ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 771 เร็วกว่าท่านก้าวหนึ่ง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หงส์เพลิงตัวนั้นชนเข้ากับเงาแสงคุนเผิง แต่การร่วงหล่นลงมาของตราประทับตะวันทำให้มันมึนงง โซเซไปด้านหลัง

นับว่าร่างจริงแท้ของหงส์เพลิง อานิสงส์และบารมีอันเป็นสองคุณธรรมที่เขาฝึกฝน เสริมพลังคุ้มกันกาย มีพลังป้องกันน่าทึ่งยิ่ง

หากเปลี่ยนเป็นเสวียนมู่อ๋องไม่ก็หลัวจื้อเทา ถ้าป้องกันไม่ทันเช่นนี้ คงถูกตราประทับตะวันพุ่งใส่จนศีรษะแตกเลือดอาบไปแล้ว

เมื่อได้รับการโจมตีจากตราประทับตะวัน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงบนร่างของเขาย่อมเกิดการตอบสนอง

ประกายแสงสีแดงเข้มสายหนึ่งแผ่พุ่งออกมาในก้นทะเล ครอบคลุมสี่ทิศ กันตราประทับตะวันไว้

ด้านในเปลวเพลิงมีเสียงดังมาว่า “มิน่าล่ะ นี่คือตัวช่วยของเจ้าหรือ?”

สิ่งที่เขาต้องการ ผู้อื่นห้ามนำไป ผู้ใดกล้าเข้าใกล้ ต้องถูกสังหารทิ้ง

แต่อีกฝ่ายกลับยโสโอหังยิ่งกว่าเขา จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่คนหนึ่ง เขาขี้คร้านจะลงมืออีก จึงไว้ชีวิต แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเลิกรา กล้าปะทะกับเขาที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกเช่นนั้นหรือ?

ตอนแรกเขายังสับสนอยู่เล็กน้อย แต่ตอนนี้รู้สึกตัวแล้ว

“เป็นของล้ำค่านัก คล้ายตราประทับตะวัน ของวิเศษที่ราชันพระอาทิตย์เคยพกติดตัว เจ้าเป็นใครกัน ถึงได้มีของล้ำค่าเช่นนี้? เป็นผู้สืบทอดของราชันพระอาทิตย์หรือ?”

หงส์เพลิงกระพือปีกอย่างรุนแรง ประกายแสงสีแสดเข้มม้วนเข้าไปหาตราประทับตะวันและร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ตอบ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกใช้เตากลืนดินกันพลังอันยิ่งใหญ่ของอีกฝ่าย จากนั้นก็ฝืนสะกดเลือดลมที่พลุ่งพล่านของตัวเอง หมุนตัวโดยฉับพลัน

เงาแสงคุนเผิงรวมตัวกันอีกครั้ง แสดงความเร็วถึงขีดสุดออกมา นำหน้าไปอยู่เบื้องหน้าหงส์เพลิงตัวนั้นพร้อมกับตราประทับตะวัน แล้วพุ่งไปที่ก้นทะเล

หงส์เพลิงส่งเสียงร้อง ออกตัวหลังแต่มาถึงก่อน เข้าใกล้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกในชั่วพริบตา

ความเร็วสู้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่อยู่ในระดับเดียวกันไม่ได้ แต่ก็รวดเร็วดุดันถึงขีดสุดเช่นกัน

“เจ้าไม่ตอบ เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าไม่เกรงใจ ขอจับตัวเจ้าไว้ก่อนแล้วกัน!”

ท่ามกลางเสียงร้องของหงส์เพลิง อีกฝ่ายพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน

ตอนแรกถูกตราประทับตะวันเล่นงานจนรับมือไม่ทัน แต่ตอนนี้เขาสงบจิตใจได้แล้ว

จอมยุทธ์ขั้นเทวะสำแดงก็คือขั้นเทวะสำแดง ไม่อาจสำแดงพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงได้เต็มที่เหมือนกับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน มิพักเอ่ยถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดอย่างตราประทับตะวัน

เขามีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอยู่กับตัวเช่นกัน ทุกคนต่างไม่อาจสำแดงพลังได้เต็มที่ แต่ก็ลดทอนการคุมคามจากตราประทับตะวันได้อยู่ดี

