บทที่ 876 เส้นทางสยบด้วยกำลัง

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

เมื่อรู้ว่าฝั่งตรงข้ามคือจางไป๋ฟาน คนรอบ ๆ ข้างหลิงตู้ฉิงก็ตื่นตัวในทันทีเพราะพวกเขาจำได้ว่าจางไป๋ฟานผู้นี้นั้นอยู่ในบัญชีดำของหลิงตู้ฉิง!

ถังชี่หยุนโค้งตัวให้จางไป๋ฟานและพูดว่า “ถังชี่หยุน คารวะ ปราชญ์จาง!”

จางไป๋ฟานมองสำรวจถังชี่หยุนอยู่สักพัก จากนั้นเขายิ้มและพูดขึ้นว่า “ข้าได้ยินว่าปราชญ์ถังศึกษาแนวความคิดเกี่ยวกับการรู้แจ้งในกฎความเป็นไปของโลก ดังนั้นข้าจึงพาเหล่าศิษย์ของข้ามาที่นี่เพื่อฟังคำสอนของท่าน และแน่นอนว่าข้าเองก็มีแนวคิดของข้าที่ข้าอยากจะอธิบายให้ท่านฟังเหมือนกัน”

ถังชี่หยุนพยักหน้า “ด้วยความยินดี!”

จากนั้นนางเปิดหนังสือความเที่ยงธรรมที่น่าหวั่นเกรง และเริ่มอ่านมันให้กับจางไป๋ฟานและศิษย์ของเขาฟัง

จางไป๋ฟานนั้นมีผู้ติดตามอยู่ไม่น้อย ซึ่งมีทั้งเผ่าอสูร เผ่าปีศาจ และเผ่ามนุษย์ ซึ่งแน่นอนว่าเผ่ามนุษย์มีมากที่สุด

แต่แค่เพียงถังชี่หยุนเพิ่งจะพูดได้ไม่กี่คำเท่านั้น อสูรตนหนึ่งซึ่งมีความแข็งแกร่งระดับนภาครามก็ก้าวออกมาเตรียมที่จะพูดแทรก

แต่ก่อนที่อสูรตนนั้นจะทันได้พูดแทรก หลิงตู้ฉิงพูดกับหลิงยู่ชานขึ้นก่อนว่า “หนึ่งในวิธีสยบผู้คนก็คือการใช้กำลังที่เหนือกว่า!”

หลิงยู่ชานพยักหน้าแสดงว่าเขาเข้าใจในความหมายที่หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น จากนั้นเขาใช้วิชาพเนจรไร้จำกัดพุ่งตัวไปหาอสูรระดับนภาครามและออกหมัดใส่หน้าอกมันทันที

การออกหมัดครั้งนี้ หลิงยู่ชานไม่ได้ใช้พลังสายเลือดเพื่อเกื้อหนุนความรุนแรงเลยแม้แต่น้อย เขาใช้แค่พละกำลังของเขาเองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งแค่เพียงเท่านี้หมัดของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่อสูรระดับนภาครามธรรมดา ๆ จะรับได้ไหว

เมื่อหมัดของหลิงยู่ชานปะทะเข้ากับร่างของอสูร มันจึงกลายเป็นร่างของอสูรที่ระเบิดกระจายออกไม่เหลือชิ้นดีรวมไปถึงดวงวิญญาณของอสูรก็ถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน!

หลิงยู่ชานยิ้มให้กับจางไป๋ฟาน และพูดว่า “ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับสิ่งใดมันก็ไม่มีอะไรน่าหวาดหวั่นหากมีกำลังเหนือกว่า!”

เมื่อพูดจบ หลิงยู่ช่านก็พุ่งตัวกลับมายืนข้างหลิงตู้ฉิงเหมือนเดิม

แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้มันสร้างความขุ่นเคืองให้กับกลุ่มศิษย์ของจางไป๋ฟานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพวกอสูรที่เห็นว่าหนึ่งในเผ่าของพวกมันเพิ่งถูกฆ่าตายไปต่อหน้า

อสูรตนนหนึ่งซึ่งอยู่ในขอบเขตราชันทนไม่ไหวในทันที มันเดินออกมาและตะโกนว่า “ในเมื่อพวกเจ้าอยากใช้กำลังกันนัก งั้นก็ส่งคนออกมาเจอกับข้า!”

