บทที่ 2057 ประสบการณ์ที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
“แน่นอนว่าคุณไม่ใช่ดอกไม้ใบหญ้า! คุณคือดวงดาว…คือมหาสมุทร…ฉันชอบคุณ…” เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าขึ้น ดวงตาอันสุกใสและเปล่งประกายจ้องมองเขาอย่างจริงจังเป็นพิเศษ
“เธอ…” ดูเหมือนซือเยี่ยหานจะไม่คาดคิดเลยว่าเด็กสาวพูดจาแบบนี้ พอได้ยินสามคำสุดท้ายนั้นตัวคนก็ตะลึงงันไป แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ จึงหม่นหมองลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
“ไม่มีใครชอบฉัน” ซือเยี่ยหานเอ่ยขึ้น
เยี่ยหวันหวั่นโพล่งขึ้นทันที “โอ้ บังเอิญมาก อันที่จริงฉันชื่อว่าไม่มีใคร”
ซือเยี่ยหานถามเด็กสาว “ฉันเป็นใคร”
เยี่ยหวันหวั่นตอบอย่างชาญฉลาด “ชายหนุ่มรูปงามสุดแสนใสซื่อหล่อเหลาจิตใจดีที่ถูกจอมมารร้ายโหดเหี้ยมวิปริตกักขังไว้!”
บรรยากาศเงียบสงัดลง
ซือเยี่ยหานซ่อนเร้นสายตาอันตรายที่ฉายวาบขึ้น แล้วจ้องมองคนที่อยู่ตรงหน้า “เธอรู้ไหมว่าคำพูดพวกนี้ของเธอ มีความหมายว่ายังไง…”
เยี่ยหวันหวั่นงุนงง “หือ?”
ซือเยี่ยหานตอบอย่างจริงจัง “หมายความว่า ฉันจะไม่มีทางปล่อยเธอไปแล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตา ถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ “แล้วทำไมต้องปล่อยฉันไปด้วยล่ะ!”
พอพูดจบเยี่ยหวันหวั่นก็เดินเตาะแตะเข้าไปหา เงยหน้ามองเขาด้วยท่าทางเปราะบางน่าสงสารและไร้ที่พึ่งพา “ฉันให้เซาปิ่ง ให้ซาลาเปา ให้วอวอโถว ให้อมยิ้มคุณไปมากมายขนาดนั้น…ถ้าคุณยังคิดจะไล่ฉันไปอีก คุณก็ใจดำเกินไป!”
ทันทีที่เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ ร่างเธอก็ร่วงหล่นลงบนเตียงที่อ่อนนุ่มในทันที
จากนั้น จุมพิตแฝงคาวเลือดก็ประทับลงบนริมฝีปากของเด็กสาวอย่างรุนแรง ราวกับอยากจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ แล้วหลอมรวมเข้าไปในร่างกาย…
“อื้ม...” สมองของเยี่ยหวันหวั่นขาดออกซิเจน จึงวิงเวียนศีรษะขึ้นมาทันที
“ฉันไม่ใช่สุภาพบุรุษหรอกนะ…” ลมหายใจอันสับสนวุ่นวายของชายหนุ่มเป่ารดใบหน้าของเด็กสาว เงามืดเข้าปกคลุมเธอ ราวกับสัตว์ร้ายที่ฉีกกระชากเปลือกนอกอันไร้พิษภัยออก และเผยเขี้ยวเล็บออกมาแล้ว ออร่าอันมืดมนน่าหวาดหวั่นทั้งหมดไหลทะลักออกมาอย่างท่วมท้น
นัยน์ตาของเยี่ยหวันหวั่นทอประกายฉ่ำวาว และพลันกล่าวอย่างดีอกดีใจว่า “ดีจริงๆ ฉันก็ไม่ใช่เหมือนกัน แอบบอกคุณไว้เลยแล้วกัน อันที่จริงฉันเป็นนักเลงหัวไม้น่ะ! พวกเขาต่างเรียกฉันว่านางมารร้าย! พวกเราจะต้องเหมาะสมกันแน่นอน!”
ซือเยี่ยหานนิ่งไป…
เมื่อเด็กสาวที่กำลังเมามายคล้ายจะเปลี่ยนเป็นคนละคน ร้อนแรงกว่าเดิม และสดใสกว่าเดิม ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้ยิ่งกว่าเดิม
เยี่ยหวันหวั่นรีบเอ่ยปากรับประกันอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ “คุณวางใจเถอะ ฉันจะปรับปรุงตัวใหม่ จะเป็นคนดี รักเดียวใจเดียวต่อคุณ ทำดีกับคุณแน่นอน!”
เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย เยี่ยหวันหวั่นก็นิ่วหน้า แล้วเอ่ยงึมงำว่า “หรือเพราะวันนี้ฉันไม่มีเซาปิ่งติดมาด้วย แต่ว่า…แต่ว่าฉันพกอย่างอื่นมาด้วยนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นคลำหาบนร่างกาย คลำอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดก็คลำเจอลูกอมระเบิด…หนึ่งห่อ…
“ฉันขอบอกคุณเลยนะ ไอ้นี่อร่อยมาก! คุณต้องไม่เคยกินแน่ๆ! จะเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่เคยได้รับมาก่อน!” เยี่ยหวันหวั่นโม้ใหญ่โตเหมือนพวกหลอกขายของไม่มีผิด
จากนั้นก็ฉีกห่อออก แล้วยื่นไปตรงหน้าของซือเยี่ยหาน
พอเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ในระหว่างการสะกดจิตย้อนความทรงจำมาถึงฉากนี้ ก็อยากเอาหัวโขกกำแพงตายทันที ทำไมเธอต้องทำตัวโง่ๆ แบบนี้ต่อหน้าซือเยี่ยหานด้วยนะ
ใช้ลูกอมระเบิดห่อหนึ่งเพื่อขอนอนกับชาวบ้านเขาเนี่ยนะ คิดได้ยังไงกัน ฝันไปเถอะ!
หรือว่าเธอไม่ได้เข้ารับการสะกดจิต แต่ว่ากำลังฝันอยู่กันนะ
ในขณะที่เยี่ยหวันหวั่นนึกอยากพุ่งชนกำแพงอยู่นั้น วินาทีต่อมา ก็ได้ยินซือเยี่ยหานในห้วงความทรงจำเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบทุ้มเหมือนเชลโล่ว่า “ได้”
ซือเยี่ยหานพูดจบก็รับห่อสีสันสดใสไปจากมือของเด็กสาว จากนั้นประทับจูบลึกซึ้งลงมาอย่างเนิบช้า…
เยี่ยหวันหวั่นตะลึง…
เธอในตอนนั้น…ใช้! ลูกอมระเบิด! หนึ่งห่อ! เพื่อ! นอน! กับ! ซือ! เยี่ย! หานงั้นเหรอ!?
เธอไม่อยากจะเชื่อเลย!
——————————————————————-
บทที่ 2058 ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง
เช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นที่นอนอยู่บนเตียง ตื่นขึ้นมาเห็นชายหนุ่มที่อยู่ข้างกาย ก็ตะลึงงันไปในทันที
เสื้อผ้าของทั้งคู่หล่นกองอยู่บนพื้น ชายหนุ่มเผยแผงอกเปลือยเปล่า ส่วนเธอ…ก็กอดแขนชายหนุ่มเอาไว้อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แถมยังพาดขาไว้บนร่างเขาด้วย
เป็นแบบนี้ได้ยังไง!
เยี่ยหวันหวั่นราวกับถูกสายฟ้าฟาด ตะลึงงันไปแล้ว
หลังจากได้กลิ่นเหล้าบนร่างของตัวเอง เยี่ยหวันหวั่นก็ตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม
จบเห่แล้ว! สุดท้ายเธอก็ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงแล้ว!
