ทันทีที่หวังเป่าเล่อเอ่ยขึ้น ผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดเหล่านั้นต่างมีสีหน้าแปลกประหลาด โดยเฉพาะเหล่ากึ่งบุตรแห่งความมืดที่ลงมือก่อนหน้ายิ่งเบิกตากว้าง และมองหวังเป่าเล่อราวกับกำลังสับสน
แท้จริงแล้ว…หวังเป่าเล่อในตอนนี้ให้ความรู้สึกต่างจากหวังเป่าเล่อคนก่อนมาก ก่อนหน้านี้เขาทั้งเย็นชา ทั้งหยิ่งผยอง ทั้งเงียบขรึม ทั่วทั้งแผ่ความรู้สึกเข้ากันไม่ได้
แต่ตอนนี้…ทันทีที่เอ่ยออกไป ท่าทางของเขาดูอึดอัด และกลายเป็นบางอย่างที่…อธิบายไม่ถูก
ราวกับภาพวาดเปลี่ยนรูปแบบกะทันหันจนทำให้ผู้คนไม่ทันตั้งตัวและยังก่อให้เกิดความรู้สึกไม่เข้ากัน ราวกับภาพวาดที่ดูจริงจังและล้าสมัยพลันเกิดบางสิ่งที่อธิบายไม่ได้ขึ้น…
นี่ยังเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่ทำให้ผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดสนใจยิ่งกว่าคือทันทีที่พลังแห่งเต๋าสวรรค์จุติ มันก็หายไปทันที… พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังแห่งเต๋าสวรรค์ตกใส่ร่างหวังเป่าเล่อแล้วจริงๆ แต่ในพริบตามันก็ดูเหมือนถูกดูดซับจนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ภาพนี้เมื่อคิดไตร่ตรองดูแล้วก็เป็นจุดสำคัญที่ทำให้จิตใจทุกคนตกตะลึง
หวังเป่าเล่อเองก็อึดอัด เขาอึดอัดมาก
ก่อนหน้านี้ เพราะหมกมุ่นอยู่กับอารมณ์จนลืมฝักกระบี่เจ้าชะตาในร่าง หากไม่ระวังมันจะดูดกลืนพลังแห่งเต๋าสวรรค์ของศิษย์พี่ไปส่วนหนึ่งจนตัวเขาตรงนี้ไม่อาจขยายความลึกของรอยมือในแม่น้ำได้ ดังนั้นถึงแม้ในใจจะยังมีอารมณ์ก่อนหน้านั้นอยู่ แต่เขาก็จำต้องกัดฟันเอ่ยขอกับศิษย์พี่
ส่วนศิษย์พี่เฉินชิงจื่อของหวังเป่าเล่อในตอนนี้ก็กำลังนิ่งเงียบ แม้สายตาที่มองหวังเป่าเล่อจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ลึกๆ กลับเกิดความรู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นไม่นานเขาก็ยกมือขวาขึ้นชี้ไปที่หวังเป่าเล่ออีกครั้ง
หวังเป่าเล่อระเบิดฐานการฝึกฝนสยบฝักกระบี่เจ้าชะตาในร่างกายทันที และยังคำรามข่มขู่อยู่ในใจ
“อย่าดูดไปอีกล่ะ ข้าขอเตือนเจ้า!”
บางทีคำขู่ของหวังเป่าเล่ออาจได้ผลหรือบางทีอาจเพราะฐานการฝึกฝนของเขาสยบไว้ ครั้งนี้เมื่อพลังแห่งเต๋าสวรรค์จุติ ฝักกระบี่เจ้าชะตาในร่างหวังเป่าเล่อก็ไม่ดูดซับอีก ดังนั้นพลังแห่งเต๋าสวรรค์จึงเติมเต็มร่างหวังเป่าเล่อในพริบตาราวกับเติมเชื้อเพลิงให้กับเปลวไฟสีดำ ทำให้เปลวไฟสีดำของเขาระเบิดออก
เปลวไฟสีดำลุกโชนถึงขีดสุดแล้วแผ่ขยายออกจากร่างของเขา กะพริบตาครั้งหนึ่งก็ใหญ่กว่าร้อยจั้ง กะพริบตาอีกครั้งก็กลายเป็นหนึ่งพันจั้ง และขยายเป็นหนึ่งหมื่นจั้ง
การระเบิดของเปลวไฟสีดำพลอยทำให้ผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดรอบด้านหน้าเปลี่ยนสีและถอยร่นไป ไม่ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะต่อต้านหวังเป่าเล่ออย่างไร ทว่าหลังจากได้เห็นเปลวไฟสีดำหมื่นจั้งนี้ก็ต่างกู่ร้องอยู่ในใจ
แม้แต่กึ่งบุตรแห่งความมืดเหล่านั้นก็เช่นกัน สตรีผู้เก็บซ่อนพลังที่แท้จริงไว้ก็ยังดวงตาหดแคบ แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ของเหล่ากึ่งบุตรแห่งความมืดก็ยังเปล่งแสงแรงกล้าอยู่ในดวงตา
ขณะที่จิตใจทุกคนปั่นป่วน ตอนนี้หวังเป่าเล่อในสายตาพวกเขาถูกล้อมรอบด้วยเปลวไฟ ตัวเขาอยู่ในเปลวไฟสีดำที่โหมกระหน่ำราวกับเซียนแห่งความมืดได้จุติขึ้น แรงกดดันแผ่ซ่านไปทั่วทุกสารทิศ อานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดินจนแม่น้ำแห่งความมืดด้านล่างถูกดึงดูด และพลิกม้วนโดยมีรอยมือเป็นศูนย์กลาง
ยิ่งกว่านั้นวิญญาณในแม่น้ำแห่งความมืดก็ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งท่ามกลางกระแสน้ำที่พัดโหม แต่ละดวงวิญญาณแผดเสียงคำรามอย่างเงียบงันใส่หวังเป่าเล่อ แต่ความตื่นตระหนกบนสีหน้าพวกมันก็ได้แสดงให้เห็นถึงความกลัวในใจ
ราวกับแรงกดดันจากร่างของหวังเป่าเล่อเพียงคนเดียวที่ปลดปล่อยออกมาสยบได้ทั้งแม่น้ำ!
อาจจะฟังดูเกินจริงและเป็นไปไม่ได้ แต่ในความรู้สึกของทุกคนในขณะนี้ดูเหมือน…มันกำลังเกิดขึ้นจริงๆ!
“เป็นไปไม่ได้!”
“ต่อให้เขาเป็นบุตรแห่งความมืด แต่เปลวไฟสีดำจะถูกเสริมพลังจนแข็งแกร่งถึงระดับนี้ได้อย่างไร!”
“เห็นได้ชัดว่าฐานการฝึกฝนของเขาไม่สามารถทำได้ถึงระดับนี้ เป็นไปได้ไหมว่า…บนร่างของคนผู้นี้จะมีมหาโชคชะตาของสำนักแห่งความมืดจึงให้ผลลัพธ์ยิ่งใหญ่!”
ในความตกตะลึงและความโกลาหลของผู้คนในสำนักแห่งความมืด หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงจุดที่ต่างออกไปเช่นกัน พลังแห่งเต๋าสวรรค์เปรียบดั่งเชื้อเพลิงและเปรียบดั่งพลังเสริม ขณะที่ปลดปล่อยออกมาอย่างไร้ขอบเขต เขาก็สัมผัสได้ถึง…เสียงเพรียกเลือนรางดังมาจากในแม่น้ำแห่งความมืด!
เสียงเพรียกนี้มีผลกับจิตวิญญาณของเขา มีผลกับเปลวไฟสีดำของเขา ราวกับก่อตัวเป็นแรงฉุดดึงและปราณกังวาน และนี่…คือเหตุผลที่แท้จริงว่าเหตุใดเปลวไฟสีดำของเขาจึงระเบิดรุนแรงถึงเพียงนี้
ยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก ท่ามกลางความสนใจจากทุกคน หวังเป่าเล่อก้มศีรษะมองแม่น้ำแห่งความมืดที่มีเสียงเพรียกและแรงฉุดดึง ดวงตาเขาเผยแสงประหลาด ก่อนจะยกมือขวาขึ้นกระแทกพื้นที่ใหญ่กว่าหมื่นจั้งลงไปยังรอยมือลึกแปดแสนกว่าจั้งในแม่น้ำด้านล่าง
การกระแทกครั้งนี้ ความว่างเปล่าคำราม นพภูมิแปรปรวน รอยมือขนาดมหึมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา เปลวไฟสีดำนับไม่ถ้วนพลันหลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศและหลั่งไหลออกมาจากร่างของหวังเป่าเล่อ ทั้งหมดบรรจบกับที่รอยมือนี้ ทุกอย่างฟังดูยาวนาน ทว่าในความเป็นจริงรวดเร็วราวกับอสนีบาต และในพริบตา…ภายในรอยมือที่ปรากฏในสายตาหวังเป่าเล่อและทุกคนที่ขยายขอบเขตถึงเกือบหมื่นจั้งก็เต็มไปด้วย…เปลวไฟสีดำเข้มข้นราวกับสามารถเผาผลาญวิญญาณทั้งหมดได้
“ตก!” หวังเป่าเล่อคำรามเสียงต่ำ ทันใดนั้นรอยมือเปลวไฟสีดำก็แผดเสียงคำรามและพุ่งสู่แม่น้ำแห่งความมืด ทับซ้อนกับรอยมือบนแม่น้ำและกระแทกลงไปอย่างแรง!
