บทที่ 874 สังหารทุกคนที่ขวางหน้า

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

คำพูดของถังชี่หยุนทำให้ทุกคนรู้ในทันทีว่าตอนนี้การคัดเลือกมหาปราชญ์ได้เริ่มขึ้นแล้ว!

นางถือหนังสือความเที่ยงธรรมที่น่าหวั่นเกรงเดินมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของใจกลางอาณาเขตห้าวหลาน ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นบรรดาปราชญ์คนอื่น ๆ พร้อมผู้สนับสนุนของพวกเขาเองก็เริ่มเดินไปที่พื้นที่ใจกลางของอาณาเขตห้าวหลานเช่นกัน

แต่แล้วในขณะที่กลุ่มของถังชี่หยุนเดินไปได้ไม่นาน จู่ ๆ ก็มีผู้เชี่ยวชาญกลุ่มใหญ่ปรากฏกายขึ้นขวางทางพวกเขาเอาไว้

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันผู้หนึ่งที่เดินตามหลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขาพูดขึ้นทันที “คุณชายหลิง ให้ข้าออกไปจัดการกับเขาเลยไหม?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดขึ้นว่า “เราไม่ต้องเสียเวลากับคนพวกนี้หรอก การคัดเลือกเพิ่งจะเริ่มขึ้นแท้ ๆ แต่กลับมีคนแหกกฎขวางทางปราชญ์ผู้ที่กำลังจะเข้าทดสอบเช่นนี้ โทษของพวกเขามีสถานเดียวคือตายในทันที! ซวนหยวน เจ้าไปฆ่าพวกมันให้หมด!”

ซวนหยวน ผู้ซึ่งตามมาถึงสำนักเที่ยงธรรมทีหลังเพราะความเป็นห่วงหลิงว่านถิง เมื่อได้ยินคำสั่งของหลิงตู้ฉิงเขาก็แสดงสีหน้าลังเลทันที และถามกลับว่า “หืม? มันจะดีเหรอถ้าให้ข้าลงมือ? ข้าไม่เคยฟังคำสอนของปราชญ์ถังมาก่อน ดังนั้นข้าจึงไม่นับว่าเป็นศิษย์ของนาง หากข้าลงมือแทรกแซงมันไม่เท่ากับว่าข้าแหกกฎงั้นเหรอ?”

“ข้าเพิ่งพูดไปไม่ใช่เหรอไงว่าพวกที่ขวางหน้าเราอยู่มันทำผิดกฎ ดังนั้นต่อให้เจ้าจะฆ่าพวกเขาไปมันก็ไม่ถือว่าเป็นการแทรกแซง!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ

ซวนหยวน เมื่อได้รับการยืนยันเช่นนี้เขาก็พยักหน้า และใช้เจตจำนงของเขาบดขยี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันรวมไปถึงกลุ่มคนที่ขวางทางอยู่จนคนทั้งหมดกลายเป็นฝุ่นผงภายในพริบตาทันทีโดยไม่มีโอกาสที่จะร้องขอชีวิตแม้แต่ครึ่งคำ!

ทางด้านของถังชี่หยุนก็ยังคงเดินมุ่งหน้าต่อไปเรื่อย ๆ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในทางกลับกัน คนอื่น ๆ ที่เป็นศิษย์ของถังชี่หยุนเมื่อเห็นเช่นนี้พวกเขาต่างก็ขมวดคิ้วกันในทันที เพราะพวกเขาได้ยินว่าซวนหยวนนั้นเป็นคนนอก!

การปล่อยให้คนนอกเข้ามาแทรกแซงมันจะเกิดผลเสียตามมาไม่ใช่เหรอ?

ในเวลาเดียวกัน ปราชญ์คนอื่น ๆ และผู้คนที่สนับสนุนพวกเขาต่างก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดที่ซวนหยวนปลดปล่อยออกมาเช่นกัน ซึ่งมันทำให้พวกเขาถึงกับขมวดคิ้วแน่น

ปราชญ์คนไหนกันที่ให้คนนอกลงมือ?

