ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 768 คัมภีร์วรยุทธ์มีความแตกต่าง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมื่อเยี่ยนตี๋พูดจบ เขาก็พลิกมือหยิบยันต์หยกชิ้นหนึ่งออกมาส่งให้เยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอรับยันต์หยก หลังจากพินิจอย่างละเอียด ชายหนุ่มก็กล่าวด้วยความสงสัย “เป็นของโบราณ เช่นนั้นหมายความว่า…”

“อืม นี่คือยันต์ที่ท่านอาจารย์ได้มาจากโลกยมทะยาน ไม่ใช่สิ่งที่เขาสร้างขึ้นภายหลัง” เยี่ยนตี๋ทราบว่าสิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอประหลาดใจคืออะไร จึงกล่าวอธิบาย

ยันต์หยกชิ้นนี้ เป็นยันต์หยกที่ใช้เก็บคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต ซึ่งหยวนเจิ้งเฟิงได้มาจากโลกยมทะยานเพราะโชควาสนา โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทิ้งเอาไว้

มันเป็นของดั้งเดิม คัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตที่บันทึกอยู่ด้านในก็อยู่ในลักษณะเดิมเช่นกัน ไม่ได้มีการเพิ่มความเข้าใจส่วนตัวของหยวนเจิ้งเฟิงเข้าไป

ตอนหยวนเจิ้งเฟิงได้มาเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น

เพียงแต่ของสิ่งนี้ถ้าหากให้จอมยุทธ์แต่ละคนมาศึกษา อาจจะทำให้ร่องรอยที่อยู่ด้านในยิ่งมายิ่งตื้น จนกระทั่งหายไป สาเหตุก็เป็นเพราะว่าญาณจริงแท้ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน รูปญาณวรยุทธ์เองก็แตกต่างกัน

ในอีกมุมหนึ่ง สิ่งที่บันทึกอยู่ในยันต์หยกได้ทำให้การศึกษาของแต่ละคนมีข้อจำกัดมากมาย

หยวนเจิ้งเฟิงหากทิ้งคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตไว้ที่เขากว่างเฉิง ย่อมสร้างยันต์หยกเป็นของตัวเอง

เพียงแต่ว่าเพราะสาเหตุนี้ เนื้อหาของคัมภีร์นภาที่อยู่ในยันต์หยกนี้ จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงไม่ผสมการถอดความของหยวนเจิ้งเฟิงเข้าไปได้

แต่ในตอนนี้เขากลับให้เยี่ยนตี๋นำยันต์หยกดั้งเดิมมาให้เยี่ยนจ้าวเกอที่โลกซ้อนโลก

ด้านหนึ่งคือความรักใคร่เอ็นดู อีกด้านหนึ่งคือความคาดหวัง

เยี่ยนจ้าวเกอในใจปรากฏความอบอุ่น เขามองเยี่ยนตี๋ “แล้วท่านเล่า?”

เยี่ยนตี๋ว่า “เหมือนกับเจ้า ใช้ยันต์หยกดั้งเดิมชิ้นนี้ นอกจากนี้แล้ว ยังมีศิษย์พี่สองอีกคน ดังนั้นจำนวนที่ยันต์หยกนี้จะใช้ได้จึงเหลืออยู่น้อยนิดแล้ว ท่านอาจารย์เหลือไว้ให้เจ้าเป็นการเฉพาะ อาจารย์อาเหอกับอาจารย์อาจางต่างใช้ยันต์หยกที่อาจารย์พิมพ์ออกมาเอง”

ชายหนุ่มหัวเราะ “อาจารย์ลุงรองคงไม่เป็นไรแล้ว”

บนใบหน้าของเยี่ยนตี๋ปรากฏรอยยิ้ม “มิผิด ไร้อันตรายแล้ว”

หลังจากรู้ว่าวรยุทธ์ที่หยวนเจิ้งเฟิงได้รับคือคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต เยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบว่าฟางจุ่นปลอดภัยแล้ว

ตอนที่ตนออกจากโลกแปดพิภพมาก่อนหน้านี้ ฟางจุ่นยังไม่ทันฟื้น แต่ว่าก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต

กระนั้นอาการบาดเจ็บของเขาสาหัสฉกรรจ์เกินไป ร้ายแรงยิ่งกว่าบาดแผลเก่าในอดีตของหยวนเจิ้งเฟิงเสียอีก

แม้ว่าจะมีโอสถเซียนกลับสวรรค์อยู่ด้วย แต่จะหายดีได้หรือไม่ ยังไม่อาจคาดเดาได้

แค่กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม พลังฝึกปรือไม่ถดถอย ก็ถือว่าโชคดีแล้ว แต่ก็อาจจะถูกตัดเส้นทางพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้า เหมือนเช่นหยวนเจิ้งเฟิงในอดีต

