ตอนที่ 2349 อสรพิษสีเลือด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

เมื่อเห็นว่าร่างทั้งร่างนั้นสั่นไหว ชายชราคนนั้นยืนห่างจากเซวี่ยพั่วหลายสิบจั้ง แต่ครู่เดียวก็มาปรากฏที่ตรงหน้าของนาง

เซวี่ยพั่วตกใจเฮือก ร่างกายของนางทรุดลงไปอย่างรวดเร็ว

หุ่นเชิดผสานอินทรีย์ที่อยู่ด้านข้างก็เคลื่อนไหวทันที ตัวหนึ่งง้างธนูขึ้น พร้อมมีเสียงดังตู้ม ลูกธนูสีทองจำนวนมากก็ถูกยิงออกไป

หุ่นเชิดอีกตัวก็ยกหอกยาวในมือขึ้น ไอเย็นสว่างขึ้น ทางหัวของหอกด้ามนั้นมีดอกไม้ขนาดใหญ่สีฟ้าปรากฏขึ้นมาหนึ่งดอก แต่หอกด้ามนั้นก็พุ่งตรงไปที่ชายชรา

หอกบุปผานี้มันดูใสกว่าปกติ แต่ทันทีที่พุ่งออกไปออร่าปราณเย็นก็แผ่ออกมาทันที เมื่อชายชราผู้นั้นเปิดช่องว่าง ราวกับว่าจะแช่แข็งของทุกอย่างลงทันที

อีกทั้งในตอนนั้นแสงสีทองก็เปล่งประกายออกไปทั่วทุกสารทิศ

จากการร่วมมือของหุ่นเชิดสองตัว เกือบจะสมบูรณ์แบบมาก

ผู้อาวุโสหัวเราะเสียงเย็น บนร่างกายของเขาปรากฏประจุสายฟ้าสีชาดจึงทำให้ไอเย็นที่อยู่ใกล้เคียงนั้นหายไปหมด เมื่อเห็นแสงสีทองที่แข็งแกร่งพุ่งเข้ามา แต่ก็โดนประจุสายฟ้าจัดการออกไปได้อย่างง่ายดาย

ชายชราคว้าดอกไม้ยักษ์ด้วยมือเพียงข้างเดียว

“ตู้ม” ดอกไม้ยักษ์หายไปทันที ชายชราผู้นั้นจับปลายหอกด้วยนิ้วทั้งห้าอย่างง่ายดาย

แขนทั้งสองข้างของหุ่นเชิดสั่นกึกๆ เขาต้องการดึงหอกกลับมาจากฝ่ายตรงข้าม แต่ว่ามันไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว

ดวงตาของหุ่นเชิดมือธนูก็เปล่งประกายขึ้น ปราณที่น่าตกใจแผ่ออกมาจากตัวของหุ่นเชิดเหล่านั้น หลังจากคันธนูส่องแสงสว่างขึ้น รุ้งสีทองก็พุ่งออกไปพร้อมเสียงแหวกอากาศ และพุ่งโจมตีไปที่ชายชราคนนั้น

ชายชราผู้นั้นหัวเราะเสียงดังฮ่าๆ เขาอ้าปากพร้อมพ่นเพลิงสีชาดออกไปทางรุ้งสีทอง จากนั้นมันขยายตัวขึ้น จนมีขนาดเท่ากับโอ่งน้ำ

“ตู้ม” หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้นทันทีที่พลังทั้งสองพลังปะทะกัน

หลังจากที่สายฟ้าสีชาดขยายตัว มันก็เข้าไปกลืนกินแสงสีทอง และกระแทกหุ่นเชิดมือธนูอย่างแม่นยำจนมันกลายเป็นเถ้าถ่าน

ส่วนหุ่นเชิดถือหอกนั้นถูกฝ่ามือสีชาดตบจนกลายเป็นกองขยะอยู่ด้านข้าง

หลังจากที่ชายชราแกว่งตัวไปมา เขาก็ปรากฏตัวอยุ่ใกล้ๆ กับเซวี่ยพั่ว และง้างมือไปทางหญิงสาวอย่างไม่เกรงใจ พร้อมพูดว่า

“แม่นางน้อย เจ้าเอากุญแจกับของวิเศษออกมาได้แล้ว ข้าจะให้ได้เจ้าตายอย่างมีความสุข ไม่เช่นนั้น หึๆ…”

ชายชราผู้น้อยพูดไปด้วยพร้อมแสดงสีหน้าที่ดุร้ายออกมาด้วย

“ผู้อาวุโสเข้ามาถึงที่นี่ได้ แสดงว่าต้องมีกุญแจของพระราชวังเทียนติ่ง แล้วเหตุใดต้องโลภอยากได้สิ่งที่ผู้น้อยมีด้วยเล่า” ใบหน้าของเซวี่ยพั่วซีดขาว นางพูดพร้อมถอยหลังช้าๆ

