ตอนที่ 2190 ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2190 ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้

แม้เขาจะยังไม่เคยพบจางเซวียน แต่ก็พอสรุปที่มาที่ไปได้จากทีท่าของบริวาร

ถ้าพ่อบ้านซุนดูไม่เอาไหนอย่างที่พยายามแสดงออกมา หมอนั่นจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างมั่นอกมั่นใจและถึงกับตบเขาโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเลยได้อย่างไร?

ซ้ำร้าย ยาพิษที่เขาใช้ก็ไม่ระคายผิวหนังของอีกฝ่ายเลย!

ถ้าพ่อบ้านซุนเป็นแค่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์จริงๆ ยาพิษของเขาก็เกินพอจะทำให้อีกฝ่ายตายไปแล้วหลายครั้ง!

ยิ่งไปกว่านั้น หมอนั่นยังพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการ ‘เฝ้ามองดูโลก’ ซึ่งการเฝ้ามองน่านฟ้าทั้งเก้าของสรวงสวรรค์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย!

“โชคดีที่เมื่อครู่นี้เราไม่ได้ทำอะไรลงไป” หยิงเฟยพึมพำขณะปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก

เขารู้สึกโล่งใจที่ระงับความโกรธไว้ได้เมื่อตอนถูกตบ ไม่อย่างนั้น หากต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายจังๆ เขาคงตายแน่!

เมื่อคิดได้ หยิงเฟยชำเลืองมองบ้านพักที่เขาเพิ่งออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ บานประตูยังปิดไม่สนิท ทำให้เห็นภาพชายร่างอ้วนยืนอยู่ที่ใจกลางลานบ้านพร้อมกับเอาสองมือไพล่หลัง

อีกฝ่ายเขม้นมองท้องฟ้าด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ราวกับว่าต่อให้ปัญหาที่หนักหนาสาหัสที่สุดก็ไม่อาจทำให้เขาหวั่นไหวได้

“ทั้งที่ดูเหมือนจะเป็นแค่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่ก็มีพละกำลังที่ไม่อาจหยั่งถึงจริงๆ!” หยิงเฟยตาโต

ตั้งแต่ต้นจนจบ หยิงเฟยไม่ได้ปกปิดวรยุทธระดับเทพเจ้าขั้นสูงของตัวเอง จึงไม่มีทางที่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนหนึ่งจะกล้าตบเขาโดยไม่แสดงความหวาดกลัวสักนิด!

ดูเหมือนเขาจะเจอของจริงเสียแล้ว

“นายท่าน แล้วเราจะทำอย่างไร?” ชายคนหนึ่งตั้งคำถาม

“ตอนนี้รออยู่ที่นี่ก่อน บางทีเราอาจพบจางเซวียนตอนที่เขากลับมา” หยิงเฟยตอบ

ถึงเขาจะเริ่มเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าจางเซวียนกับพรรคพวกแข็งแกร่งกว่าที่เห็นมาก แต่ก็ยังอยากรู้ให้แน่ชัด เพราะถึงอย่างไร มูลค่าของยาเม็ดเพิ่มความงามก็สูงลิ่วจนคุ้มค่ากับทุกความพยายาม

หยิงเฟยรีบหาที่ซ่อนตัวแถวนั้น

ไม่ช้า ร่างหนึ่งก็ปรากฏที่บริเวณทางเข้าบ้านพักและยื่นสมุดแนะนำตัวให้เหล่าองครักษ์

แอ๊ดดดด!

ครู่ต่อมา ประตูบ้านพักก็เปิดออกอีกครั้ง

เท่าที่ดูจากรูปร่าง หยิงเฟยคาดว่าผู้นั้นจะต้องเป็นสุภาพสตรีที่มีเรือนร่างเย้ายวนคนหนึ่ง เขาค่อยๆปีนขึ้นไปบนต้นไม้ จากนั้นก็แอบมองสวนของบ้านพักผ่านใบไม้ดกหนาที่บดบัง

“นั่นมันฉีหลิงเอ๋อ, ผู้จัดการตลาดมืดใต้ดินไม่ใช่หรือ!” หยิงเฟยอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

ในฐานะผู้ช่วยและคนสนิทของท่านเจ้าเมือง ไม่มีทางที่เขาจะจำเธอไม่ได้

เมื่อกี้นี้เธอยังขายยาเม็ดเพิ่มความงามอยู่ที่ตลาดตะวันรอนไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ๆถึงมาปรากฏตัวที่นี่?