ความลึกแปดแสนกว่าจั้ง ทันทีที่สัมผัสก้นบึ้งเสียงคำรามก็แผ่ไปทั่วแม่น้ำแห่งความมืด วิญญาณนับไม่ถ้วนแตกกระจายไปคนละทิศ ความลึกของรอยมือเต๋าสวรรค์ก็ขยายลงไปทันที!
ในพริบตาเดียวก็ถึง 900,000 จั้ง พริบตาต่อมาก็ถึง 950,000 จั้ง และเมื่อกะพริบตาอีกครั้ง…ก็ถึง 1,000,000 จั้ง!
อานุภาพดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นเพียงการระเบิดขั้นแรก ไม่มีใครรู้ได้ว่าแท้จริงแล้วมันสามารถไปได้ถึงแค่ไหน แต่ขณะเดียวกันกับที่ทะลวง 1,000,000 จั้งได้ พลังจากรอยมือของหวังเป่าเล่อก็ราวกับแข็งแกร่งเกินไปจนไม่มีที่ระบายออก มันกระจายไปรอบบริเวณ ทันใดนั้นรอยมือขนาดหนึ่งหมื่นจั้งก็ผันผวนอย่างรุนแรงและแผ่ขยายออกจากหนึ่งหมื่นจั้งเป็นสามหมื่นจั้ง
ยังไม่สิ้นสุดแค่นั้น มันยังคงขยายออกไปเรื่อยๆ จนถึงสี่หมื่น ห้าหมื่น หกหมื่น…และถึงเจ็ดหมื่นในที่สุด ก่อนจะค่อยๆ สลายไป!
ภาพนี้ทำให้คนของสำนักแห่งความมืดทุกคนในที่แห่งนี้ รวมถึงบุตรแห่งความมืด ศิษย์พี่ใหญ่ผู้สวมหน้ากากคนนั้น และผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งทั้งหลายต่างเกิดคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำภายในจิตใจ สายตาที่มองหวังเป่าเล่อราวกับเห็นผี!
“นี่…นี่มัน…”
“ไม่จริงน่า…”
“เรื่องนี้มันเป็นไปได้อย่างไร!!”
แท้จริงแล้ว…การขยายขอบเขตแนวตั้งนั้นต่างจากแนวนอน อย่างหลังนั้นยากกว่าเพราะทุกๆ สิบจั้งที่ขยายออกคือแนวตั้ง 1,000,000 จั้ง!
ถึงแม้การคำนวณจริงๆ จะไม่สามารถคำนวณได้เช่นนี้ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวของหวังเป่าเล่อที่ถูกเสริมพลังได้ จนกล่าวได้ว่าโชคชะตาบนร่างของเขาสามารถกวาดล้างบุตรแห่งความมืดทุกคนได้และยังเหลือพลังอีกมาก
แม้แต่เฉินชิงจื่อก็ยังมีแววตาล้ำลึก เขามองหวังเป่าเล่ออย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ในขณะเดียวกันเมื่อพลังของรอยมือเปลวไฟสีดำของหวังเป่าเล่อระบายไปจนหมดสิ้น แม่น้ำแห่งความมืดค่อยๆ สงบลง ทุกคนในที่แห่งนี้จึงได้เห็น…ในส่วนลึกของทางผ่านขนาดเท่ารอยมือเจ็ดหมื่นจั้ง ที่ปลายสุดนั้น…
บางทีตรงนั้นอาจไม่ใช่จุดต่ำสุดที่แท้จริงของแม่น้ำแห่งความมืด แต่กลับมีภูเขาลูกใหญ่ที่มองไม่เห็นตีนเขาตั้งอยู่ จุดที่ทุกคนเห็นคือยอดของภูเขาลูกนี้ และที่ตรงนั้น..
มีรูปปั้นแกะสลักอยู่ชิ้นหนึ่ง เป็นชายวัยกลางคน เขานั่งอยู่ตรงนั้น ท่าทางเหนื่อยอ่อนมาก กำลังก้มศีรษะมองไปด้านล่าง จึงมองเห็นใบหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจน แต่พลังไอมรณะที่เข้มข้นถึงขีดสุดบนร่างของเขาก็ราวกับจุดที่เขาอยู่ คือหนึ่งในแหล่งทรัพยากรของแม่น้ำแห่งความมืดสายนี้!
ใต้เท้าของเขายังมีวัดอยู่แห่งหนึ่ง คล้ายเป็นวัดธรรมดาทั่วไป
ทว่า สิ่งเดียวที่ไม่ธรรมดาคือวัดแห่งนี้…มืดสนิท!
“คฤหาสน์จักรพรรดิแห่งความมืดในตำนาน!” ผู้ฝึกตนชราคนหนึ่งเอ่ยพึมพำ เสียงนั้นสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
………………………………