ร่างกายหลานเยวี่ยหลีสั่นเทาด้วยความตกใจ ทว่านางมองเข้าไปในดวงตาของซูเซียนฮุ่ยอย่างไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
แม้ดวงตาของนางจะมองไม่เห็นอีกต่อไป ทว่าแววตายั่วยุทั้งสองข้างของหลานเยวี่ยหลีนั้นหนาวสุดขั้วจนนางยังรู้สึกได้
ซูเซียนฮุ่ยกำลังจะพลิกกระบี่ในมือปาดไปที่ลำคอของหลานเยวี่ยหลีโดยไม่ลังเล สถานการณ์เช่นนี้ หลานเยวี่ยหลีต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่า จู่ๆ ก็มีมีดสั้นบินโฉบมากระแทกกระบี่ของซูเซียนฮุ่ย ทำให้ซูเซียนฮุ่ยต้องถอยหลังไปสองสามก้าวเพื่อหลบ
“ผู้ใด! ” นางพูดขึ้นอย่างระวัง
เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวนั้นไม่ใช่อนุซุน นอกจากนี้หลานเยวี่ยหลีกับเซี่ยตงก็ไม่สามารถต้านทานได้อีกแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้กระบวนท่ารุนแรงเช่นนี้ได้
ผู้ใดกันแน่?
เมื่อสิ้นเสียงของซูเซียนฮุ่ย ลึกเข้าไปในป่าไผ่ มีเสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น “คุณหนูใหญ่ พวกเราเจอกันอีกแล้ว สบายดีหรือไม่! ”
แม้ดวงตาจะมองไม่เห็น ทว่าดูเหมือนใบหูของซูเซียนฮุ่ยจะไวกว่าเมื่อก่อนเป็นเท่าตัว เมื่อเสียงดังขึ้น นางก็ฟังเสียงผู้พูดออก
“อนุปี้? ”
“ไม่ผิด ข้าเอง! ” อนุปี้ได้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว
ซูเซียนฮุ่ยกัดฟันกรอด “นางแพศยา เจ้า… เจ้ามีวรยุทธ์ ด้วยหรือ? ”
ในตอนนั้นที่อนุปี้ถูกเลี้ยงดูนอกเรือน นางไม่มีอันใดดีสักอย่าง ไม่คิดว่าสุดท้าย นอกจากนางจะมีวิชาแพทย์ติดตัวแล้วยังมีวรยุทธ์อีกด้วย
ปิดบังความจริงพวกเขามันลำบากมากจริงๆ !
“นางแพศยา เจ้าฆ่าบิดาข้า ซ้ำยังฆ่ามารดาและน้องชายของข้า เจ้ายังกล้ากลับมาอีกหรือ? ”
คนที่มานั้นมีอนุปี้กับซูอวี้
อนุปี้เหลือบมองซูอวี้ ซูอวี้เดินไปพยุงหลานเยวี่ยหลี อนุปี้ชักกระบี่อ่อนออกจากเอวและชี้ไปทางซูเซียนฮุ่ย
“การเสียชีวิตของนายท่านเป็นอุบัติเหตุ การเสียชีวิตของฮั่วซื่อและซูจวิ้นคือการหาเรื่องใส่ตัว ทว่าในฐานะบุตรสาวคนโตของสกุลซู ไปสมรู้ร่วมคิดกับคนแคว้นไหวเจียง ทำร้ายราษฎรแคว้นจงหนิง เจ้าไม่กลัวว่าตายไปจะไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษสกุลซูในปรโลกหรือ? ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า… ” ซูเซียนฮุ่ยหัวเราะคำโต นางหัวเราะจนเลือดไหลออกมาจากเบ้าตา “บรรพบุรุษ… ซูเซียนฮุ่ยยังมีบรรพบุรุษอยู่อีกหรือ? ตั้งแต่ซูจ้งหลอกลวงมารดาข้า มอบแผ่นป้ายคำสั่งตระกูลให้ซูจิ่นซี นางแพศยานั่น อีกทั้งตอนที่มารดากับน้องชายข้าตายอย่างอนาถ ซูจิ่นซีก็ได้แต่งตั้งนางแพศยาอย่างเจ้าเป็นฮูหยิน ข้าก็ไม่มีบรรพบุรุษแล้ว ฮ่า ฮ่า… ”