เมื่อรู้สึกได้ว่าน่าจะมีอะไรบางอย่าง หยิงเฟยตั้งใจฟังหูผึ่งเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่พลาดข้อมูลสำคัญ

“ฉีหลิงเอ๋อคารวะพ่อบ้านซุน!” ฉีหลิงเอ๋อประสานมือและโค้งคำนับด้วยท่าทีเคารพนบนอบจนน่าประหลาดใจ

“อือ ไม่ทราบว่าคุณมาเยือนที่นี่ด้วยเหตุผลใด?” ซุนฉางถาม

แม้ภายนอกเขาจะดูสุขุม แต่อันที่จริงก็เริ่มวุ่นวายใจ

พวกเขาเพิ่งมาถึงได้เพียงวันเดียว แต่เมื่อครู่นี้ ชายชราคนหนึ่งก็เพิ่งมาเยือนพร้อมกับเรียกร้องขอซื้อสูตรยาเม็ดเพิ่มความงาม และเพียงไม่นานหลังจากที่ชายชราจากไป สุภาพสตรีอีกคนก็มาเคาะประตูบ้าน…

นายน้อยทำอะไรลงไปในช่วงเวลาเพียงคืนเดียวที่แยกกันกับพวกเขา?

“ยาเม็ดเพิ่มความงามคือการร่วมงานกันระหว่างตัวฉันกับนายน้อยจางเซวียน ภายใต้ข้อตกลงก่อนหน้านี้ เราคุยกันไว้ว่าจะแบ่งผลกำไรกันคนละครึ่ง แต่หลังจากฉันใคร่ครวญดูอีกที ก็ตัดสินใจว่าจะมอบผลกำไร 90% ให้นายน้อยจางเซวียนเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนความจริงใจของเรา ไม่เพียงเท่านั้น ทางเราจะแบกรับต้นทุนเองด้วย!”

ฉีหลิงเอ๋อยิ้มให้อย่างจริงใจ จากนั้นก็นำบัตรใบหนึ่งออกจากแหวนเก็บสมบัติและยื่นให้ซุนฉางอย่างนอบน้อม “ที่อยู่ในบัตรใบนี้คือผลกำไรที่เราได้จากการขายเมื่อครู่ รวมแล้วก็น่าจะมี 28,000 เหรียญสวรรค์อยู่ในนั้น อีกอย่าง เรายังได้จัดหาสมุนไพรที่นายน้อยจางเซวียนต้องการมารวมไว้ในแหวนเก็บสมบัติแล้ว ไม่ทราบว่าตอนนี้นายน้อยจางเซวียนอยู่ไหน? จะถือเป็นเกียรติมากหากฉันได้คารวะเขา…”

“ต้องขออภัยด้วย แต่ตอนนี้นายน้อยไม่อยู่” ซุนฉางตอบ

“อ้อ ดูเหมือนฉันจะมาผิดเวลา แต่เอาเถอะ ฉันไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ…” ฉีหลิงเอ๋อประสานมืออีกครั้งก่อนจะกลับออกมาจากบ้านพัก

“พวกนั้นแบ่งผลกำไรกันในอัตราส่วน 9 ต่อ 1? แถมจางเซวียนคือผู้ที่ได้ไปถึง 90%?”

หยิงเฟยกัดฟันกรอดเมื่อเห็นภาพนั้น

เขาติดตามความเคลื่อนไหวของฉีหลิงเอ๋อมาหลายปี รู้จักนิสัยและบุคลิกของอีกฝ่ายดี เธอเป็นคนฉลาด และไม่รีรอที่จะเอาเปรียบคนอื่นเพื่อหากำไร และในฐานะทายาทของตระกูลฉีแห่งเมืองหลวง เธอจึงไม่เกรงกลัวกลุ่มอำนาจใดๆทั้งสิ้นในเมืองตะวันรอน

อันที่จริง แม้แต่กับท่านเจ้าเมือง เธอก็ไม่ได้เคารพเขามากนัก

ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น เธอคงไม่อาจหาญเปิดตลาดมืดใต้ดินที่นี่ แถมยังค้าขายสินค้าต้องห้ามทุกชนิด

แต่ใครคนหนึ่งกำลังบงการให้เธอทำตัวว่าง่ายราวกับเด็กดี เธอเต็มใจมอบผลกำไรถึง 90% ให้เขาและแบกรับต้นทุนด้วย!

