ตอนที่ 923 เหลียนซวงเผชิญกับความอับอาย

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ภายในหอสมบัติของนิกายหมื่นบุปผา เหมียวเจินเจินและคนอื่น ๆ เลือกชมสิ่งของที่สนใจด้วยความตื่นเต้นในขณะที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเพียงเดินชมอย่างเงียบ ๆ

เฉียนจ้วงและเถียนเล่ยใช้หลายร้อยแต้มเพื่อแลกอาวุธระดับสูง ส่วนเหมียวเจินเจินและจางซือถงแลกสิ่งของที่เป็นประโยชน์สำหรับการฝึกวิชาของตน รวมถึงทักษะยุทธ์และโอสถระดับสูง

อวิ๋นซื่อเทียนเดินชมไปรอบ ๆ พักใหญ่และตัดสินใจแลกแร่คุณภาพสูงจำนวนหนึ่งซึ่งสามารถเสริมพลังของระเบิดพลังมายาก่อนเดินไปรวมตัวกับฉินอวี้โม่

ในเวลานี้ บนชั้นที่สองของหอสมบัติ เหลียนซวงกำลังเดินนำศิษย์กลุ่มหนึ่งเลือกชมสิ่งของต่าง ๆ เช่นกัน เมื่อหันไปเห็นฉินอวี้โม่และสหายอยู่ไม่ไกล นางก็ชะงักไปเล็กน้อย

นางมาที่หอสมบัติตั้งแต่ช่วงเช้าจึงไม่ทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอก แน่นอนว่านางไม่ทราบถึงเรื่องที่ฉินอวี้โม่ทำภารกิจสำเร็จและกลับมาแล้ว

“หึ นั่นศิษย์น้องฉินอวี้โม่มิใช่รึ ? อะไรกัน…ทำภารกิจไม่ทำสำเร็จจึงต้องจำใจออกมาจากดินแดนต้องห้ามอย่างนั้นรึ ?”

ฉินอวี้โม่ผู้นี้เคยเอาชนะนางและได้รับแต้มครึ่งหนึ่งของนางไปส่งผลให้เหลียนซวงโกรธแค้นอย่างที่สุด เมื่อได้ยินข่าวว่าฉินอวี้โม่ตอบรับ ‘ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้’ จากหอผู้อาวุโส เหลียนซวงก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งและหวังว่าอริผู้นี้จะตายอยู่ในดินแดนต้องห้ามและไม่ได้กลับออกมาอีก นางไม่ทราบเลยว่าการมอบหมายภารกิจนี้ให้กับฉินอวี้โม่คือแผนการที่ฮวาหรงวางไว้

เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่ออกมาแล้ว ความคิดแรกของเหลียนซวงก็คือคนเหล่านี้เผชิญภยันตรายและล้มเหลวในการทำภารกิจ สุดท้ายก็ได้รับความช่วยเหลือจากผู้คุมกฎฝั่งซ้ายและออกมาจากดินแดนต้องห้าม

“ศิษย์พี่เหลียนซวงพูดเรื่องอะไรกันเจ้าคะ ? ภารกิจที่เรียบง่ายเช่นนั้นเป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะทำไม่สำเร็จ ?”

ฉินอวี้โม่ยิ้มกว้างและเพิกเฉยต่อความเป็นปฏิปักษ์ในแววตาของเหลียนซวง

นางและศิษย์พี่ผู้นี้เป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงและเป็นความสัมพันธ์ที่ยากจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพราะเหตุนั้น นางจึงไม่จำเป็นต้องพยายามเสแสร้งใด ๆ และสามารถเยาะเย้ยถากถางได้โดยตรงซึ่งเป็นความรู้สึกที่น่าพึงพอใจยิ่งนัก

“อะไรนะ ?!”

สีหน้าของเหลียนซวงเปลี่ยนไปทันทีและเห็นได้ชัดว่าไม่อยากเชื่อวาจาของฉินอวี้โม่ ภารกิจนั้นได้ชื่อว่าเป็นภารกิจที่ยากเย็นแสนเข็ญ แล้วนางบรรลุความสำเร็จได้อย่างไร ?

“ศิษย์พี่…นางทำภารกิจได้สำเร็จและพบสมบัติที่หายสาบสูญของนิกายหมื่นบุปผาจริง ๆ มันคือไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์”

ศิษย์คนหนึ่งที่ได้ยินข่าวที่เกิดขึ้นกระซิบข้างหูเหลียนซวงเบา ๆ แม้ไม่ชอบหน้าฉินอวี้โม่นัก นางก็ต้องยอมรับว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้มีฝีมือที่น่าทึ่งอย่างที่สุด

“เหอะ ก็แค่โชคช่วย !”