หลิงตู้ฉิงพูดกับหลิงเทียนหยุน “อสูรตนนี้พ่อมอบให้เป็นหน้าที่เจ้าบดขยี้มัน และอย่าลืมว่าเจ้าต้องใช้ร่างจริงของเจ้าในการฆ่ามันเท่านั้น”

หลิงเทียนหยุนพยักหน้าแสดงความเข้าใจในคำสั่งของหลิงตู้ฉิง จากนั้นเขาเดินออกไปหาอสูรขอบเขตราชัน

อันที่จริงร่างที่เขาเดินออกไปหาอสูรในตอนนี้คือร่างปลอมที่ถูกสร้างมาจากมายาเที่ยงแท้ ส่วนร่างจริงของเขานั้นหลบอยู่ในเงาของร่างปลอมเรียบร้อย

เมื่อเห็นหลิงเทียนหยุนถูกส่งออกมาเป็นคู่ต่อสู้ของมัน อสูรขอบเขตราชันแสดงสีหน้าเหยียดหยามทันทีและพูดว่า “คิดจะใช้กำลังของผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญสยบข้างั้นเหรอพวกเจ้าฝันไปรึเปล่า? แต่ก็ดี! ปู่ของพวกเจ้าคนนี้จะได้แสดงตัวอย่างการใช้กำลังแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้นหน่อย!”

แต่ก่อนที่อสูรขอบเขตราชันจะได้ทันลงมือโจมตี ร่างของหลิงเทียนหยุนกลับปรากฏเพิ่มขึ้นอีก 10 ร่าง ซึ่งแต่ละร่างล้วนมีเต๋าที่แตกต่างกัน

เมื่อเห็นร่างของหลิงเทียนหยุนแยกเพิ่มมาอีก 10 ร่าง แถมแต่ละร่างก็มีเต๋าแตกต่างกัน อสูรขอบเขตราชันอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตกตะลึงเพราะมันไม่ควรจะมีใครที่สามารถบ่มเพาะเต๋ามากขนาดนี้ได้!

แต่เมื่อเขาคิดทบทวนดี ๆ ว่าในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของหลิงเทียนหยุนนั้นอยู่แค่เพียงระดับนักบุญเท่านั้น เขาจึงใจเย็นลงและวางแผนในใจว่าเขาแค่พุ่งเป้าไปที่การทำลายร่างหลักของหลิงเทียนหยุนก็พอ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ อสูรขอบเขตราชันไม่รอช้ามันพุ่งตัวไปหาหลิงเทียนหยุน และตวัดกรงเล็บของมันทำลายร่างของหลิงเทียนหยุนทันที แต่ว่าสิ่งที่มันคาดไม่ถึงหลังจากที่ทำลายร่างของหลิงเทียนหยุนไปแล้วก็คือ จู่ ๆ กลับมีอีกร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของมัน และร่างนั้นก็ใช้ง้าวผ่าร่างของมันออกเป็นสองส่วนโดยที่มันไม่มีปัญญาจะต้านทานความคมของง้าวได้เลย!

อันที่จริงในวินาทีที่ร่างจริงของหลิงเทียนหยุนปรากฏขึ้นพร้อมกับง้าวเทวะพินาศ หากอสูรขอบเขตราชันคิดจะหลบมันก็มีเวลาพอที่จะหลบได้ทัน แต่ด้วยความประมาทของมันที่มันไม่คิดว่าผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญจะทำอะไรมันได้ มันจึงตอบโต้เพียงแค่ใช้อาณาเขตสวรรค์ในการป้องกันตัว

ซึ่งการกระทำของมันเช่นนี้นกลายเป็นความผิดพลาดมหันต์ เพราะอาวุธที่หลิงเทียนหยุนใช้อยู่ตอนนี้มันไม่ใช่อาวุธธรรมดา มันคือง้าวเทวะพินาศที่สามารถผ่าอาณาเขตสวรรค์ได้ราวกับผ่าเต้าหู้!

ดังนั้นผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือทั้งร่างและดวงวิญญาณของอสูรขอบเขตราชันถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงในทันที!

หลิงเทียนหยุนคว้าศพอสูรขอบเขตราชันเอาไว้ในมือ จากนั้นเขามองไปที่จางไป๋ฟาน และพูดว่า “ใช้กำลังเพื่อสยบศัตรู!”

จางไป๋ฟานอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะเลยเถิด ส่วนศิษย์ของเขาก็เริ่มที่จะแสดงสีหน้ามืดหม่นเพราะผลการต่อสู้ที่ออกมามันน่าเหลือเชื่อเกินไป

หลังจากผ่านไปสักพัก เผ่าปีศาจปฐพีตนหนึ่งที่มีระดับการบ่มเพาะนภาครามก็ก้าวออกมาและพูดว่า “ใครจะออกมาสู้กับข้า?”