เขาไม่คิดเลยว่าจะมีใครในเมืองตะวันรอนที่มีอิทธิพลต่อฉีหลิงเอ๋อขนาดนี้

ดูเหมือนฉีหลิงเอ๋อจะรู้จักตัวตนและพละกำลังที่แท้จริงของจางเซวียน ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีวันแสดงออกแบบนี้…หยิงเฟยคิด

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขารู้สึกดีใจที่เมื่อครู่นี้เก็บกิริยาไว้

ถ้าเขาเล่นงานพ่อบ้านซุน คงถูกเตะโด่งไปถึงประตูโลกบาดาลแน่

“ต้องรีบรายงานเรื่องนี้ต่อท่านเจ้าเมือง…”

รู้ดีว่าเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน หยิงเฟยรีบกลับสู่คฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง

“คุณบอกว่าจางเซวียนคนนั้นทำให้อสูรเกราะเรืองแสงยอมจำนนได้ และฉีหลิงเอ๋อก็คารวะพ่อบ้านของเขา แถมยังเต็มใจมอบผลกำไรจากการขายยาเม็ดเพิ่มความงามถึง 90% ให้เขาด้วย?” อู๋ฟังชิงแทบไม่เชื่อหู

เมื่อครู่นี้เขายังคิดอยู่ว่า ต่อให้จางเซวียนจะเป็นบุคคลที่น่าทึ่งขนาดไหน เขาก็คงใช้อิทธิพลในฐานะเจ้าเมืองครอบงำอีกฝ่ายได้ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาประเมินความสามารถของชายหนุ่มต่ำไป!

“เรื่องนั้นน่ะไม่ต้องสงสัยเลย ผมเห็นมากับตา” หยิงเฟยพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น ราวกับเกรงว่าเจ้าเมืองจะไม่เชื่อคำพูดของเขา

“ว่ากันว่าอสูรเกราะเรืองแสงมีประสิทธิภาพการป้องกันตัวอันน่าทึ่ง แม้ตอนนี้มันจะมีวรยุทธแค่ระดับเทพเจ้าขั้นสูง แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าผมเลย ผมเคยยื่นข้อเสนอเป็นของล้ำค่ามากมายให้มัน แต่แทนที่จะยอมจำนนให้ผม กลับเลือกยอมจำนนให้หมอนั่น!”

“และก็อย่างที่คุณบอก ท่าทีประหลาดของฉีหลิงเอ๋อที่มีต่อเขาถือว่าน่าสงสัยมาก เราต้องสืบเสาะภูมิหลังของเขาให้ละเอียดกว่านี้…” อู๋ฟังชิงพูดอย่างเคร่งเครียด

เมืองตะวันรอนไม่เคยขาดแคลนนักรบผู้ปราดเปรื่อง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเจอคนประหลาด!

“ติดตามการเคลื่อนไหวของฉีหลิงเอ๋อหลังจากที่เธอพบจางเซวียนที่ตลาดมืดใต้ดิน เธอจะต้องสะดุดกับข้อมูลสำคัญบางอย่างของเขาแน่ ถึงได้เปลี่ยนท่าทีเรื่องการจัดสรรผลกำไรอย่างกะทันหันแบบนี้” อู๋ฟังชิงสั่งการ

“รับทราบ!” หยิงเฟยพยักหน้าก่อนจะออกจากห้อง

ราว 1 ชั่วโมงต่อมา เขาก็กลับมารายงาน “ท่านเจ้าเมืองอู๋ ผมประมวลรายละเอียดเรื่องความเคลื่อนไหวของฉีหลิงเอ๋อแล้ว หลังจากได้พบจางเซวียน เธอก็มุ่งหน้าไปที่สระบาดาลของตำหนักบาดาลทันที!”

“สระบาดาล…เธอพยายามจะทดสอบสายเลือดของจางเซวียนหรือ?” อู๋ฟังชิงขมวดคิ้ว

ประโยชน์ข้อใหญ่ที่สุดของสระบาดาลก็คือความสามารถในการทดสอบสายเลือดของนักรบคนหนึ่ง มีความเป็นไปได้ว่าฉีหลิงเอ๋ออาจสะดุดเข้ากับความลับสำคัญบางอย่างหลังจากไปที่สระบาดาล นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงท่าทีครั้งใหญ่

หยิงเฟยพยักหน้า “ผมก็เชื่อว่าอย่างนั้น เพียงแต่ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ขุดคุ้ยลึกลงไปกว่านี้”

“ไม่เป็นไร ผมจะไปตรวจสอบที่นั่นด้วยตัวเอง” อู๋ฟังชิงตอบ

เขาตรงไปที่สระบาดาล จากนั้นก็โบกมือ แล้วเครื่องมือบันทึกภาพที่มีลักษณะเหมือนคริสตัลก็ลอยเข้าสู่มือของเขา

อู๋ฟังชิงถ่ายทอดพลังงานสวรรค์เข้าไป ภาพของฉีหลิงเอ๋อค่อยๆปรากฏ

“เทพเจ้าสวรรค์สร้างอู๋เจียงยอมจำนนให้เขา?”