ถึงอย่างไรระดับพลังฝึกปรือของเขาก็สูงกว่า ขาดอีกแค่ก้าวเดียวก็จะเลื่อนสู่ขั้นสะพานเซียนได้แล้ว

เมื่อไร้การคุกคามจากตราประทับตะวัน เขาอยากรู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะยังมีตัวช่วยอะไรอีก

อีกฝ่ายไล่ตามมาถึงด้านหลัง เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่หันหน้า เพียงแค่นเสียงกล่าวว่า “คุณสมบัติของหงส์เพลิงนั้นบริสุทธิ์ ไม่ใช่ยโสโอหังหรือคุกคามผู้คน”

พวกเขาในตอนนี้ห่างจากก้นทะเลแค่คืบเดียวเท่านั้น

สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอสามารถมองเห็นวังร้างแห่งนั้นได้แล้ว

ลักษณะเหมือนกับในภาพที่เขาเห็นผ่านเตากลืนดิน ไม่มีอะไรแตกต่างแม้แต่น้อย เพียงแต่ดูธรรมดาและผุผัง

มันตั้งอยู่ตรงนั้น ไม่มีความพิเศษตรงไหนเลย เหมือนกับซากปรักหักพักของวังที่ไม่สะดุตา ซึ่งพังทลายมานานแล้ว

กระนั้นมันก็มีความพิเศษน่าอัศจรรย์ต่างกับภาพที่เขาเห็นผ่านเตากลืนดิน ดึงดูดความสนใจทั้งหมดของผู้คน เหมือนสามารถดูดวิญญาณให้เข้าไปได้

เมื่อเห็นวังแห่งนี้ เตากลืนดินในมือของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็พลันพุ่งเข้าไปหา

เตาเครื่องหอมสีดำขนาดเล็กที่ไม่สะดุดตา กลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่ง ทะลุน้ำวน เคลื่อนที่ไปยังก้นทะเล

หลังจากเตากลืนดินเข้าไปในวังแห่งนั้นแล้ว น่านน้ำรอบๆ ก็พลันสงบลง

มหาสมุทรที่ก่อนหน้านี้มีคลื่นใต้น้ำซัดโหม และงูสายฟ้าแลบแปลบปลาบก็เหมือนกับหยุดลงโดยพลัน

ต่อจากนั้น มหาสมุทรก็มีสภาพดุจเดิม พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดพัดม้วนไปทั่ว

ทว่าพลันมีคลื่นสีดำหลายสายแผ่กระจายไปรอบๆ บริเวณ โดยมีวังแห่งนั้นเป็นศูนย์กลาง

ลำแสงสีดำขลับสายหนึ่งพุ่งขึ้นด้านบน ทำให้พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดที่อยู่รอบๆ ไปรวมตัวกับเสาแสงสีดำขลับ

เยี่ยนจ้าวเกอกับหงส์เพลิงกำลังอยู่ในเส้นทางของลำแสงสีดำขลับพอดี

ด้านในเสาแสง เตากลืนดินปรากฏ กลับมาอยู่ในมือของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอีกครั้ง

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกต้านกระแสน้ำพุ่งลงไปด้านล่าง ณ ใจกลางเสาแสงสีดำขลับมีรูโผล่ขึ้นมา เหมือนกับเป็นทางเชื่อมสายหนึ่ง เพื่อให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพุ่งไปยังวังแห่งนั้น

ท่ามกลางเพลิงโหม มีเสียงร้องอุทานดังมา “เจ้า…”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางหัวเราะ “ข้าอะไร?”

หงส์เพลิงคิดจะลงไป แต่ว่ารูนั้นได้หายไปแล้ว เสาแสงสีดำขลับปะทะใส่เขาโดยแฝงพลังอันบ้าคลั่งไว้ด้านใน

แสงม่วงบารมีกับปฐพีอานิสงส์ปรากฏขึ้นพร้อมกัน ป้องกันร่างของหงส์เพลิงไว้

แสงสีแดงเข้มสายนั้นโผล่ขึ้นมา ขัดขวางลำแสงสีดำขลับ

ครู่ต่อมา แสงสีดำก็หายไป ก้นทะเลมีน้ำวนขนาดยักษ์ชนิดไม่เคยมีมาก่อนโผล่ขึ้น น้ำทะเลจำนวนมากกระจายออกไปรอบๆ เกิดเป็นที่ว่างแถบหนึ่ง

