เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1382
ลูกหลานตระกูลหานเอายาให้จ้าวหมิงหยู่กิน
เมื่อยาลงท้อง จ้าวหมิงหยู่รู้สึกว่าตัวที่แข็งเป็นหินบรรเทาลงไม่น้อย พอลุกขึ้นมาได้แล้ว
นี่คือยาวิญญาณที่ลู่ฝานคิดขึ้นมาเอง เอาพลังวิญญาณปกคลุมไว้บนยานิดหน่อย วิธีง่ายมาก แล้วก็ไม่ต้องใช้สมุนไพรดีอะไรด้วย ประสิทธิภาพก็ดูเหมือนไม่เลว
ลูกหลานตระกูลหานที่อยู่ข้างๆ เห็นจ้าวหมิงหยู่กินยาเข้าไปแล้ว สามารถลุกขึ้นมาเก็บดาบใหญ่ของตัวเอง เขาพยักหน้าเบาๆ แล้วหันหลังเดินออกไป เขาต้องเอาประสิทธิภาพของยาไปบอกลู่ฝาน จ้าวหมิงหยู่คงไม่รู้ว่าเขากลายเป็นคนทดลองยาของลู่ฝาน ยาที่ขจัดอาการวิญญาณกลายเป็นหิน เป็นสิ่งที่ลู่ฝานทดลองเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่ามีผลข้างเคียงหรือเปล่า ถือว่าเขาโชคดีไม่น้อย!
จ้าวหมิงหยู่เก็บดาบขึ้นมา มองตระกูลหานด้วยแววตาสับสน
แม้ปากเขาจะตะโกนว่าต้องการสู้กับลู่ฝานอีกรอบ แต่ในใจกลับไม่มั่นใจเท่าไร
สีหน้าหลากหลายอารมณ์ สุดท้ายจ้าวหมิงหยู่เลือกที่จะเดินกะโผลกกะเผลกออกไป ไม่เหมือนตอนแรกที่มาอย่างอวดดี ตอนนี้เขาดูสลดหดหู่ แต่นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ภูเขาหลังตระกูลหาน ลู่ฝานกำลังต้อนรับแขกอีกสองสามคน
พูดขึ้นมา แขกสองสามคนนี้อยากเจอลู่ฝานนานแล้ว แต่แค่ไม่ได้มาเท่านั้น เห็นว่าตอนนี้ลู่ฝานกลับมาตระกูลหาน พวกเขาจึงแวะมาทันที
สี่คนนี้คือ เหลยเชียนเริ่นเจ้าสาขาสายฟ้า รวมถึงอาจารย์เหลย อาจารย์ถิงยวน เหลยเสี่ยวหย่งแห่งสถาบันบู๊องอาจ
“พูดแบบนี้ อันที่จริงพวกนายก็เป็นคนสำนักจิ่วเซียวน่ะสิ”
ลู่ฝานถอนหายใจเบาๆ ตอนมาถึงเจ้าสำนักพูดเรื่องเกี่ยวกับสาขาสายฟ้าและสำนักจิ่วเซียวเยอะมาก ในที่สุดก็ทำให้ลู่ฝานรู้แล้วว่าทำไมอาจารย์เหลยกับอาจารย์ถิงยวนถึงคุกเข่าให้เขาที่ตระกูลเทียน
สาเหตุก็เพราะแหวนบนนิ้วเขา เป็นแหวนของเจ้าสำนักจิ่วเซียว เป็นตัวแทนสายเลือดแท้จริงของสำนักจิ่วเซียว ส่วนสาขาสายฟ้า ตอนแรกเป็นเพียงบริวารของสำนักจิ่วเซียว เคล็ดวิชาบู๊และสิ่งของต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่สำนักจิ่วเซียวมอบให้ อีกทั้งสงครามทำลายล้างในตอนนั้น สำนักจิ่วเซียวเป็นแนวหน้า เสียสละตัวเองปกป้องบริวารที่เป็นสำนักเล็กๆ ให้ปลอดภัย
ปกป้องดูแลถึงขนาดนี้ จึงได้รับความรักจากคนมากมาย เมื่อหลายสิบปีก่อน หวูเฉินอาจารย์ของเขา เป็นคนที่ช่วยชีวิตคนสาขาสายฟ้าสิบกว่าชีวิต ในบรรดานั้นก็คือเหลยเชียนเริ่น อีกทั้งยังมีผู้อาวุโสของสาขาสายฟ้าอีก 7-8 คน
บุญคุณยิ่งใหญ่เช่นนี้ ใครก็ไม่มีวันลืม เจ้าสาขาสายฟ้าจับมือลู่ฝานแล้วพูดว่า “แม้สำนักจิ่วเซียวไม่มีอยู่แล้ว แต่สายเลือดสำนักจิ่วเซียวไม่มีวันสูญหายไป อีกทั้งต้องมีสักวันที่กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ตอนนั้นฉันเชื่อแบบนี้ ตอนนี้ก็ยังคิดแบบนี้อยู่ โดยเฉพาะหลังจากเจอนายลู่ฝาน ฉันยิ่งแน่ใจมากขึ้น ลู่ฝาน ฉันอยากเจอผู้อาวุโสหวูได้ไหม”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ได้แน่นอน”
พูดพลาง ลู่ฝานเอาป้ายผู้อาวุโสเจดีย์ยาของตัวเองให้เจ้าสาขาสายฟ้า “อาจารย์อยู่ที่เจดีย์ยา เอาป้ายคำสั่งอันนี้ไป สามารถไปเยี่ยมเข้าได้ทุกเมื่อ อีกไม่นานฉันต้องไปจากอู่อานแล้ว ฝากเจ้าสาขาสายฟ้าดูแลคนในครอบครัว อาจารย์และเพื่อนฉันด้วย”
เหลยเชียนเริ่นพูดเสียงดังว่า “นายวางใจได้เลย ให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”
ทุกคนพยักหน้า ขณะนั้นหลิงเหยาเดินเข้ามาพูดว่า “ลู่ฝาน ธิดาเทพมาแล้ว”
เหลยเชียนเริ่นลุกขึ้นพูดว่า “งั้นเราขอตัวก่อน เจ้าสำนักลู่ฝาน กลับมาแล้วอย่าลืมมาที่สาขาสายฟ้านะ”
ลู่ฝานขานรับเสียงเบา “ฉันไปแน่นอน”
ทั้งสี่คนออกไป เหลยเสี่ยวหย่งพูดทิ้งท้ายเสียงเบาว่า “ท่านลู่ฝาน ตอนนั้นฉันต้องขอคำแนะนำจากนายด้วย”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพยักหน้า มองส่งทั้งสี่คนเดินออกไป
ทันใดนั้น เงาของธิดาเทพปรากฏในสายตา
ใบหน้ามีรอยยิ้ม ธิดาเทพยังไม่ทันเดินเข้ามาก็พูดเสียงดังว่า “ท่านลู่ฝาน สบายดีใช่ไหม”
ลู่ฝานพูดเสียงดังว่า “ธิดาเทพมาสำรวจสิ่งที่ฉันซ่อนไว้เหรอ”