เหลียนซวงไม่ทราบว่าไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งใดและไม่ทราบว่าสมบัติล้ำค่าของนิกายหมื่นบุปผาชิ้นนี้ตกไปเป็นของฉินอวี้โม่แล้ว เพราะเหตุนั้นนางจึงแค่นเสียงเย็นชาและกล่าววาจาดูแคลน

“เป็นจริงอย่างที่ว่า ศิษย์พี่พูดถูก ข้าโชคดีกว่าศิษย์พี่คนอื่น ๆ จริง ๆ”

ฉินอวี้โม่ไม่ปฏิเสธและกล่าวด้วยสีหน้าระรื่นซึ่งทำให้เหลียนซวงโกรธแค้นยิ่งกว่าเดิม

นางอ้าปากเพื่อจะกล่าวบางอย่าง ทว่าเมื่อสังเกตเห็นหานโม่ฉือผู้ซึ่งเดินอยู่ใกล้ฉินอวี้โม่ ความโกรธแค้นบนสีหน้าของนางก็หายวับไปทันที

“นี่คือศิษย์น้องหานโม่ฉือใช่รึไม่ ?”

นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานและแสดงสีหน้ายิ้มแย้ม

ก่อนหน้านี้นางส่งคนไปสืบเรื่องของหานโม่ฉือแล้ว ศิษย์ใหม่ของนิกายผู้นี้ไม่มีภูมิหลังที่ซับซ้อนมากนักทว่าดูโดดเด่นอย่างมากและมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม แม้เป็นเพียงศิษย์ใหม่ ทว่าหานโม่ฉือก็แข็งแกร่งจนกลายเป็นศิษย์อันดับต้น ๆ ในบรรดาศิษย์นอกและกล่าวได้ว่าคู่ควรกับนางเป็นอย่างมาก

เหลียนซวงก็สังเกตเห็นถึงความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ เพียงแต่นางมั่นใจว่าตราบใดที่แสดงความหมายปองต่อหานโม่ฉือ เขาจะทอดทิ้งฉินอวี้โม่และเลือกนางอย่างแน่นอน

เพราะถึงอย่างไรนางก็มั่นใจว่าตนเหนือกว่าฉินอวี้โม่รอบด้านไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ ความแข็งแกร่งหรือสถานะ แม้รูปลักษณ์ของฉินอวี้โม่จะดีกว่านาง เหลียนซวงก็มั่นใจว่าไม่มีบุรุษใดต้านทานเสน่ห์ของนางได้แน่

“ศิษย์น้องหานโม่ฉือ แม้เจ้าจะเป็นเพียงศิษย์นอก ข้าก็รู้สึกถูกชะตากับเจ้ามากทีเดียว ตราบใดที่เจ้าเต็มใจมาเป็นบุรุษของข้า ข้าจะช่วยให้เจ้าได้กลายเป็นศิษย์หลักของนิกายหมื่นบุปผาและช่วยให้เจ้าได้ฝึกวิชาอย่างเต็มที่ อีกไม่นานเจ้าจะกลายเป็นยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ของดินแดนมหาเทพได้อย่างแน่นอน”

เหลียนซวงกล่าวโดยไม่ปิดบังความปรารถนาที่มีต่อหานโม่ฉือและส่งสายตายั่วยวนอย่างชัดเจน

แม้โดยปกติแล้วหอชั้นในของนิกายหมื่นบุปผาไม่รับศิษย์ที่เป็นบุรุษ ทว่าด้วยสถานะของเหลียนซวงในนิกาย การที่นางจะหาทางช่วยให้หานโม่ฉือกลายเป็นศิษย์คนสำคัญของนิกายก็มิใช่ปัญหาใหญ่แม้แต่น้อย ด้วยสถานะศิษย์หลักอันดับหนึ่งของฝั่งขวา ฮวาหรงก็ไม่เคยปฏิเสธความต้องการของนางมาก่อน

หากเป็นบุรุษคนอื่นที่ได้ยินข้อเสนอของเหลียนซวง คนเหล่านั้นอาจคล้อยตามและตอบตกลงอย่างรวดเร็ว น่าเสียดายที่บุรุษตรงหน้านางในตอนนี้คือหานโม่ฉือ

“ขี้เหร่เกินไป !”

เพียงวาจาสั้น ๆ ก็แสดงทัศนคติของหานโม่ฉือได้อย่างชัดเจน

เหลียนซวงคิดไม่ถึงเลยว่าหานโม่ฉือจะตอบกลับเช่นนี้ รอยยิ้มหวานบนใบหน้าของนางชะงักไปทันทีและสีหน้ากลายเป็นบิดเบี้ยว

“ศิษย์น้องหานโม่ฉือกำลังล้อข้าเล่นงั้นรึ ?”

นางมั่นใจในรูปลักษณ์หน้าตาของตนเองเป็นอย่างมาก การที่หานโม่ฉือกล่าวว่าตน ‘ขี้เหร่’ เช่นนี้จึงทำให้นางแทบไม่อยากเชื่อ

“ไม่เลย เขาพูดจริง”

อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉยและคิดว่าหานโม่ฉือกล่าวถูกต้องแล้ว

“เหอะ หากศิษย์น้องหานไม่อยากพูดตรง ๆ เหตุใดจะต้องกล่าวอ้างด้วยเหตุผลที่น่าขันเช่นนี้ ? ต่อให้ข้าจะมิใช่สตรีงามอันดับหนึ่งของดินแดน ทว่าความงามของข้าก็จัดอยู่ในสิบอันดับแรกอย่างแน่นอน การที่เจ้ากล่าวว่าข้าขี้เหร่เช่นนี้ มันช่างตลกสิ้นดี !”

