ชั่วครู่หนึ่งนั้นเอง เจียงขุยได้รวบรวมพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่น้อยนิดนั้นใช้วิชาลับ

วิชาลับนี้โหดร้ายป่าเถื่อนเป็นอย่างยิ่ง เขาได้ดึงเอาเลือดทั้งหมดในร่างกายออกมา

เลือดที่เขาดึงออกมานั้นได้ไหลเข้าสู่พื้นดิน และเขาก็กล่าวออกมาว่า “เลือดสังเวยเลือดหุ่นเชิดศิลาโลหิต”

ร่างของเขาได้กลายเป็นซากศพอย่างรวดเร็ว

มู่อีรีบตะโกนขึ้นด้วยความกระวนกระวายใจว่า “ท่านผู้นำตระกูล รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้าขอรับ!”

เฟิงอวิ๋นซิวและจวินโม่ซีก็กระวนกระวายใจขึ้นเช่นกัน “เร็วเข้า!”

เจ้าหมอนี่ใช้วิชาลับอันโหดร้ายป่าเถื่อนเช่นนี้ ช่างรับมือได้ยากยิ่ง!

ปัง ปัง ปัง!

ทว่า ในขณะที่พวกเขากำลังจะล่าถอยนั้น ห้องลับนี้กลับปิดลง

มู่ซานและพวกที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเห็นประตูปิดลงเช่นนี้ สีหน้าของพวกเขาก็พลันเปลี่ยนไปทันที

“ท่านผู้นำ!”

“พี่ใหญ่!”

“รีบเอาคนมาช่วยเปิดเร็วเข้า!”

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! ในขณะที่ห้องลับนี้ถูกปิดลง มิติในห้องลับนี้ก็พลันเปลี่ยนแปลงไป

ค่ายกลคร่าชีวิตได้เริ่มขึ้นแล้วในตอนนี้

ปัง ปัง ปัง!

ก้อนหินนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าคมธนู การโจมตีนี้พวกเขาได้คิดเอาไว้แล้วว่ามันจะเกิดขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด

พวกเขาหลบอย่างรวดเร็วและเริ่มทำการป้องกัน!

“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”

“กำแพงวิญญาณวายุ”

“……”

ปัง ผัวะ ผัวะ!

เส้นทางด้านหลังไม่สามารถถอยกลับได้ ตอนนี้ทำได้เพียงแค่เดินหน้าเท่านั้น!

“พุ่งออกไปก่อน!”

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! มู่ซานและพวกลองโจมตีเปิดจากด้านนอก แต่ก็ไม่ได้ผล

“ท่านมู่ซาน ยอดฝีมือขั้นสูงสุดก็ยากที่จะทำลายประตูนี้ได้ ใต้หล้านี้ผู้ที่สามารถทำลายได้คาดว่าจะมีเพียงไม่กี่คนแล้ว”

และยอดฝีมือขั้นสูงสุดในดินแดนสี่ทิศนี้ก็คือหัวหน้าตำหนักเป่ยหาน และหัวหน้าตำหนักตงจี๋

ทว่า ด้วยสถานะเช่นนั้นของพวกเขา ใช่ว่าจะเชิญมาได้ง่าย ๆ

มู่เฉียนซีและพวกพุ่งออกมาจากการโจมตีของอาวุธลับก้อนหินเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว

พวกเขาไม่ทันได้หยุดเหนื่อย เกรงว่าก้อนหินเมื่อครู่เหล่านั้นจะเป็นเพียงแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น

อันตรายที่แท้จริง คาดว่าจะรออยู่ข้างหน้า

พวกเขารีบเดินมุ่งหน้าไป และพบว่าที่กว้างด้านหน้ามีสัตว์หุ่นเชิดศิลาโลหิตอยู่สี่ตัว

แววตาที่ไร้ความรู้สึกและจิตวิญญาณสี่คู่นั้น ในตอนนี้ก็ได้แผ่ซ่านแสงสีเลือดออกมา

และในตอนนี้เอง พวกมันก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

ในขณะที่เคลื่อนไหวนั้นแสงสีเลือดก็ได้แผ่ซ่านออกมาด้วย แสงนั้นได้ตัดพื้นใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาอย่างง่ายดายราวกับตัดเต้าหู้ก็มิปาน

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะหลบหลีก แต่สัตว์หุ่นเชิดศิลาโลหิตนี้ก็ทำให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัสได้

เฟิงอวิ๋นซิวพุ่งไปอยู่ด้านหน้าสุด และพลังของเขาก็พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

เขากล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “เฉียนซี ข้าขวางพวกมันไว้ตรงนี้เอง เจ้ารีบหาทางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”

สัตว์หุ่นเชิดศิลาโลหิตสี่ตัวนี้แต่ละตัวไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพลังของเฟิงอวิ๋นซิวในตอนนี้เลย ขวางเอาไว้ตัวเดียวอาจจะได้ แต่หากสี่ตัว…

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เฟิงอวิ๋นซิว เจ้าอยากจะเสี่ยงชีวิตเพื่อคนอื่นก็ช่วยเบิกตาดูด้วยว่าข้าเป็นใคร ชีวิตของเจ้าเก็บเอาไว้ให้คนในใจเจ้าเถอะ!”