“เซียนฮุ่ย กลับใจเถิด! อย่างไรเสีย พระชายาโยวอ๋องในวันนี้ก็เป็นน้องสาวของเจ้า ขอเพียงนางเอ่ยปาก โยวอ๋องย่อมอภัยโทษให้เจ้าแน่นอน ขอเพียงเจ้ากลับตัวกลับใจเท่านั้น” อย่างไรเสีย นางก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของซูจ้ง อนุปี้ยังเห็นแก่ไมตรีจิตและความรักใคร่ของซูจ้งอยู่
กลับไม่คิดว่าคำพูดเหล่านี้จะเสียดแทงหัวใจของซูเซียนฮุ่ยจนเจ็บปวดอย่างรุนแรง
ในตอนนั้น นางได้แย่งเยี่ยเซิน คู่หมั้นของซูจิ่นซีโดยคิดว่าจะทำให้ซูจิ่นซีอับอายขายขี้หน้าและเหยียบย่ำหัวใจของนางได้ กลับไม่คิดว่าซูจิ่นซีจะไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งพระชายาโยวอ๋องในอีกไม่นาน นางปลาบปลื้มโยวอ๋อง และไม่คิดเลยว่าโยวอ๋องจะไม่ชายตามองนางแม้แต่น้อย
นางเพียงไม่เข้าใจว่าซูจิ่นซีมีดีอันใด? เหตุใดทุกคนบนโลกถึงสนใจนาง แม้กระทั่งสวรรค์ก็ยังช่วยนาง?
“ถุย! ” ซูเซียนฮุ่ยถ่มน้ำลายอย่างแรง ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว “คนที่เกี่ยวข้องกับซูจิ่นซี นางแพศยานั่น ล้วนไม่มีอันใดดีสักคน”
นางพูดพลางกระโจนใส่อนุปี้มือเปล่า ในไม่ช้า ทั้งสองก็ต่อสู้กัน
เดิมทีหลานเยวี่ยหลีไม่ได้กลัวซูเซียนฮุ่ย และคิดจะปกป้องเซี่ยตงด้วยร่างกายตนเอง ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ตอนที่เห็นซูอวี้ ร่างกายของนางเริ่มสั่นเทาขึ้นมา ใบหน้าซีดเผือด
“คุณหนูเยวี่ยหลี ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? สบายดีหรือไม่? ” ซูอวี้พุ่งไปอยู่ข้างกายหลานเยวี่ยหลีและคิดจะพยุงนาง ทว่ายื่นมือออกไปได้ครึ่งเดียวก็หยุดค้าง
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ หลานเยวี่ยหลีไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพวกนี้ นางเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “ข้า… ข้าไม่เป็นอันใด ทว่าเซี่ยตงได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณชายอวี้ ท่านมียาห้ามเลือดหรือไม่? ”
ในฐานะหมอ ยาห้ามเลือดเป็นสิ่งที่ต้องพกติดตัวเสมอ ซูอวี้รีบหยิบขวดยาออกมาจากแขนเสื้อและยื่นให้หลานเยวี่ยหลี
หลานเยวี่ยหลีรับมาและมอบยาห้ามเลือดให้เซี่ยตงทันที
ยาห้ามเลือดทั้งขวดถูกโรยลงบนบาดแผล ทว่ามันกลับไม่มีผลอันใดแม้แต่น้อย เลือดยังคงไหลออกมาจากบาดแผลราวกับน้ำพุ ใบหน้าของเซี่ยตงซีดขาวไร้เลือดฝาด
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ไม่มีผลได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้? ” หลานเยวี่ยหลีเห็นว่ายาห้ามเลือดสลายไปพร้อมกับเลือด นางจึงใช้มือกดบาดแผลไว้แน่น น้ำตาไหลอาบแก้มไม่หยุด
เซี่ยตงยื่นมือออกมาจับนิ้วที่สั่นเทาไม่หยุดเพราะความกลัวของหลานเยวี่ยหลี “คุณหนู ไม่ต้องแล้ว คุณหนู! ”