หลิงตู้ฉิงพูดกับหลิงฟ่างหัวทันที “ฟ่างหัว รอบนี้พ่อจะให้เจ้าออกไปสู้ คู่ต่อสู้ของเจ้าคือเผ่าปีศาจปฐพี ซึ่งมีจุดอ่อนอยู่ที่ดวงวิญญาณ!”

เนื่องจากคู่ต่อสู้ของหลิงฟ่างหัวมีระดับการบ่มเพาะแค่นภาคราม หลิงตู้ฉิงจึงไม่ได้ชี้แนะเพิ่มเติมอะไรอีก

หลิงฟ่างหัว เมื่อรู้ว่าคู่ต่อสู้มีจุดอ่อนอยู่ที่ดวงวิญญาณ นางก็รู้ทันทีว่าต้องทำยังไง นางเรียกพายุมิติพัดเข้าใส่ฝั่งตรงข้ามเพื่อสร้างความสับสนและในเวลาเดียวกันนางก็สร้างรอยแยกมิติไปที่กลางดวงวิญญาณของปีศาจปฐพี ส่งผลให้ดวงวิญญาณของปีศาจปฐพีถูกฉีกทำลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เมื่อจบศึก หลิงฟ่างหัวคว้าร่างของปีศาจปฐพีและพูดกับจางไป๋ฟานว่า “เจ้าไม่อาจต่อต้านกำลังที่เหนือกว่า!”

เมื่อศิษย์ของตนเองถูกฆ่าติดกัน ๆ กัน 3 ชีวิต จางไป๋ฟานขมวดคิ้วและพูดกับถังชี่หยุนว่า “ดูเหมือนว่าปราชญ์ถังจะเพ่งเล็งข้าเป็นพิเศษสินะ?”

ถังชี่หยุนยิ้มและตอบกลับ “ถึงแม้ว่าเส้นทางที่ข้าศึกษาจะเกี่ยวกับกฎความเป็นไปของโลกและสวรรค์ แต่ว่าข้าเองในฐานะที่เป็นมนุษย์ ข้าก็ยังคงมีความนึกคิดเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง ดังนั้นการที่ข้าจะปรปักษ์กับเผ่าอสูรและเผ่าปีศาจนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไร”

“ในเมื่อท่านยังคงมีความเห็นแก่ตัวอยู่ ท่านจะมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นมหาปราชญ์ได้ยังไง?” จางไป๋ฟานพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ตอนนี้ข้าได้รู้เจตนารมณ์ของปราชญ์ถังแล้ว ข้าคงต้องขอตัวก่อนเอาไว้พวกเราค่อยพบกันใหม่!”

ถังชี่หยุนพยักหน้า “เชิญ!”

หลังจากจางไป๋ฟานจากไป ถังชี่หยุนก็เริ่มเดินต่อเข้าไปในทะเลแห่งความรู้

ระหว่างทางต่อมา ถังชี่หยุนก็พบกับกลุ่มของปราชญ์คนอื่น ๆ มาขอคำชี้แนะอยู่เรื่อย ๆ แต่เนื่องจากการที่นางมีหลิงตู้ฉิงคอยสนับสนุน ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือไม่มีปราชญ์คนไหนที่สามารถทำอะไรนางได้เลย

หลังจากเผชิญหน้ากับปราชญ์กลุ่มอื่น ๆ ไปถึง 7 กลุ่มและดูเหมือนว่าทะเลแห่งความรู้ไม่มีจุดสิ้นสุดสักที ถังชี่หยุนจึงหันไปถามหลิงตู้ฉิงว่า “คุณชายหลิง พวกเราต้องทำยังไงถึงจะผ่านการทดสอบนี้ไปได้?”

“ทะเลแห่งความรู้นั้นไร้สิ้นสุดเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ที่สามารถเรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างไม่จำกัด แต่บางครั้งการเรียนรู้บางสิ่งก็จำเป็นต้องย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นเพื่อที่จะก้าวต่อไป!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น

“ข้าเข้าใจแล้ว งั้นพวกเรากลับไปที่ชายฝั่งกันเถอะ!” ถังชี่หยุนเอ่ยขึ้น จากนั้นนางเดินย้อนกลับไปที่เส้นทางเดิมที่นางเดินมา

บรรดาศิษย์ของถังชี่หยุนเมื่อเห็นเช่นนี้ต่างก็รู้สึกโง่งมไปตาม ๆ กัน

ปราชญ์ถังกำลังจะทำอะไร? หรือนางถอดใจอยากถอนตัว?