มู่เฉียนซีตัดสินใจจะต่อสู้อย่างสุดชีวิต ส่วนมู่อี ไม่ว่าเมื่อใดเขาก็พร้อมที่จะฟังคำสั่งของเจ้านายตัวเองอยู่แล้ว

จวินโม่ซียิ้มพลางกล่าว “สาวน้อย เจ้าทุ่มลงไปมากเพื่อรวบรวมคนมากมายเช่นนั้นมาได้ ตอนที่จัดการกับสำนักหุ่นปีศาจเมื่อครู่มันไม่มีที่ให้ข้าได้แสดงฝีมือเลย ตอนนี้นับว่าข้าได้ออกกำลังแล้วสิ”

“ชีชิง ออกมา!”

ชีชิงกล่าว “ข้าเป็นบุรุษที่อ่อนโยนถึงเพียงนี้ ไม่ชอบความรุนแรงเลยสักนิด เจ้าจะให้ข้าใช้ความรุนแรง เจ้าช่างเลวเกินไปแล้ว”

จวินโม่ซีกล่าว “เจ้าไม่อยากช่วยข้าจัดการกับสัตว์พวกนี้ แสดงว่าเจ้าต้องการตายไปพร้อมข้าใช่หรือไม่?”

มู่เฉียนซีเอากระบี่มังกรเพลิงออกมาแล้ว และบัวอัคคีสีแดงฉานก็พุ่งออกไปทันที

สัตว์หุ่นเชิดศิลาโลหิตนั้นก็เป็นสีแดง และแสงสีแดงฉานของบัวอัคคีก็ระเบิดออกมา

เปลวไฟสีแดงทั้งสองได้ปะทะกัน และระเบิดพลังขึ้นดังสนั่น!

ตูม!

พวกเขาได้ต่อสู้ปะทะกันกับสัตว์หุ่นเชิดศิลาโลหิตเหล่านั้น แต่สถานการณ์กลับไม่ดีเลย

พลังของเฟิงอวิ๋นซิวแข็งแกร่งพอ ยังรับมือได้!

ทว่า คนอื่น ๆ พลังวิญญาณสูงที่สุดก็แค่ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดเท่านั้น ไม่มีพลังขั้นสูงสุดไม่สามารถรับมือได้ไหว

ภายในอากาศได้ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ในตอนนี้มู่เฉียนซีถูกสัตว์หุ่นเชิดศิลาโลหิตตัวหนึ่งพัวพันอยู่อย่างไม่ยอมเลิกรา

แสงที่ระเบิดออกมานั้นได้เริ่มตัดกำแพงน้ำแข็งอย่างง่ายดายราวกับตัดเต้าหู้ก็มิปาน ส่วนอู๋ตี้กับเสี่ยวหงก็ไม่สามารถยับยั้งพวกมันได้

มันได้เข้ามาใกล้มู่เฉียนซีทีละย่างก้าว แสงอันแหลมคมนั้นพุ่งออกมา และร่างของมู่เฉียนซีก็ปรากฏรอยเลือดหลายแห่ง

ต่อก ต่อก!

ในขณะที่เลือดของมู่เฉียนซีไหลออกมานั้น นางก็รู้สึกได้ว่าพลังของสัตว์หุ่นเชิดศิลาโลหิตนี้แข็งแกร่งขึ้น

กลิ่นคาวเลือดที่ตลบอบอวลอยู่ในอากาศยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ สัตว์หุ่นเชิดศิลาโลหิตยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น แม้แต่เฟิงอวิ๋นซิวที่มีพลังวิญญาณแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว

มู่เฉียนซีตกตะลึงขึ้น เลือด…

มู่เฉียนซีโยนขวดยาออกไปหลายขวดพลางรีบตะโกนว่า “ห้ามเลือดก่อน รีบห้ามเลือดให้เร็วที่สุด”

“เจียงขุยใช้เลือดเรียกพวกมันมา และยิ่งเลือดของพวกเราไหลออกมามากเท่าไหร่ พวกมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้นพวกเราต้องห้ามเลือดก่อน”

พวกเขาไม่ได้สงสัยในคำพูดของมู่เฉียนซีเลยแม้แต่น้อย รีบกินยาลูกกลอนของมู่เฉียนซีห้ามเลือดทันที

และผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่เลวเลย หลังจากที่เลือดของพวกเขาหยุดลง พวกเขาก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าพลังของสัตว์หุ่นเชิดศิลาโลหิตเหล่านี้ได้อ่อนแอลงไม่น้อยเลย

ถึงแม้ว่าเลือดบนร่างได้ถูกยับยั้งลงแล้ว แต่ว่า…

กลิ่นคาวเลือดที่ตลบอบอวลอยู่ในห้องลับนี้ยังไม่ถูกยับยั้งลง!

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวหง อู๋ตี้ ขวางพวกมันเอาไว้ ถ่วงเวลาให้ข้าหน่อย”

เสี่ยวหงกับอู๋ตี้กล่าว “นายท่าน วางใจเถอะ!”

มู่เฉียนซีเอาขวดยาหลายขวดออกมาจากมิติอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เริ่มผสมกัน หลังจากที่ผสมเสร็จก็ได้บรรจุลงในขวดพ่นหลายขวด

หลังจากบรรจุเสร็จนางก็โยนให้กับคนอื่น “เอายานี่ไป พ่นบริเวณรอบ ๆ ให้ทั่วเพื่อยับยั้งกลิ่นคาวเลือดในห้องลับ”

“ขอรับ!”

พรืด พรืด! เมื่อยาถูกพ่นออกไป กลิ่นหอมสดชื่นจาง ๆ ก็ได้ยับยั้งกลิ่นคาวเลือดเหล่านั้น

การตอบสนองของสัตว์หุ่นเชิดศิลาโลหิตเหล่านี้ก็เริ่มช้าลงเรื่อย ๆ!

ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวไปที่สถานที่ที่เจียงขุยใช้วิชาลับนั้นอย่างรวดเร็ว และได้เทยาขวดใหญ่ลงไปบนทางเดินนั้น

กลิ่นคาวเลือดที่ตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้องลับก็ถูกยับยั้งไปได้แล้ว และการเคลื่อนไหวของสัตว์หุ่นเชิดศิลาโลหิตก็ยิ่งช้าลงไปเรื่อย ๆ

ในที่สุดพวกมันก็กลับไปยังที่เดิม ไม่แม้แต่จะขยับตัวแล้ว

วู่! คนอื่นต่างก็พ่นลมออกจากปากด้วยความโล่งอก ปลอดภัยแล้วชั่วครู่ มู่เฉียนซีกล่าว “สัตว์หุ่นเชิดศิลาโลหิตนี้มีเวลาจำกัด ไม่มียา พวกเราทำได้แค่รอให้กลิ่นคาวเลือดจางหายไป มิตินี้ถูกปิด กลิ่นคาวเลือดที่แผ่ซ่านมาของเจียงขุยนั้นก็ไม่รู้ว่าจะจางลงไปเมื่อใด และพลังของพวกเราในตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถรับมือได้นานแค่ไหน”

“โชคดีที่พวกมันไม่ได้มีความรู้สึกไวต่อกลิ่นคาวเลือดมากมายถึงเพียงนั้น ใช้ยายับยั้งเอาไว้ พวกมันก็รับรู้ไม่ได้แล้ว”

หากเป็นสัตว์ที่มีความรู้สึกไวต่อกลิ่น ต่อให้มียายับยั้ง พวกมันก็สามารถดมกลิ่นคาวเลือดในอากาศได้

แต่สัตว์พวกนี้ใช้หินสร้างขึ้นมา จึงไม่ได้มีความรู้สึกไวต่อกลิ่นมากมายเช่นนั้น

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ขอบใจเฉียนซีมากที่คิดวิธีรับมือออกมาได้ มิเช่นนั้นพวกเราก็คงต้องตายอยู่ในนี้แล้ว”

“เจ้ายังตามหาของที่เจ้าต้องการไม่เจอเลย ส่วนข้าก็ยังมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ จะมาตายง่าย ๆ ในสถานที่บ้า ๆ เช่นนี้ได้อย่างไรกันล่ะ” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วพลางกล่าว

“รักษาอาการบาดเจ็บก่อนเถอะ แล้วค่อยคิดหาวิธี…”

ครืน ครืน เปรี้ยง! นางไม่ทันพูดจบ พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาก็สั่นไหวขึ้น และมิติก็ได้พลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง

.