“เป็นไปได้อย่างไร? ยาไม่ได้ผลก็ต้องฝังเข็ม คุณชายอวี้ได้โปรด ช่วยเซี่ยตงได้หรอไม่? ข้าขอร้อง คุณชายอวี้ ช่วยนางด้วย… ”
หลานเยวี่ยหลีร้องไห้อย่างหนัก วิชาแพทย์ของนางยังไม่คืบหน้า ห่างชั้นซูอวี้อยู่ไกลมาก นางคิดว่า ขอเพียงซูอวี้ลงมือจะต้องช่วยเซี่ยตงได้แน่นอน
ซูอวี้มองเซี่ยตงที่บาดเจ็บ และมองไปยังใบหน้าที่กำลังร่ำไห้ของหลานเยวี่ยหลีด้วยสีหน้าลำบากใจ
ในความคิด แม้หลานเยวี่ยหลีจะเกิดมาบอบบาง ทว่ากลับเป็นสตรีที่แน่วแน่และดื้อรั้นอย่างมาก นางไม่เคยขอร้องเรื่องอันใดด้วยตนเองมาก่อน นอกจากนี้ยังขอร้องอย่างจริงใจด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
เขาอยากช่วยนาง ทว่ามันสายเกินไปเสียแล้ว
เซี่ยตงบาดเจ็บตรงจุดสำคัญ นางสามารถยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้นับว่าไม่ง่าย นอกจากนี้ เลือดในร่างกายส่วนใหญ่ไหลจนเหือดแห้งแล้ว แม้ห้ามเลือดไปก็ไม่มีประโยชน์
“แม่นางเยวี่ยหลี… ”
ซูอวี้กล่าวออกมาสี่คำเพื่อจะอธิบาย ทว่ากลับถูกเซี่ยตงพูดแทรก
“คุณชายอวี้ คุณหนูของบ่าว… แม้คุณหนูของบ่าวจะเกิดในสกุลมีชื่อเสียง ทว่า… ทว่าโชคชะตาอาภัพ บ่าว… บ่าวจากไป ไม่รู้วันข้างหน้าคุณหนูจะเป็นเช่นไร คุณชายอวี้… ท่านได้โปรด… ท่านได้โปรดดูแลคุณหนูของเราให้ดี ท่านได้โปรด… ”
“เซี่ยตง… ” พอรู้ว่าเซี่ยตงกำลังเอ่ยคำลา หลานเยวี่ยหลีก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น
ซูอวี้ขมวดคิ้วแน่นโดยไม่พูดสิ่งใด
เซี่ยตงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “คุณชายอวี้ บ่าว… บ่าวรู้ว่าเรื่องนี้ยากลำบาก นอกจากนี้… นอกจากนี้ท่านยังไม่มีวรยุทธ์ ทว่า… ทว่าวันนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถปกป้องคุณหนูของเราได้ คุณชายอวี้… ได้โปรด… ขอร้องท่านแล้ว”
ซูอวี้พยักหน้า
เซี่ยตงสำลักในลำคอ ก่อนจะแน่นิ่งและสิ้นลมหายใจ
เมื่ออนุซุนเห็นว่าซูเซียนฮุ่ยกำลังสกัดอนุปี้ แววตาของนางก็หยุดอยู่ที่ร่างของหลานเยวี่ยหลี นางกระโดดขึ้นพุ่งไปหาหลานเยวี่ยหลี หลานเยวี่ยหลีและซูอวี้กำลังจดจ่ออยู่ที่ร่างของเซี่ยตงโดยไม่ได้ระวังรอบข้าง อนุซุนดึงหลานเยวี่ยหลีไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
“เจ้าปล่อยข้า เซี่ยตง… เซี่ยตง… ”
“หุบปาก! ” อนุซุนตวาด “แม้ประมุขหลานกับกงจู่ต้องการจับเป็นเจ้า ทว่าหากเจ้าไม่รู้จักชั่วดี ข้าก็ไม่สนว่าจะพาศพเจ้ากลับไปแทน”
“อนุซุน? ” ซูอวี้กล่าว “เจ้าจับคุณหนูเยวี่ยหลีไปเพื่ออันใด? เจ้าปล่อยนาง! ”
เขาพูดพลางยกมือขว้างเข็มพิษออกไป
อนุซุนหลบได้อย่างง่ายดาย “เด็กเหลือขอ เจ้ากล้าดีลงมือกับข้าหรือ? น่าเสียดาย วันนี้ข้าไม่มีเวลาโต้ตอบผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง”
พูดจบ นางก็พาหลานเยวี่ยหลีเหาะขึ้นไป