“หึ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ พระราชวังเทียนติ่งมีสถานที่พิเศษ ที่ต้องมีกุญแจเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้ ข้าต้องการกุญแจเลียนแบบชิ้นนั้น และยังจำเป็นต้องหากุญแจดอกอื่นเพื่อใช้เป็นกุญแจสำรอง ในเมื่อเจ้าไม่มอบมาให้ดีๆ ก็อย่าโทษว่าข้าโหดเหี้ยมเกินไปก็แล้วกัน” เมื่อชายชราเห็นว่าเซวี่ยพั่วยังไม่ยอมให้ความร่วมมือ จึงหัวเราะขึ้นจมูก พลิกฝ่ามือขึ้น นิ้วทั้งห้าจะจับกุมนางโดยตรง

ดูเหมือนฝ่ามือธรรมดา แต่เซวี่ยพั่วกลับรู้สึกว่าด้านหน้านั่นคือกรงเล็บมังกรที่จะเข้ามาจับกุมนาง ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวและตกใจอย่างมาก

เมื่อเห็นว่ากรงเล็บของชายชรานั้นเอียงเล็กน้อย และในตอนที่เขาจะเข้ามาจับที่หัวไหล่ของนาง เหนือศรีษะของนางก็มีระลอกคลื่นเกิดขึ้น แสงสว่างสายหนึ่งปรากฏขึ้น และมีสายฟ้าสายหนึ่งพุ่งตรงชายชราคนนั้น

การโจมตีนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แม้ว่าชายชราผู้นี้จะเป็นมหาเมธีมาหลายปีแล้ว แต่ก็เกือบจะหลบไม่ทัน เขาจึงตกใจอย่างมาก

“ตู้ม” เสียงระเบิดดังขึ้น หลังจากชายชราลงมือกับแสงคริสตัลนั้นและโดนแสงนั้นกวาดออกไป แต่ว่าหลังจากที่ร่างของชายชราผู้นั้นเลือนรางไปแล้ว เขาก็ปรากฏอีกครั้งที่กลางอากาศที่อยู่ห่างจากจุดเดิมสิบกว่าจั้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาจ้องไปที่เซวี่ยพั่วแล้วตะโกนว่า

“สหายท่านใดที่ยังอยู่ที่นี่ แล้วยังกล้าใช้วิธีลอบโจมตีเช่นนี้อีก”

ในตอนที่ชายชราผู้นั้นพูดอยู่ หมอกสีเลือดก็ลอยออกมาจากแขนข้างที่หักของเขา สายเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังวิ่งไปวิ่งมา แขนข้างนั้นของเขากำลังสร้างขึ้นมาใหม่

วิธีสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่เช่นนี้ ต้องเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเคล็ดวิชาสายเลือดของแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดแน่นอน เขาถึงสามารถสร้างได้ง่ายดายเช่นนี้

แต่หลังจากที่ชายชราเอ่ยถามเช่นนั้น รอบข้างของเขาก็เงียบกริบ ไม่มีใครปรากฏตัวขึ้นมา มีเพียงเซวี่ยพั่วที่ค่อยๆ สงบสติอารมณ์ได้ ฝีเท้าที่เดินถอยหลังก็ช้าลงไปด้วย

เมื่อชายชราเห็นดังนั้น ใบหน้าของเขาจึงเต็มไปด้วยความมืดครึ้ม เขามองไปที่เซวี่ยพั่วด้วยสายตาชั่วร้าย หลังจากที่สร้างแขนใหม่ได้แล้ว เขาก็โจมตีไปที่เซวี่ยพั่วอย่างรวดเร็ว

เสียงระเบิดดังขึ้น

แสงสีชาดเล็กๆ ก็พุ่งขึ้นมาจากปลายนิ้ว หลังจากนั้นเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

วินาทีถัดมา พื้นที่ห่างจากเซวี่ยพั่วไม่ไกล ก็มีเสียงระเบิดเกิดขึ้น ควันสีชาดรวมตัวกลางอากาศ จากนั้นก็ควบรวมเป็นรูปกระสวยทอผ้าเล็กๆ พุ่งเข้าไปที่หน้าอกของเซวี่ยพั่วทันที

เรื่องเกิดขึ้นเร็วมาก ราวกับแค่ชั่วอึดใจเดียว

และด้วยระดับการฝึกของเซวี่ยพั่ว แม้ว่านางอยากจะเสียสละของวิเศษเพื่อป้องกันตัวและหลบหนีไป มันก็ไม่ทันเสียแล้ว

