว้

ราชาหุ่นตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “นี่มันสิ่งใดกัน?”

เถาวัลย์นั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และได้ทะยานพุ่งขึ้นจากก้นบึ้ง พุ่งออกไปจากทะเลสาบดำ

มู่เฉียนซีและพวกยังไม่ทันเข้ามาใกล้ทะเลสาบดำก็รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวทางด้านนั้นแล้ว

จากนั้นก็ได้เห็นต้นไม้ต้นหนึ่งพุ่งขึ้นมา ขนาดและความสูงนั้นสูงใหญ่กว่าต้นไม้ต้นอื่น ๆ ในเทือกเขาเมฆามืดเสียอีก

ผัวะ ผัวะ!

“หลบไป!”

เมื่อถูกกิ่งเถาวัลย์เหล่านี้ขวาง ราชาหุ่นก็โกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว เขาพยายามตัดเถาวัลย์เหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง

ทว่า เถาวัลย์เหล่านี้ยิ่งตัดก็ยิ่งงอกออกมา เขาไม่มีทางเข้าใกล้ตัวชิงอิ่งได้เลย

มู่เฉียนซีสังเกตเห็นเถาวัลย์นั้นแล้ว และรับรู้ได้ถึงพลังแห่งชีวิตที่คุ้นเคยนั้นแล้ว

นางรีบกล่าวว่า “เร็วเข้า! เร็ว! รีบไปเร็วเข้า!” นางรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น และนางก็ไม่อยากรอแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว!