ตอนที่ 1431

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“หยุด!” ในขณะที่กลุ่มของหลิงฮันกำลังจะขึ้นตีนเขา พวกเขาก็ถูกหยุดเอาไว้

มีรุ่นเยาว์จำนวนหนึ่งยืนอยู่อย่างองอาจ พวกเขาเป็นเพียงผู้ติดตามของราชาแต่ไม่ว่าคนไหนกลับมีท่าทีทะนงตนหาใครเปรียบ

แต่ถึงอย่างไรคนเหล่านี้ก็แข็งแกร่งมาก พวกเขาทุกคนมีพลังบ่มเพาะระดับดาราทั้งสิ้น มีหนึ่งคนที่บรรลุระดับดาราขั้นสูงสุด เกรงว่าพลังบ่มเพาะของเขาคงสูงกว่าราชาหลายๆคนอีก

แต่การจะเป็นราชาได้นั้น ไม่ใช่เพราะมีพลังบ่มเพาะที่สูงส่งแต่เป็นพลังอันไร้เทียมทานในระดับพลังเดียวกัน

มีเพียงอัจฉริยะที่สามารถบดขยี้ทุกคนในระดับพลังเดียวกันเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติเป็นราชา!

หลิงฮันชำเลืองมองและกล่าว “ทำไมพวกเข้าถึงไปไม่ได้?”

“เหล่าราชากำลังจัดงานน้ำชากันอยู่ คนทั่วไปไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่มย่าม!” รุ่นเยาว์ชุดม่วงคนหนึ่งกล่าวอย่างไม่แยแส เขาไม่แม้แต่จะหันสายตามอง

หลิงฮันหัวเราะ “ภูเขาลูกนี้คือบ้านของเจ้า?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่” รุ่นเยาว์ชุดม่วงส่ายหัว

“เช่นนั้นเจ้ามีสิทธิอะไรมาห้ามพวกข้า” หลิงฮันกล่าว

“เจ้า…” รุ่นเยาว์ผู้นั้นกลายเป็นเกรี้ยวกราดทันทีแต่ก็พยายามสงบสติเอาไว้ เขาสะบัดมือและกล่าว  “วันนี้ไม่ว่าใครก็ห้ามขึ้นเขาลูกนี้”

“แต่ในเมื่อคนอื่นขึ้นไปได้ ทำไมพวกข้าจะขึ้นไปไม่ได้?” หลิงฮันยิ้ม

รุ่นเยาว์ชุดม่วงไม่รู้จะกล่าวอะไร เหตุใดชายคนนี้ถึงได้เข้าใจอะไรยากเย็นเช่นนี้? เขาชะงักอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “เจ้าคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติเพียงพอ?”

“ทำไมจะไม่มีล่ะ?” หลิงฮันยิ้ม

“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องโค่นข้าให้ได้เสียก่อนแล้วข้าจะยอมให้เจ้าขึ้นไปบนยอดเขา!” แม้รุ่นเยาว์ชุดม่วงจะพูดคุยกับหลิงฮันเพียงไม่กี่คำ แต่เขาก็พบว่าตนเองเริ่มหมดความอดทนเสียแล้ว

หลิงฮันมองไปยังผู้ติดตามที่เหลือ “แล้วพวกเขาละ?”

ผู้ติดตามคนอื่นที่กำลังมองดูอยู่หัวเราะทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลิงฮัน “เจ้าเอาชนะเหวินตงให้ได้ก่อน แล้วพวกเราจะยอมให้เจ้าขึ้นไปบนภูเขา”

“ก็ดี!” หลิงฮันเริ่มขยับแข้งขยับขา

จักพรรดินีและสตรีนกอมตะสวรรค์ยิ้ม พวกนางสวมผ้าคลุมเอาไว้มิดชิด แม้แต่ใบหน้าอันงดงามก็ถูดปิดเอาไว้

จักพรรรดิพิรุณยืนกอดอก แน่นอนว่าตัวเขาไม่ต้องการเสียเวลาต่อสู้กับพวกลิ่วล้อ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเร่งรีบ เพราะอย่างไรเหล่าราชาคนภูเขาก็ไม่ได้หนีไปไหนอยู่แล้ว

รุ่นเยาว์ชุดม่วงมีชื่อว่าเหวินตง เขามองไปยังหลิงฮันและกล่าว “พวกเราไม่จำเป็นต้องสู้กัน ข้าจะยืนอยู่กับที่และให้เจ้าโจมตีสามกระบวนท่า หากเจ้าทำให้ข้าล่าถอยได้แม้แต่ก้าวเดียวข้าจะยอมให้เจ้าขึ้นไปบนภูเขา”

ผู้ติดตามคนอื่นๆหัวเราะดูถูก พวกเขาทุกคนคืออัจฉริยะในยุคสมัยเดียวกัน โดยพวกเขาเป็นอัจฉริยะอย่างน้อยสี่ดาวกันทั้งนั้น พลังของแต่ละคนทรงพลังเกินกว่าระดับพลังของตนเอง เพียงแค่ใช้ปราณก่อเกิดเป็นโล่ป้องกันพวกเขาก็สามารถป้องกันสามกระบวนท่าได้อย่างไม่ยากเย็น

“จริงรึ?” หลิงฮันจงใจทำตาเป็นประกาย

“ข้าไม่คิดจะหลอกเจ้า!” เหวินตงกล่าวอย่างดูถูก ที่จริงแล้วต่อให้พวกหลิงฮันเดินขึ้นไปยังภูเขา พวกเขาจะสามารถต้านทานแรงกดดันอันแปลกประหลาดของภูเขาลูกนี้ได้รึเปล่า? แม้แต่อัจฉริยะอย่างพวกเขาก็ยังพบว่าการขึ้นไปบนยอดเขานั้นยากลำบากมาก มีเพียงราชาเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ

“งั้นข้าก็ขอไม่เกรงใจแล้วกัน!” หลิงฮันยิ้มและครุ่นคิดก่อนจะปล่อยหมัด “ข้าใช้พลังเต็มที่ได้สินะ?”

“แน่นอน” เหวินตงกล่าวด้วยใบหน้ามั่นใจ

“ในกรณีที่ข้าเผลอสังหารเจ้า ข้าจะทำอย่างไร?” หลิงฮันกล่าวด้วยเสียงเป็นกังวลเล็กน้อย

เหวินตงเกรี้ยวกราดอีกครั้ง เจ้าคิดจะสังหารข้า? ช่างน่าขัน! เขาเค้นเสียงและกล่าว “ไม่ต้องใส่ใจและโจมตีได้แล้ว”

“ไม่ได้ หากข้าสังหารเจ้าจริงๆ ข้าก็ต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยากเข้าน่ะสิ” หลิงฮันส่ายหัวไปมา

ใบหน้าของเหวินตงกระตุกและกล่าวด้วยเสียงดัง “ข้าบอกให้เจ้าโจมตีก็โจมตีมาได้แล้ว ด้วยความสามารถของเจ้ามีรึจะทำร้ายข้าได้ หรือต่อให้เจ้าสังหารข้าจริงๆก็ข้าก็จะไม่เอาความใดๆ ทุกคนที่นี่เป็นพยานได้!”

“ได้ยินแบบนั้นข้าก็สบายใจ!” หลิงฮันถอนหายใจโล่งอก

ว่าแต่ เจ้าคิดจริงๆรึว่าจะสังหารข้าได้?

เหวินตงคิดในใจ เขาเค้นเสียงก่อนจะกล่าว “ทีนี้เจ้าจะลงมือได้รึยัง?”

หลิงฮันกล่าวด้วยท่าทียินดี “พี่สอง พี่ชายสวี ภรรยาข้า พวกเจ้าเคยเห็นคนเสียสติที่อยากถูกคนอื่นโจมตีใส่แบบนี้มาก่อนรึเปล่า?”

“ไม่!” จักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม เซียนหวู่เซียงเองก็เช่นกัน

เหวินตงเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเดือดดาลจนแทบจะปล่อยเปลวเพลิงออกมา

เขาสาบานว่าหลังจากที่หลิงฮันปล่อยหมัดสามหมัดครบแล้ว เขาจะต้องทำให้อีกฝ่ายเจอดีแน่นอน

หลิงฮันเปลี่ยนสีหน้าและโคจรปราณก่อเกิด หมัดขวาของเขายกขึ้น พริบตาที่อำนาจสวรรค์ถูกควบแน่น แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวก็ถูกปลดปล่อยออกมา

‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ผู้คนโดยรอบมากมายทรุดตัวล้มลงกับพื้นทันที

นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของอำนาจสวรรค์ ใครก็ตามที่มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าเขาจะไม่มีโอกาสแม้แต่ได้ตอบโต้ ส่วนคนที่มีพลังบ่มเพาะสูงกว่าหลิงฮัน พลังต่อสู้ก็จะถูกลดลงมาสองดาว

ใบหน้าของเหวินตงเปลี่ยนไปทันที

พลังบ่มเพาะของเขาคือระดับดาราขั้นกลางเหมือนกับหลิงฮันดังนั้นเขาจึงไม่ถูกอำนาจสวรรค์ทำให้ทรุดตัวลงกับพื้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงออร่าอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงจนบึ้งหัวใจ

อีกฝ่ายไม่ใช่จอมยุทธระดับดาราทั่วไปหรืออัจฉริยะแต่เป็นราชา!

เขาที่ติดตามราชามาเป็นเวลานานจะมองไม่ออกได้อย่างไร?

เหวินตงอยากร้องไห้ ในระดับพลังเดียวกันเขาจะรับการโจมตีของราชาถึงสามกระบวนท่าได้อย่างไร? อย่างว่าแต่สามเลย แต่หนึ่งกระบวนท่าก็ไม่มีทาง

ใบหน้าของเหวินตงเต็มไปด้วยความเศร้าโศก “ข้ายอมแพ้! ข้าขอยอมแพ้!” หากเขาต้องรับหมัดหลิงฮันจริงๆชะตากรรมของเขาคงหนีไม่พ้นคาวมตายแน่นอน แถมเขาเพิ่มบอกไปด้วยความต่อให้หลิงฮันสังหารเขาอีกฝ่ายก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใดๆ

“ยอมแพ้?” หลิงฮันแสดงท่าทีผิดหวัง “อย่างน้อยหนึ่งหมัดเป็นไง?” เขาต่อรอง

“ไม่!” เหวินตงส่ายหัวรัวราวกับตีกลอง

หลิงฮันมองไปยังผู้ติดตามคนอื่น “หรือพวกเจ้าคนใดจะมาแทน?”

“ไม่!” ผู้ติดตามคนอื่นๆส่ายหัวไปมา

หลิงฮันกล่าว “ภูเขานี้ไม่ใช่ของพวกเจ้า การที่พวกเจ้ามายึดครองเหมือนเป็นของตนเองนั้นมันเป็นกระทำที่กดขี่ผู้อื่นเกินไป”

ทุกคนที่นี่เข้าใจทันทีว่าหลิงฮันไม่ได้จงใจแสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือ แต่เขาต้องการสั่งสอนกลุ่มคนที่หยิ่งยโสเหล่านี้