นางเงียบเสียงไป ใบหน้าซีดเซียว

ในตอนนั้นเอง ด้านหน้าของหญิงสาวผู้นั้นก็มีแสงสว่างขึ้น มีเด็กร่างเล็กขนาดหนึ่งชุน ปรากฏตัวขึ้น เขาสะบัดมือเพียงเล็กน้อย กระสวยทอผ้าสีชาดก็บินหายไป

นั่นคือ จิน ราชาแมลงกลืนทองคำตัวนั้นนั่นเอง

เมื่อชายชราเห็นดังนั้น รูม่านตาของเขาก็หดตัวขึ้น ขณะเดียวกันใบหน้าของเขาก็ยังมีความสงสัยอยู่

“เจ้าคือผู้ใดกัน เป็นอะไรกับผู้หญิงคนนี้?” ชายชรามองไปมองมา จากนั้นก็ตัดสินใจถาม

เจ้าเด็กจินเซ่อก็มองชายชราผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าว่างเปล่า เขาไม่มีความคิดที่จะตอบคำถามของชายชราผู้นั้นเลย แต่มือเล็กๆ ข้างหนึ่งของเขาคว้าความว่างเปล่าด้านหน้าเอาไว้ จากนั้นก็มีเสียงระเบิดดังตู้มขึ้นที่บริเวณใกล้เคียง เส้นไหมคริสตัลสีทองปรากฏขึ้น ราวกับว่ามีตาข่ายขนาดใหญ่กำลังปกคลุมตัวของเขาอยู่

เมื่อชายชราเห็นดังนั้น ในใจก็รู้สึกโมโหอย่างมาก

“ในเมื่อสหายมีใจอยากจะสู้ เช่นนั้นชายแก่เช่นนั้นจะสอนให้เจ้ารู้ถึงพลังที่แท้จริงของข้า”

สิ้นเสียง ชายชราก็ร่ายคาถาด้วยมือข้างหนึ่ง ทันใดนั้นประจุสายฟ้าสีชาดจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นมา เมื่อเขาอ้าปากอีกครั้ง แสงสีเงินปรากฏขึ้น เมื่อมันควบรวมตัวกันก็กลายเป็นกระจกโบราณบานหนึ่ง

ทันทีที่กระจกปรากฏขึ้น มันก็ส่องแสงวูบวาบ อักษรรูนสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกมา พร้อมเสียงระเบิดดังลั่น และกลายเป็นสายฟ้าสีเงินหนึ่งกลุ่ม

“ไป”

ชายชราสั่งการเสียงเบา เขาสะบัดแขนเสื้อไปฝั่งตรงข้าม สายฟ้าสีชาดและสีเงินพัวพันกัน จากนั้นก็กลายเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ และพุ่งออกไปฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว

เมื่อเด็กชายร่างสีทองเห็นดังนั้น ก็ยกมือเล็กๆ ข้างหนึ่งแล้วชี้ไปฝั่งตรงข้าม ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

เสียงดังโครมคราม เส้นไหมคริสตัลสีทองกลายเป็นพายุฝน ตกไปที่เมฆฝนก้อนนั้น

เขาจึงได้ยินเสียง “เปาะแปะๆ” ดังขึ้นจากเมฆฝนก้อนนั้น และมีแสงคริสตัลมากมายส่องประกายขึ้น ชั่วพริบตาเดียวเมฆฝนก้อนนั้นก็มีรูมากมายเป็นร้อย ด้วยปราณที่ถดถอย ขนาดมันก็เล็กลงเรื่อยๆ

ชายชราผู้นั้นแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง แม้ว่าการโจมตีนี้จะไม่ใช่การโจมตีท่าไม้ตาย แต่มันเป็นการแสดงวิธีเหนือธรรมชาติ ซึ่งสามารถเชื่อถือได้อย่างแน่นอน

และนั่นกระจกโบราณสีเงินชิ้นนั้นเป็นสมบัติระดับสวรรค์ทมิฬ เมื่อนำมารวมกับวิชาสายฟ้าสีชาดของเขาแล้ว ระดับการโจมตีทำให้คู่ต่อสู้ตกใจมาอย่างมากมาย แต่ตอนนี้มันกลับโดนฝ่ายตรงข้ามทำลายได้อย่างง่ายดาย

เส้นไหมคริสตัลของฝ่ายตรงข้ามนั้นอยู่ระดับไหนกัน คาดไม่ถึงว่าจะแหลมคมเช่นนี้ และไม่กลัวเกรงสายฟ้าของเขาเลยสักนิด

แต่ในตอนที่ชายชราคนนั้นยังตกใจอยู่ เด็กร่างสีทองก็ยกนิ้วทั้งสิบขึ้น พร้อมเสียงระเบิดดังตู้มๆ

ชายชราสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่อยู่รอบตัว จากนั้นก็มีปราณกระบี่ที่มีพลังอัดแน่น พุ่งเข้าหาเขา

