ในขณะเดียวกัน ปากของชายชราก็ท่องคาถาไปเรื่อยๆ ที่แสงสว่างวาบที่บริเวณด้านหน้าของเขา ทันใดนั้นก็มีอักขระวิญญาณสีเขียวดำปรากฏขึ้นมา จากนั้นมันก็กระจายออกไปด้วยความรวดเร็ว พุ่งแทรกซึมเข้าไปในเกือบทุกตารางนิ้วของพื้นหนัง พร้อมวิ่งวนไปทั่วทั้งร่างกาย

เมื่อมองจากที่ไกลๆ เหมือนว่าชายชราผู้นั้นมีหนอนตัวยาวสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพันร่างกายอยู่ ดูน่าประหลาดใจอย่างมาก

แต่ในเวลาเดียวกันนั้นหนึ่งในชายชราสองคนนั้นได้นำฆ้องสีเลือดออกมาตั้ง หลังจากเสียงเคาะหนึ่งครั้ง ผมสีบนศีรษะก็ชี้ตั้งขึ้น จากนั้นมีก็กลายร่างเป็นงูสีขาวมีปีกทันที แล้วบินตรงไปปะทะกับผีเสื้อกลืนกระดูกที่ด้านหลัง

ส่วนชายชราอีกคนก็ยกมือขึ้น พร้อมเรียกน้ำเต้าสีขาวออกมา หลังจากที่ปล่อยมันลงไปแล้ว หมอกสีดำๆ ก็ปรากฏขึ้น จากนั้นมันก็รวมตัวกันเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ ที่กลางฝ่ามือนั้นมีปากแปลกๆ ปรากฏขึ้นมา พร้อมส่งเสียงกรีดร้องประหลาด จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังหัวกะโหลกที่อยู่อีกด้านหนึ่ง

สิ่งมีชีวิตทั้งสี่กลุ่มนี้ดูแปลกประหลาดกว่าพวกมารในโลกภายนอกเสียอีก หลังจากที่พุ่งเข้าหากัน พวกเขาก็กัดกันทันที ทันใดนั้นก็มีเสียง “ตุ้บ” เหมือนของหล่นทันที

แม้ว่าฝ่ามือสีดำและงูมีปีกสีขาวจะดูดุร้ายมาก แต่เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกะโหลกสีเลือดและผีเสื้อกลืนกระดูก ทั้งสองคนนั้นกระอักเลือดออกมาทันที ด้วยเปลวเพลิงสีเขียว พวกเขาก็ค่อยๆ หล่นลงพื้นมาทีละคน ใช้เวลาการต่อสู้เพียงครู่เดียวแต่ทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าครึ่งได้

อีกทั้งวิญญาณโลหิตและผีเสื้อกระดูกเหล่านี้ โดนทำลายไปแค่สิบกว่าตัวเท่านั้น

ทุกครั้งที่สูญเสียฝ่ามือสีดำและงูมีปีก กล้ามเนื้อบนใบหน้าของผู้อาวุโสแซ่อู๋ก็อดกระตุกไม่ได้ ท่าทางดูเสียใจอย่างมาก

แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่ามือแปลกๆ และงูมีปีกสีขาวนั้นหายไปทั้งหมด พวกวิญญาณโลหิตและผีเสื้อกลืนกระดูกก็หันมาโจมตีทางนี้ และเหมือนจะดุเดือดกว่าเมื่อครู่ด้วย

หลังจากที่ชายชราทั้งสองคนสบสายตากัน ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนเสียงดังขึ้นมา จู่ๆ ด้านหลังของพวกเขาก็มีภาพมายาปลาหมึกยักษ์ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา จากนั้นพวกมันก็เอาหนวดทั้งสิบยืดออกไปจากร่างกายทันที

หนวดแต่ละเส้นนั้นมีความยาวมากกว่าสิบจั้ง ผิวหนังของมันเต็มไปด้วยอักษรรูนสีเขียวดำ ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ก็สามารถทำให้วิญญาณโลหิตทั้งหมดโดนทำลายได้

ส่วนอีกด้านชายชราคนที่กำลังเผชิญหน้ากับผีเสื้อกลืนกระดูก เขาสะบัดนิ้วเบาๆ เล็บก็กลายเป็นมีดขนาดเล็ก แล้วกวาดไปที่ความว่างเปล่าด้านหน้าทันที

แสงสีเลือดปรากฏขึ้น!

