ชายชราผู้ที่มากับจางจิงหงหัวเราะขึ้นด้วยสีหน้าหยิ่งผยองทันที เมื่อได้ยินคำถามยอกย้อนของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญ เพราะเขาเองก่อนหน้านี้ก็เตรียมตัวมาไม่น้อยเหมือนกัน “บรรพบุรุษของข้าผู้นี้ทุกรุ่นล้วนแล้วแต่เป็นบัณฑิตทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเจ้าคนป่าไม่มีวันเทียบได้!”
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญตะโกนกลับ “ถ้างั้นในเมื่อบรรพบุรุษของเจ้าทุกรุ่นต่างเป็นบัณฑิตที่มีการศึกษาสูงส่ง ทำไมตัวเจ้าเองกลับทำตัวหยิ่งผยองและมาหาเรื่องคนอื่นก่อนแบบนี้? ไม่ใช่ว่าเจ้าควรจะมีกิริยาที่สำรวมตามแบบของบัณฑิตงั้นเหรอ? เมื่อครู่ข้าอยากจะเอากระจกให้เจ้าส่องหน้าของตัวเองจริง ๆ ว่าสีหน้าของเจ้านั้นมันหยิ่งผยองจนไม่เหลือคราบบัณฑิตที่เจ้าภูมิใจนักภูมิใจหนาสักนิด! ไปซะ จงกลับไปคิดทบทวนในสิ่งที่เจ้าเพิ่งทำ!”
เมื่อพูดจบ ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญวิ่งเข้าไปเตะก้นชายชราที่กำลังนิ่งอึ้งอยู่อย่างจัง และจากนั้นเขาก็รีบบินกลับมาหาหลิงตู้ฉิงด้วยความเร็วสูงสุดเพราะกลัวว่าชายชราจะบินตามมาเอาเรื่องเขา
ทางด้านของชายชราเมื่อถูกเตะก้นไปหนึ่ง เขาจึงได้สติกลับมาและรู้ว่าในตอนนี้พวกเขากลายเป็นฝั่งเสียเปรียบไปซะแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบบินไปหาจางจิงหง และพูดว่า “ปราญช์จาง ดูเหมือนว่าฝั่งตรงข้ามจะได้รับการช่วยเหลือจากตัวตนที่ไม่ธรรมดา ข้าคิดว่าพวกเราไม่ควรเผชิญหน้ากับปราชญ์ถังตรง ๆ ตอนนี้”
จางจิงหงพยักหน้า จากนั้นเขาลุกขึ้นยืนและประสานมือคำนับไปที่ถังชี่หยุน และพูดว่า “วันนี้ถือว่าเป็นฝั่งข้าเองที่ผิดไป ข้าต้องขออภัยต่อปราชญ์ถังด้วย เอาเป็นว่าข้าคงต้องขอตัวก่อน ไว้พวกเราค่อยเจอกันใหม่ในอนาคต!”
ถังชี่หยุนปิดหนังสือของนางและตอบกลับ “ชี่หยุนจะรอวันที่พวกเราพบกันอีกครั้ง!”
จางจิงหงพยักหน้า จากนั้นเขาพากลุ่มคนของเขาแยกไปอีกทางในทะเลแห่งความรู้
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ถูกคลี่คลายได้อย่างสวยงาม ทุก ๆ คนจึงมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาชื่นชม
ต้องรู้เอาไว้ว่าจางจิงหงเมื่อครู่นั้นคือปราชญ์ที่โด่งดังติดแปดอันดับแรกของปราชญ์แห่งยุคเลยทีเดียว ดังนั้นการที่หลิงตู้ฉิงสามารถทำให้จางจิงหงล่าถอยไปแบบนี้ได้มันย่อมไม่ใช่เรื่องที่เห็นกันได้บ่อย ๆ
ถังชี่หยุน เมื่อเห็นว่ากลุ่มของจางจิงหงจากไปแล้ว นางจึงเดินหน้าต่อ
แต่แล้วไม่นานต่อมากลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งคนกลุ่มใหม่นี้มีผู้นำเป็นผู้หญิงและผู้ที่ติดตามทั้งหมดต่างก็เป็นผู้หญิงล้วน
“คารวะพี่สาวถัง ข้าไป๋ชิงหัวมาหาท่านเพราะต้องการจะขอคำชี้แนะจากท่าน!” ไป๋ชิงหัวยิ้มให้กับถังชี่หยุน
ถังชี่หยุนพยักหน้า “เจ้าเริ่มก่อนได้เลย!”