สีหน้าของชายผู้นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาสะบัดแขนเสื้อโดยไม่หยุดคิด จากนั้นมีชามไม้สีเขียวชามหนึ่งลอยออกมา มันลอยอยู่เหนือศีรษะหลายรอบ จากนั้นมันก็กลายเป็นม่านแสงสีเขียวปกคลุมตัวของเขา

ในเวลาเดียวกัน ชายชราผู้นั้นก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา ด้านหลังของเขาก็มังกรมีเกล็ดสีชาดขนาดยักษ์ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมา

ทันทีที่มังกรตัวนั้นปรากฏกายขึ้นมา มันก็อ้าปากกางกรงเล็บ พ่นประจุสายห้าสีชาดออกมาอย่างบ้าคลั่ง จนเกิดฟ้าร้องจากทั่วทุกสารทิศ

ครืนๆ เสียงดังสนั่น

เมื่อประจุสายฟ้าสัมผัสกับปราณกระบี่ไร้รูปร่าง มันก็แตกละเอียดเหมือนไม้ผุๆ

ในทางกลับกันเขาไม่รู้ว่าม่านแสงสีเขียวนั้นมีความลึกลับอะไรอยู่ ถึงสามารถกั้นพลังปราณกระบี่ไร้รูปร่างได้

แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ชายชราผู้นั้นก็รู้สึกตกใจอย่างมาก สีหน้าซีดขาว ร่ายคาถาด้วยความรีบร้อน กระบี่ปีศาจสีเลือดด้ามหนึ่งลอยออกมาจากสร้อยข้อมือมิติ

ชายชราผู้นั้นกำกระบี่เล่มนั้นไว้ในมือ พร้อมอ้าปากพ่นแก่นโลหิตบริสุทธ์ออกมา

ทันทีที่แก่นโลหิตบริสุทธ์พ่นออกมา ก็ถูกกระบี่เล่มนั้นดูดเข้าไปจนหมด

จากนั้นกระบี่ปีศาจก็ค่อยๆ เลือนราง บิดเบี้ยว โค้งไปโค้งมา และกลายร่างเป็นอสรพิษสีเลือดไม่ทราบชื่อ

ชายชราผู้นั้นยิ้มเย็นๆ และโยนงูประหลาดตัวนั้นออกมาจากมือ

เขาได้เสียงดัง “ฟ่อ” เท่านั้น หลังจากที่งูประหลาดตัวนั้นถูกโยนออกไป มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

แต่วินาทีถัดมา พื้นที่ใกล้กับเด็กชายร่างสีทองก็มีหมอกสีเลือดปรากฏขึ้น

สายตาของเด็กคนนั้นเย็นชาอย่างมาก ทันใดนั้นลำแสงคริสตัลสองสายก็ปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็พุ่งโจมตีไปที่หมอกสีเลือดอย่างจัง ด้านในของหมอกนั้นว่างเปล่า ราวกับไม่มีอะไรเลยมาตั้งแต่แรก

เด็กร่างสีทองตะลึงไปเล็กน้อย จู่ๆ หมอกเลือดตรงหน้าเขาก็เกิดการควบแน่นขึ้นมา และกลายร่างเป็นอสรพิษสีเลือดตัวนั้น

หลังจากที่อสรพิษสีเลือดเลือนรางไป ไม่รู้ว่ามันกัดเข้าที่หัวไหล่ของเด็กชายคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

ชายชราที่ยืนอยู่ไกลๆ เห็นดังนั้น จึงหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้างคลั่ง

“เด็กน้อย เจ้าตายแน่ อสรพิษตัวนี้คือ อสรพิษสีเลือด เป็นหนึ่งในสิบสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในแดนนภาสีเลือด ต่อให้ร่างกายเจ้าทำมาจากทอง ก็ย่อมละลายเป็นก้อนเลือดเท่านั้น”

“สิบสัตว์ที่มีพิษร้ายแรง? อร่อยหรือไม่?” เด็กคนนั้นเหลือบสายตามองงูแปลกๆ ที่กัดอยู่บนไหล่ของตนเอง ทันใดนั้นก็พูดออกมาอย่างสงสัย

น้ำเสียงสูงกว่าปกติ ทำให้คนที่ฟังรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย

เมื่อชายชราได้ยินดังนั้น เขาก็ตกใจอย่างห้ามไม่ได้ แต่เหตุการณ์ต่อไปทำให้เขาตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีทันที

เด็กคนนั้นขยับไหล่แล้วจับหัวงูตัวนั้นแล้วเอาเข้าปากทันที งูตัวนี้มีขนาดยาวเจ็ดชุน เขาอ้าปากกัดเข้าที่หัวของงู แล้วฉีกเนื้อออกมา