แขนข้างนั้นหลุดออกมา แล้วระเบิดตัวเองกลายเป็นเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่ตรงหน้า

จากนั้นชายชราคนนั้นก็สะบัดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นรอยสักรูปแมลงยักษ์ท่าทางดุร้ายเจ็ดถึงแปดตัวที่บริเวณหน้าอก

ไม่รู้ว่าชายชราผู้นี้แอบใช้วิชาลับแบบใด แต่หลังจากที่รอยสักนั้นเปล่งแสงขึ้นมา พวกมันก็ทยอยๆ พุ่งออกมาจากร่างกายของเขา กลายเป็นแมลงขนาดใหญ่ขนาดสิบจั้ง พริบตาเดียวก็กลืนกินเนื้อที่อยู่ด้านหน้าของเขาจนสะอาด

ชายชราผู้นั้นมองด้วยสายตาเย็นชา ในใจก็กระตุ้นเคล็ดวิชาลับขึ้นมา

ทันใดนั้นเองแมลงยักษ์พวกนั้นก็บิดเบี้ยวไปมา ไม่เพียงแต่มีหนามแหลมแทงออกมาจากร่างกาย ผิวหนังก็เปลี่ยนเป็นสีทอง จากนั้นมันก็ส่งเสียงคำรามแล้วมุ่งหน้าเข้าโจมตีผีเสื้อกลืนกระดูกพวกนั้น

ทุกครั้งที่ปะทะกัน ตัวอักษรใต้ผิวหนังของมันก็สว่างวาบขึ้น จากนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องดังโครมคราม ราวกับว่าพวกนั้นโดนโจมตีโดยตรง

เห็นได้ชัดว่าพลังทั้งสองสายนี้เป็นพลังเหนือธรรมชาติ ตอนนั้นเองเขาได้ป้องกันไม่ให้วิญญาณโลหิตและผีเสื้อกลืนกระดูกเข้าใกล้ได้แล้ว

ในขณะเดียวกันชายชราแซ่อวี๋ที่อยู่ภายใต้การคุมกันของสหายทั้งสอง หลังจากที่รอยสักสีเขียวดำรวมตัวควบแน่นแล้ว ก็กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดแปดขา ผิวหนังสีเขียวเหมือนผิวของปีศาจ ทำให้คนที่เห็นต้องรู้สึกหวาดกลัวอย่างแน่นอน

จู่ๆ ชายชราผู้นี้ก็กรีดร้องเสียงดังลั่น บนร่างกายมีไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา และห่อหุ้มตัวของเขาเอาไว้ คล้ายกับรังไหมขนาดยักษ์ จากนั้นมันก็หมุนวนไปมาอย่างบ้าคลั่ง

ทันใดนั้นภายในรังไหมก็มีเสียงคำรามดังลั่นออกมา

จากนั้นค่ายกลที่วางเอาไว้อยู่ก็เริ่มปริแตก ปราณมารสีเขียวเข้มก็พวยพุ่งออกมา

“ตู้ม” หลังจากเสียงนั้นดัง ปราณสีเขียวที่อยู่ในรังไหมก็ระเบิดออกมา ปีศาจแปดแขนใบหน้าดุร้ายก็ปรากฏออกมาจากด้านใน

ส่วนสูงของปีศาจตนนี้สูงกว่าปกติ ใบหน้าดุร้าย ผิวหนังเป็นสีเขียวทั่วทั้งร่าง ดวงตาที่เคยปิดสนิท ก็ค่อยลืมตาขึ้นมา พร้อมแสงสีเขียวกะพริบขึ้น

ชายชราอีกสองคนเหมือนว่าจะต้านทานวิญญาณโลหิตและผีเสื้อกลืนกระดูกไม่ไหวแล้ว โลหิตวิญญาณครึ่งหนึ่งกลายเป็นเลือดแล้ว

ส่วนหนอนยักษ์เกือบครึ่งก็ถูกผีเสื้อกลืนกระดูกกินไปหมดแล้ว

แต่เมื่อทั้งสองเห็นปีศาจแปดแขนปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง พวกเขาก็รู้สึกดีใจกันอย่างมาก พวกเขาเก็บวิชาลับและหนอนยักษ์ออกไปให้หมด ขณะเดียวกันก็ถอยไปยืนอยู่ที่ข้างเพื่อนร่วมทาง

เมื่อวิญญาณโลหิตและผีเสื้อกลืนกระดูกไม่มีคู่ต่อสู้ พวกมันก็ตามพวกเขาสองคนไป พร้อมกับปิดทางล้อมไว้อย่างไม่เกรงใจ

จากภาวะอันตรายอย่างมาก ในที่สุดปีศาจแปดแขนก็ลงมือ

ทันทีที่ปีศาจแปดแขนลงมือ แขนสี่ข้างของเขาก็สว่างขึ้น ทันใดนั้นกลางฝ่ามือของเขาก็มีแสงสีทองปรากฏขึ้น แสงแต่ละแสงมีอักษรจ้วนทองปรากฏขึ้นพร้อมกันด้วย ชั่วพริบตาเดียว พวกมันก็ขยายขนาดขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีเสียงภาษาสันสกฤตดังออกมาจากด้านในด้วย จากนั้นรัศมีลำแสงเจ็ดสีก็พุ่งออกมา

แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ หลังจากที่วิญญาณโลหิตและผีเสื้อกลืนกระดูกสัมผัสรัศมีลำแสงเจ็ดสีนี้แล้ว พวกมันก็หยุดชะงักกลางอากาศ

วินาทีถัดมา รัศมีลำแสงเจ็ดสีพัดผ่านไปอีกครั้ง พวกมันทั้งสองก็กลายเป็นเถ้าธุลี

รัศมีลำแสงเจ็ดสีเหมือนจะมีพลังที่แปลกประหลาด ที่สามารถะจัดการพวกมันทั้งสองได้พอดี

ใช้เวลาเพียงไม่นาน วิญญาณโลหิตและผีเสื้อกลืนกระดูกจำนวนมากก็หายไปในความว่างเปล่าแล้ว

แต่ว่าเมื่อปราณของปีศาจแปดแขนค่อยๆ จางลง รัศมีลำแสงเจ็ดสีค่อยๆ หายไป แขนทั้งแปดข้างก็หายไป ผิวหนังปริแตกตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นค่อยเผยผู้อาวุโสอู๋ที่ซ่อนอยู่ภายใน

แต่ว่าเขาในตอนนั้นก็มีใบหน้าซีดขาว ลมหายใจแผ่วเบา เหมือนว่าสูญเสียพลังไปไม่น้อยเลยทีเดียว

“โชคดีที่พวกเราสามคนมาพร้อมกัน หากขาดไปแค่คนหนึ่งล่ะก็ ไม่แน่ว่าวันนี้พวกเราอาจจะต้องเสียเปรียบจริงๆ” ผู้อาวุโสแซ่อวี๋ถอนหายใจออกมา เขารู้สึกว่าโชคดีมาก

“เป็นเช่นนั้น แม้ว่าพวกเราจะรู้อยู่แล้วว่าคุกโลหิตจะต้องฝ่าเข้าไปอย่างยากมากแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีของน่ากลัวเช่นวิญญาณโลหิตและผีเสื้อกลืนกระดูกอยู่ด้วย หากมาที่นี่คนเดียวล่ะก็ จะต้องตายแน่นอน” ผู้อาวุโสอู๋พูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม

“แต่ว่า ในเมื่อของสองสิ่งนี้ปรากฏออกมาแล้ว หมายความว่าพวกเราอยู่ห่างจากประตูคุกโลหิตไม่ไกลแล้วล่ะ ถ้าคิดแบบนี้ก็ถือว่าเป็นข่าวดีนะ” ผู้อาวุโสคนสุดท้ายพูดอย่างยิ้มๆ

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นแล้วกัน ไปกันเถอะ รีบทำเวลา หวังว่าครั้งนี้ข้าจะได้รับเสื้อคลุมที่สืบทอดมาของอรหันต์เทียนติ่งนะ” ผู้อาวุโสอู๋พยักหน้า

ทั้งสามก็ออกเดินทางอีกครั้ง และมุ่งหน้าตามเส้นทางเดิม

หลายวันต่อมา ท่ามกลางเมืองน้ำแข็ง มีวานรยักษ์สามเศียรหกกรตัวหนึ่งที่มีขนาดมากกว่าร้อยจั้ง ในมือของเขาแต่ละข้างถือดาบสีทองขนาดใหญ่ เมื่อฟันไปก็กลายเป็นพายุสีทองเข้าโจมตีมังกรน้ำแข็งสองตัวอย่างบ้าคลั่ง

มังกรตัวนี้มีขนาดห้าร้อยถึงหกร้อยจั้ง ทั่วทั้งร่างกายของมันเต็มไปด้วยเกล็ดคริสตัล มันบินวนไปมา จนทำให้เกิดระเบิดหิมะขึ้น กลางกรงเล็บของมัน ก็มีปราณประหลาดที่มีความเย็นแผ่ออกมา เหมือนว่าทั่วทั้งฟ้าดินจะโดนแช่แข็งได้โดยตรงแล้ว

แต่ว่าวานรยักษ์สามเศียรหกกรนั้น แทบจะเมินเฉยต่อพายุหิมะนั้น เพียงแค่รู้สึกหวาดกลัวกรงเล็บของมังกรน้ำแข็งสองตัวนั้นเท่านั้น