ไป๋ชิงหัวไม่รอช้า นางหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นและเริ่มอ่านเนื้อหาที่อยู่ในหนังสือทันที
ถังชี่หยุนยืนหลับตาฟังอย่างตั้งใจ ส่วนหลิงตู้ฉิงเองก็ยืนฟังเงียบ ๆ เช่นกันโดยไม่ได้สั่งให้ใครออกไปเล่นงานกลุ่มหญิงสาวกลุ่มนี้
ในทางกลับกัน เหล่าผู้คนที่เป็นศิษย์ของถังชี่หยุนกลับรู้สึกแทบทนไม่ไหวกับเนื้อหาในหนังสือของไป๋ชิงหัว ซึ่งมีแต่เรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงล้วน ๆ
หลังจากฟังไปได้พักใหญ่มาก ๆ และเมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงยังคงนิ่งอยู่ ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ผู้หนึ่ง ซึ่งรู้สึกว่าตัวเองทนไม่ไหวแล้วจึงพูดขึ้นว่า “นี่เจ้าพูดพอรึยัง? ทำไมพวกผู้หญิงถึงพูดได้ไม่หยุดไม่รู้จักจบจักสิ้นแบบนี้ ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าในหัวสมองของพวกผู้หญิงคิดว่ามีแต่ตัวเองเท่านั้นที่มีปัญหาเหรอไง!?”
หญิงสาวคนหนึ่งก้าวออกมายืนด้านข้างไป๋ชิงหัวทันที และตะโกนว่า “เจ้าด่าผู้หญิงแบบนี้แม่เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงรึไง? หากนางรู้ว่าลูกชายของนางที่นางอุตส่าห์เลี้ยงดูมาดูถูกผู้หญิงแบบนี้ ข้าแน่ใจว่านางจะต้องไม่ปล่อยให้เจ้าเกิดมาแน่นอน!”
ก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์จะได้ทันเถียงอะไรต่อ แขนข้างหนึ่งจู่ ๆ ก็ปรากฎขึ้นจากทะเลแห่งความรู้และพุ่งมาคว้าคอของเขา จากนั้นก็ลากร่างลงไปในทะเลแห่งความรู้
ไม่นานต่อมาศพของเขาก็ลอยขึ้นมาให้ทุกคนได้เห็น
เมื่อเห็นเช่นนี้คนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่มองหลิงตู้ฉิง ซึ่งหลิงตู้ฉิงก็หันไปยิ้มให้กับลูก ๆ ของเขาและพูดว่า “พวกเจ้าสามารถฟังแนวคิดของปราชญไป๋ได้ แต่พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องนำมันมาใช้กับตัวของพวกเจ้าเอง แค่ฟังเป็นความรู้เอาไว้ก็พอ”
หลิงฟ่างหัวส่ายหัวและพูดว่า “แนวคิดของนางสุดโต่งเกินไปจริง ๆ หากข้าต้องเป็นภรรยาในอุดมคติแบบที่นางบอกแล้วล่ะก็ชาตินี้ข้าขอไม่มีสามีเลยจะดีกว่า!”