สาเหตุที่พวกเขาเดาได้ว่าคนนอกลงมือก็เพราะตามปกติมีแต่มหาปราชญ์เท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอที่จะสอนสั่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด ซึ่งผู้เข้าทดสอบทุกคนต่างก็ยังเป็นปราชญ์ธรรมดากันทั้งนั้น ดังนั้นจะมีใครที่มีศิษย์ขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดได้ยังไง?

เมื่อบรรดาปราชญ์ทั้งหลายขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เหล่าผู้ติดตามของพวกเขาก็รู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกว่าพวกเขาจำเป็นต้องส่งคนออกไปสืบเรื่องนี้ดู และถ้าเป็นไปได้ก็ประณามปราชญ์ที่ปล่อยให้คนนอกเข้ามาแทรกแซง

เมื่อเห็นว่ามีคนกลุ่มใหม่ปรากฏกายขึ้นขวางทางอีกแล้ว หลิงตู้ฉิงก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ซวนหยวน เจ้าจงนำซวนหยวนตู่และต้วนมู่ฟางเดินนำหน้าไปเรื่อย ๆ และเตือนให้ทุกคนที่ขวางเราให้หลีกทาง แต่ถ้ามีใครไม่ฟังเจ้าก็ฆ่าคนพวกนั้นให้หมดไปได้เลย และเจ้าอย่าหยุดหากข้ายังไม่สั่งให้พอ”

เมื่อเห็นการกระทำเช่นนี้ของหลิงตู้ฉิง ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในศิษย์ของถังชี่หยุนก็อดไม่ไหวและพูดว่า “ทำไมท่านถึงทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้? ถ้าขืนท่านยังทำแบบนี้ต่อไปมันจะเป็นผลเสียต่อปราชญ์ถัง!”

หลิงตู้ฉิงหันไปจ้องผู้เชี่ยวชาญที่เพิ่งพูดขึ้นทันทีด้วยสายตาเย็นชา และพูดว่า “คนโง่อย่างเจ้าที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรควรหุบปากไปซะ นับจากนี้ไปหากเจ้าปริปากพูดอะไรออกมามีแค่ครึ่งคำ ข้ารับประกันได้ว่าข้าจะทำลายวิญญาณของเจ้าไม่ให้มีโอกาสได้ไปเกิดใหม่!”

ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเขานึกถึงความแข็งแกร่งของหลิงตู้ฉิงแล้วเขาจึงปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก

ส่วนทางด้านคนอื่น ๆ ก็มีความคิดแบบเดียวกับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์เช่นกัน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปเพราะพวกเขาเข้าใจดีว่าคำเตือนที่หลิงตู้ฉิงเพิ่งพูดไปเมื่อครู่มันไม่ใช่แค่การเตือนผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สมบูรณ์ผู้นั้นแค่เพียงคนเดียว แต่มันหมายถึงเขาเตือนคนทุกคนไปด้วยเช่นกัน

จากนั้นด้วยการนำของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุด 1 คนกับภูตดินอีก 2 ตน บรรดาผู้คนที่เข้ามาขวางทางและไม่ฟังคำเตือนก็ตายไปเรื่อย ๆ ซึ่งทำให้ตลอดทางที่กลุ่มของถังชี่หยุนเดินไปมันก็ศพมากมายถูกทิ้งไว้อย่างเกลื่อนกลาด

หลักจากที่เดินไปได้ 3 ปี ในที่สุดทุกคนก็หยุดลงที่ตรงชายหาด ซึ่งหากเดินไปต่อก็คือทะเลอันกว้างใหญ่ที่เต็มที่ไปด้วยหนังสือ

หลิงตู้ฉิงพูดกับซวนหยวน และคนอื่น ๆ ว่า “ตอนนี้พวกเรามาถึงทะเลแห่งความรู้แล้ว พวกเจ้าทุกคนที่ไม่เคยฟังคำสอนของปราชญ์ถังจงสร้างค่ายพักรออยู่ที่นี่เพื่อรอให้พวกเรากลับมา ส่วนใครที่เคยฟังคำสอนก็จงตามปราชญ์ถังเข้าไปต่อ”