เยี่ยนจ้าวเกอเคยคิดจะไปยังโลกลอยน้ำ เพื่อขอให้ซูอวิ๋นสอนคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตที่เสวี่ยชูฉิงผู้เป็นมารดาถ่ายทอดให้

แต่ว่าสิ่งที่ซูอวิ๋นร่ำเรียน ต่างเป็นเนื้อหาคัมภีร์นภาส่วนหนึ่งที่เสวี่ยชูฉิงหยิบหยกมาในตอนที่พวกนางยังอยู่ด้วยกัน จึงไม่ได้สมบูรณ์

สถานการณ์ของเสี่ยวอ้ายก็คล้ายๆ กัน

แม้ประสิทธิผลของมันจะทำให้ซูอวิ๋นและเสี่ยวอ้ายมีความสำเร็จ แต่ก็ไม่เหมาะกับสถานการณ์ของฟางจุ่น เยี่ยนจ้าวเกอจึงได้แต่ตัดใจ

ตอนนี้ในเมื่อหยวนเจิ้งเฟิงได้รับคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตฉบับสมบูรณณ์มา เช่นนั้นปัญหาทั้งหมดย่อมได้รับการจัดการอย่างง่ายดาย เยี่ยนจ้าวเกอหายกังวลใจไปอีกเรื่อง

เยี่ยนจ้าวเกอถ่ายญาณจริงแท้ของตัวเองเข้าไป ยันต์หยกพลันเปล่งแสงรุ่งโรจน์

จากนั้น ลวดลายอาคมลี้ลับหลายสายก็โผล่ขึ้นในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอ บรรยายถึงจิตจริงแท้อันมหัศจรรย์ของการสร้างสรรค์ เปลี่ยนแปลงและการก่อกำเนิด

“เอ๋?” เยี่ยนจ้าวเกอบัดนี้สีหน้าไม่สั่นไหว ใจกลับร้องอุทานขึ้นอีกครั้ง ‘เหตุใดถึงรู้สึกว่าคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตนี้ เหมือนวิชาต้นกำเนิดดั้งเดิมกัน?’

สิ่งที่เรียกว่าวิชาต้นกำเนิดดั้งเดิม เป็นบันทึกการสอนสั่งของเทวกษัตริย์บรรพกำเนิด บรมครูสายหยกพิสุทธิ์

ถึงแม้จะมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน แต่เนื้อหาคัมภีร์นภาเช่นนี้ ไม่ได้มีการถอดความของคนรุ่นหลังผสมอยู่ ใกล้เคียงกับคำบรรยายของเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดต่อมหามรรคามากที่สุด

วิธีฝึกฝนและศึกษา ขึ้นอยู่กับคนรุ่นหลัง ผลลัพธ์ที่ได้ใช่ว่าจะดีกว่าคนอื่น

แต่ว่าเนื้อหาคัมภีร์นภาเช่นนี้ บริสุทธิ์ที่สุดและมาจากแหล่งกำเนิดเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย

คัมภีร์นภาแรกเริ่มสองสามม้วนที่เยี่ยนจ้าวเกอครอบครองอยู่ ยากจะพิสูจน์ถึงความเป็นมาเช่นนี้เหมือนกัน

ส่วนคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตที่เสวี่ยชูฉิงฝึกฝน รวมถึงคัมภีร์นภากาลเวลาที่พวกคังผิงฝึกปรือ ต่างเป็นสิ่งที่ได้มาจากการศึกษาอย่างต่อเนื่องของผู้อาวุโสคนอื่น

สิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝนคือคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต อันเป็นอันดับหนึ่งในคัมภีร์นภาแรกเริ่มสิบม้วน เขาไม่มีทางมองผิดเป็นอันขาด

สำหรับเขาแล้ว ย่อมชื่นชอบคัมภีร์วรยุทธ์เช่นนี้ยิ่งกว่า

แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้กลับโอดครวญอยู่บ้าง ‘คนที่ทิ้งวรยุทธ์ในยันต์หยกนี้ไว้ เป็นคนที่ได้ยินคำสอนของเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดมาด้วยตัวเองเชียวนะ…’

ความรู้สึกแปลกประหลาดในตอนที่ได้ยินว่าหยวนเจิ้งเฟิงได้คัมภีร์นภาแรกเริ่มและบทสวดอัสนีทันใจ ปรากฏขึ้นในใจของเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง

ครั้งนี้ เขารู้สึกว่าความคิดของตัวเองชัดเจนกว่าเดิม เมฆหมอกเบื้องหน้าจางลงไปเล็กน้อย

เพียงแต่ว่า ความสงสัยในใจกลับเพิ่มมากขึ้น

ขณะครุ่นคิดอยู่นั้น เสี่ยวอ้ายก็เดินเข้ามาดึงแขนเสื้อของเยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอหันไป ได้ยินเสี่ยวอ้ายซุบซิบ น้ำเสียงรัวเร็ว “คุณชายๆ นายท่านองอาจยิ่ง เป็นคนละแบบกับท่าน แต่สุดยอดมาก!”