“ราชันย์เทพเจ้าแห่งเปลวเพลิงแผดเผาก็โค้งคำนับให้เขาเช่นกัน…”

“นั่นมันราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหนานกงผิงใช่ไหม? เขาก็คารวะจางเซวียนด้วย?”

อู๋ฟังชิงงุนงงอย่างหนักถึงขนาดกัดลิ้นตัวเองโดยไม่รู้ตัว

การทดสอบสายเลือดของสระบาดาลขึ้นชื่อเรื่องความแม่นยำอย่างไร้ที่ติ และข้อเท็จจริงที่ว่าแม้แต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติก็ยอมจำนนให้เขา นั่นหมายความได้อย่างเดียว…

คือจางเซวียนมีสายเลือดของจอมราชันย์!

ใครๆก็รู้ว่าทั้งสรวงสวรรค์มีจอมราชันย์เพียง 10 คน และหนึ่งในนั้นก็เพิ่งปรากฏตัวได้ไม่นาน…

อู๋ฟังชิงแทบจะประเมินไม่ถูกว่าสถานภาพของจางเซวียนจะสูงส่งขนาดไหนถ้าเขาเป็นทายาทของจอมราชันย์คนใดคนหนึ่งจริงๆ

เป็นไปได้ไหมว่าชายหนุ่มปลอมตัวมาเพื่อฝึกฝนตัวเอง?

“เร็วเข้า รีบเตรียมของกำนัล! ผมจะไปคารวะนายน้อยจางเซวียนเดี๋ยวนี้แหละ!”

อู๋ฟังชิงจ้ำออกจากสระบาดาล จากนั้นก็รีบสั่งการหยิงเฟย

“อ้อ รอเดี๋ยว ถ้าผมจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้เฉียวเฉี่ยวก็ดูจะมีเรื่องกับนายน้อยจางเซวียน จัดการให้เธอไปคุกเข่าหน้าบ้านพักของเขาเพื่อร้องขอการยกโทษจากเขาด้วย!”

“ได้ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” หยิงเฟยตอบขณะรีบเดินทางกลับคฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง

…..

“คุณน่าจะรู้จักท่านเจ้าเมืองดีนะ เพราะเขาพยายามทำให้คุณยอมจำนนมาแล้วหลายครั้ง…แท้ที่จริงเขาเป็นคนอย่างไร? ทรงพลังแค่ไหน?”

ขณะที่ตึกรามบ้านช่องโอ่อ่าของเมืองตะวันรอนเริ่มปรากฏที่ขอบฟ้า จางเซวียนก็หันมาตั้งคำถามกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ

ไม่ว่าอย่างไร ความจริงก็คือตอนนี้เขาพักอยู่ในเมืองตะวันรอน คงจะดีที่สุดหากป้องกันไว้ก่อนในทุกวิถีทางที่ทำได้ เพราะไม่อย่างนั้น เมื่อเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา คงไม่มีใครช่วยพวกเขาได้เลย

“หมอนั่นมีวรยุทธระดับเทพพระเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำและทรงพลังมาก ก่อนที่ผมจะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ ผมแค่ต้านทานการโจมตีของเขาได้ แต่ส่วนการตอบโต้นั้นไม่มีหวัง เหตุผลเดียวที่ผมยังยืนหยัดได้นานขนาดนี้ก็เพราะเขาไม่ได้จงใจจะฆ่าผมจริงๆ ไม่อย่างนั้นผมคงตายไปนานแล้ว!” จางเจี้ย, อสูรเกราะเรืองแสงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะให้คำตอบ

‘ประสิทธิภาพการโจมตีที่ไม่มีใครเทียบได้’ ของมันใช้ได้กับนักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงเท่านั้น หากเป็นนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำซึ่งมีวรยุทธเหนือกว่า ก็แน่นอนว่าการป้องกันตัวของมันย่อมอ่อนด้อยลงไป

“แล้วตอนนี้ล่ะ?”