เหลียนซวงแค่นเสียงเย็นชาและกล่าวด้วยวาจาที่เริ่มไม่พอใจ

“หากเทียบกับภรรยาของเขาก็ถือว่าขี้เหร่มากจริง ๆ”

อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวความจริงพร้อมเผยรอยยิ้มบาง ๆ

“ศิษย์น้องหานแต่งงานแล้วงั้นรึ ?”

เหลียนซวงตกตะลึงทันที คนที่นางส่งไปสืบข่าวไม่ทราบเลยว่าหานโม่ฉือแต่งงานมีครอบครัวแล้ว

“จิ๊จิ๊ ข่าวที่ศิษย์พี่เหลียนซวงได้รับมาคงจะไม่ถูกต้องสินะ ศิษย์น้องหานผู้นี้ไม่เพียงแต่แต่งงานแล้วเท่านั้น ทว่ายังเป็นบิดาของบุตรน้อยน่ารักอีกสองคนด้วย”

อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวพลางยักไหล่ นางทราบดีว่าเหลียนซวงไม่มีทางสืบหาข่าวเรื่องนี้ได้เนื่องจากหานโม่ฉือได้เตรียมการไว้แล้ว เพราะเหตุนั้นนางจึงจงใจกล่าวเยาะเย้ยอย่างสาแก่ใจ

“ต่อให้เป็นเช่นนั้น แล้วอย่างไรล่ะ ?! ช่างตลกสิ้นดีที่เจ้าพร่ำบอกว่าข้าด้อยกว่าภรรยาของศิษย์น้องหาน ตราบเท่าที่ข้ารู้มา ศิษย์น้องหานมาจากตระกูลทั่วไปเท่านั้น ต่อให้แต่งงานแล้วจริง ภรรยาของเขาจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนกัน !”

สีหน้าของนางในตอนนี้เหยเกอย่างเห็นได้ชัดทว่ายังกล่าวเสียงแข็งออกไป นางมั่นใจว่าภรรยาของหานโม่ฉือคงมิใช่จอมยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมเท่าใดนัก

จากข่าวที่นางสืบทราบก่อนหน้านี้ หานโม่ฉือมาจากตระกูลธรรมดาแห่งหนึ่งเท่านั้น ต่อให้แต่งงานแล้วจริง ภรรยาของเขาก็คงจะไม่ได้ดีพร้อมไปกว่านาง ถึงอย่างไรนางก็รู้จักสตรีที่โดดเด่นทั้งหมดในดินแดน สตรีเหล่านั้นส่วนใหญ่ยังไม่แต่งงานและไม่มีผู้ใดมีสามีนามว่าหานโม่ฉือ

“ศิษย์พี่เหลียนซวงช่างไม่รู้อะไรเสียเลย หากกล่าวตามตรง ภรรยาของพี่หานน่ะ…ท่านก็รู้จักเป็นอย่างดี”

เหมียวเจินเจินวางสิ่งของในมือลงและเสแสร้งแสดงสีหน้าใสซื่อก่อนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

เหลียนซวงตกหลุมรักหานโม่ฉือเข้าอย่างจัง ทว่านั่นมิใช่สิ่งที่นางแปลกใจแม้แต่น้อย ในทั่วทั้งดินแดนมีบุรุษที่โดดเด่นและเพียบพร้อมเช่นหานโม่ฉือเพียงหยิบมือเท่านั้น หากได้พบกับบุรุษเช่นนี้ ไม่ว่าสตรีใดก็ย่อมหลงใหลเป็นธรรมดา

เหลียนซวงวางท่าโอหังมาตลอดและมีเพียงบุรุษอย่างหานโม่ฉือเท่านั้นที่นางจะสนใจจนพยายามยั่วยวนเช่นนี้

น่าเสียดายที่พี่หานของนางมิใช่บุรุษหนุ่มรูปงามธรรมดา ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพี่อวี้โม่ของนางเป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดทำลายได้ วันนี้เหลียนซวงจะต้องเผชิญกับความอับอายอย่างมิอาจหลบหลีก

“ข้ารู้จักเป็นอย่างดีงั้นรึ ?”

เหลียนซวงตกตะลึงไปทันทีและไม่ได้นึกถึงฉินอวี้โม่แม้แต่น้อยขณะพยายามคิดหาว่าภรรยาของหานโม่ฉือคือใคร

“แน่นอนว่ารู้จัก สตรีผู้นั้นเพิ่งจะเอาชนะศิษย์พี่ไปเมื่อไม่นานมานี้และในอนาคตก็จะเอาชนะได้ต่อไป”

จางซือถงกล่าวด้วยความมั่นใจในตัวฉินอวี้โม่อย่างเต็มเปี่ยม