เยี่ยหวันหวั่นพลิกตัวอย่างรวดเร็ว กลิ้งไปด้านข้าง จากนั้นก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา กอดผ้าห่มไว้ ผมเผ้าพันกันยุ่งเหยิง นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าสับสนมึนงง
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายคล้ายจะถูกการเคลื่อนไหวของเธอปลุกให้ตื่น คิ้วงามน่ามองขมวดนิดๆ จากนั้นก็ลืมตาขึ้น มองไปที่เยี่ยหวันหวั่น
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นได้สบเข้ากับดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์คู่นั้น ก็นึกละอายใจ อยากจะมุดรูหนีแล้ว
“ฉัน…ฉัน…ฉันเรื่องนั้น…” เยี่ยหวันหวั่นที่ปกติพูดจาคล่องแคล่วฉาดฉานแต่ตอนนี้กลับพูดไม่ออกสักประโยคเดียว
ซือเยี่ยหานนวดแขนตัวเองที่ถูกเธอทับจนชา จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่ง “ตื่นแล้วก็ไปเถอะ”
พอเยี่ยหวันหวั่นได้ยินประโยคนี้ หัวใจก็พลันหนาวเหน็บ “คุณหมายความว่ายังไง ถึงแม้…ถึงแม้เมื่อคืนนี้จะเป็นอุบัติเหตุ…แต่ความจริงฉันก็วางแผนเอาไว้ก่อนแล้ว…เอ่อ…ไม่สิ…ฉันหมายถึง…ฉันจริงจังนะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง…แต่ว่า…พอพวกเราได้อยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง…ดูเหมือนฉันจะชอบการได้อยู่กับคุณมากขึ้นเรื่อยๆ…ถึงแม้จะบอกว่าเป็นครั้งสุดท้ายอยู่หลายครั้ง…แต่สุดท้ายก็ห้ามใจไม่ไหวจนต้องมาหาคุณอีกอยู่ดี…ฉันชอบคุณ…”
เยี่ยหวันหวั่นพูดคำว่า ‘ฉันชอบคุณ’ ทั้งสามคำออกไปอีกครั้ง แถมยังอยู่ในสถานการณ์ที่มีสติแจ่มชัดด้วย
สายตาของซือเยี่ยหานจับจ้องไปที่เด็กสาวตรงหน้าครู่หนึ่ง ราวกับกลัวว่าจะพลาดทุกคำพูดของเธอไป
สุดท้าย ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ซือเยี่ยหานถึงได้เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “พวกเราไม่เหมาะสมกัน”
พอฟังมาถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ระหว่างการสะกดจิตก็นึกโมโหขึ้นมา บัดซบ! เธอรอคอยอย่างตึงเครียดอยู่ตั้งนาน แต่ผลคือซือเยี่ยหานกลับตอบว่าไม่เหมาะสมกันงั้นเหรอ
ตาเฒ่าหัวแข็งคนนี้! แย่ที่สุด!
แต่ที่ทำให้เธอโมโหยิ่งกว่าก็คือตัวเอง ทำไมถึงโง่ขนาดนั้นกันนะ ไม่รู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น นั่นต้องเป็นเพราะหนุ่มหล่อผู้ตัดขาดจากเรื่องทางโลกคิดใช้แผนแสร้งปล่อยเพื่อจับเธออยู่แน่นอน!
เฮ้อ ต้องโทษเธอที่หลงนึกมาโดยตลอดว่าซือเยี่ยหานอีคิวต่ำ! เขาอีคิวต่ำน่ะไม่ผิดหรอก แต่ไอคิวกลับสูงจนคนอื่นสู้ไม่ไหว!
ใช้สติปัญญามาหลอกปั่นเธอให้หัวหมุนชัดๆ
เพียงแต่ ในขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังโมโหอยู่นั้น ในใจของเธอกลับมีความสุขมาก…
ที่แท้…ที่แท้ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ใช่เธอหวั่นไหวอยู่แค่ฝ่ายเดียว
พอคิดมาถึงจุดนี้ ความรู้สึกภายในใจของเยี่ยหวันหวั่นก็แปรเปลี่ยนจาก ‘ตาแก่หัวแข็งอย่างคุณแย่ที่สุด’ เป็น ‘ทำไมที่รักของฉันน่ารักขนาดนี้กันนะ!’
ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นย้อนทวนความทรงจำไปด้วยหัวใจที่สั่นไหวเบิกบาน เธอที่อยู่ในห้วงความทรงจำก็โต้ตอบคำว่า ‘ไม่เหมาะสม’ สามคำนั้นของซือเยี่ยหานไปประโยคหนึ่งว่า “เหลวไหล ฉันน่ะเหมาะสมมาก!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกเลย…
เอาเถอะ เป็นสไตล์การพูดในแบบของเธอจริงๆ นั่นแหละ…
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งสองก็สวมเสื้อผ้าแล้วไปนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก
บรรยากาศคล้ายจะทึมทื่อไปชั่วขณะ ซือเยี่ยหานจิบชาอึกหนึ่ง แล้วแสร้งเอ่ยถามอย่างสบายๆ ว่า “เธอชอบอะไรในตัวฉัน”
เยี่ยหวันหวั่นเท้าคาง สองตาอันเปล่งประกายจ้องมองอีกฝ่ายที่ต่อให้สวมเพียงเสื้อเชิ้ตธรรมดา นั่งดื่มชาอยู่ตรงนั้นก็ดูหล่อเหลาเหมือนเทพบุตรแล้ว เป็นชายหนุ่มที่ทำให้ใจของเธอสั่นหวั่นไหวได้ จึงโพล่งออกไปว่า “คุณดูดีมาก!”
………………………………………