แต่หลังจากต่อสู้กันไปไม่กี่รอบ จู่ๆ วานรยักษ์ตัวนั้นก็คำรามขึ้น ดาบในมือทั้งหกของวานรตัวนั้น ก็รวมร่างเป็นเล่มเดียวที่มีขนาดยาวมากกว่าพันจั้ง ชั่วพริบตามังกรสองตัวนั้นก็ถูกตัดแบ่งครึ่งจากส่วนกลางกลายเป็นสี่ท่อน

แต่หลังจากที่มันดิ้นไปดิ้นมาอยู่ที่พื้น จู่ๆ มันก็กลายเป็นมังกรขนาดสั้นลงสี่ตัว มันขยับตัวไปมาเล็กน้อย และเตรียมตัวพุ่งเข้ามาอีกครั้ง

แต่ในตอนนั้นเองดาบที่มีขนาดมากกว่าพันจั้งก็ถูกกระตุ้นออกมา พริบตาเดียวมันก็กลายเป็นเกลียวคลื่นมหาสมุทรสีทอง หลังจากนั้นไม่นาน มังกรก็ถูกดึงเข้าไปอีกครั้ง แล้วถูกตัดออกเป็นสิบท่อน

มังกรน้ำแข็งสิบตัวดิ้นรนส่องแสงไปมา จากนั้นมันก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง กลายเป็นมังกรสิบตัวที่มีขนาดสั้นมาก

แต่ยังไม่รอให้พวกมันเปลี่ยนร่างเสร็จ ปราณดาบสีทองที่เหมือนคลื่นในมหาสมุทรก็สาดซัดอีกรอบ ทำให้พวกมันแตกตัวเป็นนับร้อยนับพันชิ้น และในที่สุดมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ในตอนนั้นเองวานรยักษ์ก็คำรามเสียงยาว พร้อมเก็บปราณดาบสีทอง ในขณะเดียวกันก็หดร่างให้เล็กลง กลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิม และคนผู้นั้นก็คือหานลี่นี่เอง

“เขตต้องห้ามนี่ยุ่งยากนิดหน่อย คิดไม่ถึงว่ามันจะสามารถกลายร่างเป็นมังกรน้ำแข็งที่มีระดับใกล้เคียงกับมหาเมธีได้ แต่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ตามที่คำนวณเอาไว้ ด้านหน้าก็น่าจะเป็นทางออกแล้วล่ะ” หิมะเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ยังมีหิมะโปรยปราย ปากก็บ่นพึมพำสองประโยค จู่ๆ เขากลายร่างเป็นรุ้งสีทองแล้วมุ่งหน้าออกไปทันที

เพราะว่าจิตสัมผัสของเขาแข็งแกร่งมาก หากเป็นผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปต้องหลงทางท่ามกลางพายุหิมะแน่นอน อย่างว่าแต่เรื่องถามหาทางออกเลย

หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม รุ้งสีทองก็มุ่งหน้าตรงไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็ฆ่าอสูรน้ำแข็งที่ออกมาขวางทางด้วย ในที่สุดเขาก็มาอยู่ตรงหน้าแท่นหินแห่งหนึ่งที่ปกคลุมด้วยม่านแสงสีทอง

ด้านบนของแท่นหินมีเขตอาคมส่งตัวเล็กๆ สลักอยู่

เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา แต่หลังจากที่เขาใช้จิตสัมผัสสำรวจมันแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น

“คิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นม่านแสงของกลุ่มอู่หังกัง นี่มันต้องยุ่งยากนิดหน่อยแล้ว ใช้แค่วิธีทั่วไปไม่สามารถออกไปได้ในระยะเวลาอันสั้นแน่นอน ช่างเถอะ ข้ายอมสูญเสียพลังนิดหน่อยก็แล้วกัน” ใบหน้าของหานลี่เปลี่ยนสีไปมาอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้แล้ว เขาแบมือข้างหนึ่งท่ามกลางความว่างเปล่า ทันใดนั้นกลางฝ่ามือของเขาก็มีแสงสีเขียวปรากฏขึ้น จากนั้นก็กลายเป็นกระบี่เล่มยาวสีเขียวดำ

ทันทีที่กระบี่เล่มนี้ปรากฏ ปราณฟ้าดินที่อยู่ใกล้ๆ ก็สั่นไหวกึกๆ เพราะนั่นคือกระบี่จิตวิญญาณสวรรค์ทมิฬ

หลังจากที่หานลี่จับด้ามกระบี่แล้ว เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นก็มีแสงสีม่วงทองปรากฏขึ้น ด้านหลังของเขาก็มีแสงสีทองส่องสว่างขึ้น ยักษ์สามเศียรหกกรก็ปรากฏตัวออกมา

“ตัด”

หานลี่มองไปที่ม่านแสงสีทองนั้น หลังจากที่กล่าวสั่งเบาๆ กระบี่ในมือก็สั่นกึกๆ แล้วฟันออกไปเบาๆ