ซวนหยวน ซวนหยวนตู่ และคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้าและเริ่มสร้างค่ายพักตรงชายหาดตามที่หลิงตู้ฉิงสั่งทันที ส่วนหลิงตู้ฉิงพร้อมกับคนที่เคยฟังคำสอนของถังชี่หยุนก็ค่อย ๆ เริ่มเดินหน้าเข้าไปยังทะเลแห่งความรู้โดยการเดินบนผิวน้ำทะเลที่เงียบสงบ ซึ่งเต็มไปด้วยหนังสือ

แต่แล้วเมื่อผู้เชี่ยวชาญระดับนภาครามคนหนึ่งเหยียบที่ผิวน้ำทะเล หลิงตู้ฉิงก็หันกลับมาจ้องเขม็งทันที และพูดกับหลิงเทียนหยุนว่า “เทียนหยุนฆ่าเขาซะ!”

แค่เพียงชั่วพริบตาร่างของหลิงเทียนหยุนก็ไปปรากฏออกจากเงาของผู้เชี่ยวชาญระดับนภาครามผู้นั้น และฟันเขาด้วยง้าวเทวะพินาศจนร่างแยกออกเป็นสองส่วนทันที

“ข้าบอกเอาไว้แล้วใช่ไหมว่าข้าจะฆ่าคนที่ไม่ฟังคำสั่งของข้าทันที!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “ไม่เคยฟังคำสอนของปราชญ์ถังแท้ ๆ แต่กลับยังกล้าตามมา ในเมื่อไม่ฟังคำข้ามันก็ต้องตาย! ข้าบอกให้พวกเจ้าทุกคนรู้เอาไว้เลยว่าข้าสามารถบอกได้หมดว่าพวกเจ้าคนไหนที่เป็นศิษย์ของปราชญ์ถังจริง ๆ หรือว่าไม่ใช่ แต่ถ้าหากพวกเจ้าไม่เชื่อว่าข้าสามารถแยกแยะได้ พวกเจ้าก็ลองก้าวเข้ามาแล้วมาดูผลลัพธ์กันว่าชะตาชีวิตของพวกเจ้าจะเป็นยังไง!”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิงเช่นนี้ สีหน้าของใครหลายคนก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันทีและค่อย ๆ เดินถอยกลับไปไม่กล้าเสี่ยงดวงที่จะตามต่อ

“ท่านพ่อจะปล่อยพวกเขาไปเหรอ?” หลิงเทียนหยุนถามขึ้นพลางมองไปที่เหล่าผู้คนที่ค่อย ๆ เดินถอยกลับไป

“ปล่อยพวกมันไป พวกมันไม่มีค่าอะไรให้เราสนใจ” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น จากนั้นเขาหันไปพูดกับคนอื่นที่ก้าวเข้าในทะเลแห่งความรู้แล้ว และพูดว่า “นับจากนี้พวกเจ้าจงเตรียมพร้อมให้ดี ๆ เพราะต่อไปพวกเจ้าจะต้องต่อสู้กับเหล่าผู้คนที่จะมาขวางทางพวกเราไปตลอดทาง โดยเฉพาะจางไป๋ฟานและคนที่สนับสนุนมันทั้งหมดจะต้องตาย!”

แต่แค่ในทันทีที่หลิงตู้ฉิงพูดจบ คนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นขวางทางและชายหนุ่มซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่มก็พูดกับถังชี่หยุนว่า “ข้าจางจิงหง มาขอคำชี้แนะจากท่าน!”

ถังชี้หยุนยิ้มและตอบกลับทันที “ข้ากำลังรอท่านอยู่พอดีปราชญ์จาง! ทั้งชีวิตของข้าอุทิศให้กับเขียนหนังสือความเที่ยงธรรมที่น่าหวั่นเกรงเล่มนี้ ในเมื่อท่านอยากจะขอคำชี้แนะจากข้า ดังนั้นข้าจะอ่านมันให้ท่านฟังก็แล้วกัน! ความเที่ยงธรรมบนโลกนี้…”

แต่หลังจากที่ถังชี่หยุนอ่านหนังสือของนางไปได้สักพัก ชายหนุ่มก็ตวาดแทรกขึ้นว่า “ท่านอ่านหนังสือบ้าบออะไรของท่านให้ข้าฟังกัน ข้าอยากจะได้ยินแนวคิดคำสอนไม่ใช่…!”

ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบประโยค หลิงตู้ฉิงก็สั่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันผู้หนึ่งแทรกขึ้นทันที “ไปตบปากเขาสามที และสั่งให้เขาอ่านหนังสือเพิ่มความรู้ในสมองให้มากกว่านี้!”

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากกับคำสั่งของหลิงตู้ฉิง เพราะชายหนุ่มคนที่เขาต้องไปตบสั่งสอนนั้นเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำ ซึ่งการทำเช่นนี้มันไม่ต่างอะไรกับให้เขาไปรังแกเด็ก!

แต่เมื่อเขาคิดถึงคำพูดของหลิงตู้ฉิงที่ห้ามไม่ให้ทุกคนขัดคำสั่ง เขาก็จำใจพุ่งไปตบปากชายหนุ่มผู้นั้นสามครั้งและตะคอกใส่ว่า “ไปหาหนังสืออ่านเพิ่มซะ ความรู้ที่เจ้ามีในตอนนี้มันไม่เพียงพอจะเข้าใจเนื้อหาในหนังสือของปราชญ์ถังหรอก!”

เมื่อพูดจบเขาก็โยนร่างของชายหนุ่มออกลอยละลิ่วไปตกอยู่ท่ามกลางหนังสือที่ลอยอยู่ในทะเลแห่งความรู้ ซึ่งหลังจากที่ชายหนุ่มลุกขึ้นมา เขาก็นั่งขัดสมาธิหยิบหนังสือที่อยู่รายล้อมขึ้นมาอ่านอย่างน่าแปลกประหลาด

ชายชราซึ่งเป็นผู้ติดตามของจางจิงหง เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็ขมวดคิ้วทันทีและตะโกนว่า “พวกเจ้าเป็นคนป่ารึไงทำไมถึงได้ทำอะไรที่มันหยาบคายแบบนี้?”

หลิงตู้ฉิงกวักมือเรียกผู้เชี่ยวชาญนะดับสวรรค์สามัญที่อยู่ใกล้ ๆ เขาให้เดินเข้ามาหาและพูดว่า “เจ้าจงเดินไปหาตาแก่นั่นและถามไปว่าย้อนหลังไป 18 รุ่นบรรพบุรุษ บรรพบุรุษของมันเหล่านั้นไม่ใช่คนป่ารึไง? และถ้าหากใช่ ทำไมมันถึงต้องดูถูกคนป่าด้วย? ในเมื่อตัวมันเองยังดูถูกบรรพบุรุษของตัวเองได้ขนาดนี้มันจะมีคุณสมบัติพอที่จะไปสั่งสอนบุตรหลานของตัวเองได้ยังไง เมื่อพูดเสร็จเจ้าอย่าลืมเตะก้นสั่งสอนมันสักทีและไล่ให้มันกลับไปสำนึก”

ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญแสดงสีหน้าลังเลทันทีเมื่อได้ยินคำสั่ง เพราะชายชราผู้นั้นอย่างน้อย ๆ ก็น่าจะมีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าเขาพอสมควร ซึ่งถ้าหากเขาจู่ ๆ ก็ไปพูดแบบนี้แถมยังต้องไปเตะอีก เขาจะไม่ถูกฆ่ารึไง?

แต่เมื่อเขานึกถึงความโหดเหี้ยมและความเด็ดขาดของหลิงตู้ฉิง เขาก็จำใจเดินไปหาชายชราพร้อมกับเตรียมใจที่จะสละชีวิตตัวเองให้กับปราชญ์ถังของเขา

เขาเดินเชิดหน้าไปหาชายชราด้วยสีหน้าภาคภูมิและกล่าวเสียงดังว่า “เจ้าดูถูกที่พวกข้าเป็นคนป่า งั้นให้ข้าถามย้อนเจ้าหน่อยบรรพบุรุษคนแรกของเจ้าไม่ใช่คนป่าเหรอไง?”