“เจ้าจะต้องกลัวอะไร? เจ้าลืมไปแล้วงั้นเหรอว่าพ่อของเจ้าเก่งขนาดไหน หากเจ้าแต่งงานจริง ๆ และถ้าสามีของเจ้าเอาเปรียบเอาเจ้า พ่อจะส่งเขาไปเกิดใหม่สักพันรอบเพื่อให้เขารู้สำนึก หรือไม่ถ้าเจ้ายังไม่หนำใจ พ่อจะทำให้เขาเกิดใหม่และตายในทันทีไปเรื่อย ๆ ตลอดกาลเลยก็ได้! ฮ่าฮ่าฮ่า” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
หลิงไช่หยุนหัวเราะเช่นกันและพูดว่า “พี่ห้า หากท่านเจอคนที่ท่านชอบจริง ๆ ข้าจะเอาคำพูดที่ท่านพ่อพูดในวันนี้ไปบอกกับชายผู้นั้นแน่นอน! ฮ่าฮ่าฮ่า”
หลิงฟ่างหัวหยิกไปที่แก้มของหลิงไช่หยุนเบา ๆ และพูดขึ้นด้วยสีหน้าหมั่นเขี้ยวว่า “กล้ารังแกพี่งั้นเหรอ? แล้วเจ้าคิดเหรอว่าพี่จะชอบใครง่าย ๆ พี่ไม่เหมือนกับพี่สองที่ไม่ค่อยทันคนหรอกนะ!”
หลิงว่านถิงพูดขึ้นแทรกด้วยสีหน้างุดหงิดทันที “นี่เจ้าอยากโดนทุบรึไงถึงได้เอาเรื่องเก่านั่นมาพูดอีกรอบ!?”
จากนั้นเมื่อผ่านไป 3 วัน หลิงตู้ฉิงจึงสั่งผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นศิษย์ของถังชี่หยุนว่า “เจ้าจงไปบอกฝั่งตรงข้ามทีว่าพวกเรายังสามารถฟังได้อีก 3 วัน!”
หญิงสาวที่ได้รับคำสั่งจากหลิงตู้ฉิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย เพราะนางเองก็ยินดีที่จะฟังคำสอนที่เกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงที่ไป๋ชิงหัวอธิบายมาเช่นกัน
เมื่อนางเดินไปถึงตรงหน้าไป๋ชิงหัว นางโค้งคำนับอย่างสุภาพก่อนที่จะพูดว่า “คำสอนของปราชญ์ไป๋ช่างมีประโยชน์ต่อข้ายิ่งนัก หากปราชญ์ไป๋ไม่ว่าอะไรข้าอยากที่จะฟังคำสอนของท่านอีก 3 วัน 3 คืนเต็ม!”
ไป๋ชิงหัว เมื่อได้ยินเช่นนี้แทนที่นางจะดีใจนางกลับแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน และพูดกับถังชี่หยุนว่า “พี่สาวถัง น้องสาวผู้นี้รบกวนเวลาท่านมานานแล้ว ข้าคิดว่ามันคงถึงเวลาที่ข้าจะต้องขอตัวก่อน!”
ถังชี่หยุนพยักหน้าและยิ้มกลับ “อืม เอาไว้พวกเราค่อยพบกันใหม่!”
ไป๋ชิงหัวพยักหน้า จากนั้นนางรีบนำคนของนางจากไปในทันที เพราะถึงแม้ว่าฝั่งตรงข้ามจะนั่งฟังนางได้ต่ออีก 3 วัน แต่นางไม่สามารถที่จะพูดต่อได้อีก 3 วันแน่นอน!
เมื่อเห็นว่ากลุ่มของไป๋ชิงหัวจากไปแล้ว ถังชี่หยุนจึงเริ่มเดินต่อโดยไม่สนใจกับศพของศิษย์นางที่ตายไป
ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็ได้แต่มองศพด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
เขาขี้เกียจจะเตือนคนเหล่านี้ว่าทะเลแห่งความรู้นั้นไม่ใช่สถานที่ที่จะพูดอะไรได้ตามใจนึก คำพูดต่าง ๆ ที่พูดขึ้นโดยปราศจากหลักการที่ดี หากพูดขึ้นในทะเลแห่งความรู้คนผู้นั้นจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่แสนสาหัส
ไม่นานต่อมาหลังจากที่ถังชี่หยุนเดินต่อ กลุ่มคนกลุ่มใหม่ก็ปรากฏขึ้นขวางทางนางอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นชายวัยกลางคนเป็นผู้นำกลุ่ม
ชายวัยกลางยิ้มอย่างมั่นใจและตะโกนพูดกับถังชี่หยุนว่า “ข้าจางไป๋ฟาน มาหาท่านเพื่อขอคำชี้แนะ!”