ขณะมองนางเบิกตากว้าง เยี่ยนจ้าวเกออดยิ้มขึ้นไม่ได้ “เจ้าไม่ใช่ว่าเคยเห็นภาพเงาแสงของบิดาข้าแล้วหรอกหรือ?”

เสี่ยวอ้ายพูดอย่างเต็มไปด้วยเหตุผล “ภาพเงาแสงไหนเลยจะเทียบกับคนตัวเป็นๆ ได้? จะแสดงถึงความสง่าของนายท่านได้อย่างไร?”

จู่ๆ นางก็หมดอาลัยตายอยากอีกรอบ “น่าเสียดายที่ไม่ได้ครองโสดเหมือนคุณชายท่าน ได้แต่จัดอยู่ในชั้นหนึ่ง ไม่อาจเลื่อนเป็นชั้นสูง”

เยี่ยนจ้าวเกอทั้งขุ่นเคืองทั้งขบขัน “ดังนั้นข้าถึงได้บอกว่ามาตรฐานการตัดสินของเจ้าไม่สมเหตุสมผล”

“อีกอย่าง บิดาข้ายังเป็นหญ้ามีเจ้าของ ก็ท่านแม่ของข้าอย่างไรเล่า”

เสี่ยวอ้ายกะพริบตาปริบๆ “มิน่านายหญิงจึงเอาแต่คิดถึงนายท่าน วันนี้เสี่ยวอ้ายเข้าใจแล้ว”

“นายหญิงย่อมดีเลิศ แต่เสี่ยวอ้ายว่า ถ้านายท่านไม่มีคู่ครองจะสมบูรณ์แบบทีเดียว”

อาหู่หลังจากฝังเสวียนมู่อ๋องเสร็จ เขากลับมาได้ยินคำพูดนี้พอดี ย่อมอดเบิกตาโพลงไม่ได้ “เช่นนั้นก็ไม่มีคุณชายไม่ใช่หรือ?”

เฟิงอวิ๋นเซิงได้ยินก็หลุดหัวเราะออกมา

เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตาขาว

เสี่ยวอ้ายอ้าปากตาค้าง มองเยี่ยนตี๋ จากนั้นก็มองเยี่ยนจ้าวเกอ ใบหน้าขมวดกลายเป็นก้อน ลำบากใจถึงขีดสุด

เยี่ยนตี๋ส่ายหน้าอดหัวเราะไม่ได้ โบกมือให้เสี่ยวอ้าย “สะดวกเล่าเรื่องตอนเจ้าอยู่กับชูฉิงให้ข้าฟังหรือไม่?”

“นายท่านถามได้เต็มที่” เสี่ยวอ้ายรีบตอบ

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านพ่อ เรื่องราวไม่อาจช้า ตอนนี้ข้าจะไปที่ดินแดนสุทธทัศน์แล้ว”

ผู้เป็นบิดาพยักหน้า “ระวังตัวไว้ด้วย”

เสี่ยวอ้ายอยู่เล่าเรื่องให้เยี่ยนตี๋ฟัง ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปในวังฝูงมังกรพร้อมอาหู่กับเฟิงอวิ๋นเซิง

ญาณจริงแท้ของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกซัดสาด สะท้อนเป็นเงาแสงคุนเผิง ม้วนพัดวังฝูงมังกร กระพือปีกบินสูง ออกห่างไปไกลในชั่วพริบตา

ข้ามดินแดนจิตคุณธรรมไปเป็นดินแดนภูผาสงัด ที่นี่มีอาณาเขตที่สำนักแสงสว่างเคยบุกเบิกและยึดครองไว้

แต่ว่าอีกครึ่งหนึ่งเชื่อมติดกับดินแดนสุทธทัศน์ ในตอนที่พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดค่อนข้างรุนแรง หรืออยู่ในระดับสูงสุด หากเข้าใกล้อาณาเขตของดินแดนภูผาสงัดส่วนที่ติดกับดินแดนสุทธทัศน์ จะถูกพายุพัดใส่

ตอนนี้แม้ว่าคลื่นลมจะค่อนข้างสงบ แต่ว่าท้องฟ้าไกลออกไปเป็นสีดำสนิท

เยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าต่อเรื่อยๆ จนดินแดนสุทธทัศน์อยู่ในสายตา พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดที่น่ากลัวปรากฏขึ้นด้านหน้าอีกครั้ง