ที่ก้นน้ำวน คือวังที่ผุพังแห่งนั้นเอง มันเต็มไปด้วยซากปรักหักพัก ดูโบราณอ้างว้างยิ่งนัก

วังแห่งนั้นไม่ได้มีลักษณะไม่สะดุดตาเหมือนเดิมอีก กลับมีแรงดึงดูดที่แปลกประหลาดส่งมาจากด้านใน ทำให้คนอดใจไม่เข้าไกล้ไม่ได้

แม้แต่พวกคังผิงที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ต่างถูกดึงความสนใจไว้ มองดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตรงก้นทะเลอย่างกะทันหันด้วยความตื่นตระหนก

หลังจากลังเลครู่หนึ่ง พวกหลัวจื้อเทาและกู้หงที่คิดจะสลัดหลุดจากพวกคังผิง ก็เริ่มเคลื่อนไหวลงด้านล่าง

ถึงแม้ว่าสถานการณ์ของวังแห่งนั้นจะไม่ชัดเจน แต่ต่อให้เลวร้าย ก็คงไม่เลวร้ายกว่าตอนนี้

การฉวยโอกาสลัดให้หลุดจากยอดฝีมือของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง เป็นเรื่องเร่งด่วนของพวกเขา

เยี่ยนจ้าวเกอชิงโอกาสได้ก่อน ตอนนี้หงส์เพลิงตัวนั้นกลับไม่มีเวลาสนใจพวกหลัวจื้อเทาอีก มันส่งเสียงร้องพร้อมกับพุ่งไปหาวังแห่งนั้น

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกข้ามทางเชื่อมที่อยู่ใจกลางเสาแสงสีดำ ดิ่งลงไปยังก้นทะเล

วังผุพังแห่งนั้นปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ เตากลืนดินในมือส่งเสียงร้องและขยับเบาๆ

เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมอง เห็นแสงแสงสีดำขลับเริ่มหายไป หงส์เพลิงกำลังพุ่งมาที่วังแห่งนี้เช่นกัน

นอกจากนั้นแล้ว ที่น่านน้ำเบื้องบนยังมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งโชยลงมา น่าจะเป็นพวกหลัวจื้อเทาและคังผิง

ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหมุนกายเดินเข้าไปในวังผุผัง

แต่ว่าในชั่วพริบตาที่ก้าวเข้าไปในวังแห่งนั้น ในใจของเยี่ยนจ้าวเกอก็ปรากฏความเย็นเยียบ ตรงหน้าเหมือนมีดวงตาสองดวงกำลังจับจ้องตนอยู่

เขาขมวดคิ้ว ฝีเท้าหยุดลงเล็กน้อย จากนั้นก็สาวเท้าเข้าไปในวังต่อ

ด้านในตัววังดูทรุดโทรมเช่นกัน ผิวของสิ่งก่อสร้างมีลวดลายอาคมที่เข้าใจความหมายยากอยู่มากมาย

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอสำรวจอย่างละเอียด ก็สัมผัสได้ว่าลวดลายอาคมเหล่านี้เหมือนจารึกของเผ่าปีศาจอยู่หลายส่วน

แต่หากดูจากรากฐานจะเห็นได้ว่า น่าจะเป็นสิ่งที่มนุษย์หลงเหลือไว้ แต่ด้านในได้ผสมความน่าอัศจรรย์ของจารึกจากเผ่าปีศาจ

โดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจก็คือ ถึงแม้ว่าลวดลายอาคมจะได้รับความเสียหาย แต่ด้านในกลับแฝงจิตแห่งหลักการที่สมบูรณ์เอาไว้

เพียงแต่ว่าจิตแห่งหลักการนี้ดูบิดเบี้ยวและชั่วร้ายชอบกล

ดูเหมือนคนที่ทิ้งลวดลายอาคมไว้ ตั้งใจจากทำให้ที่นี่ทรุดโทรม เพื่อให้ได้เป้าหมายที่ต้องการ

เหมือนคนที่เลียนแบบของโบราณ ตั้งใจใช้วิธีเก่าแก่โดยเฉพาะ

เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจลึก มุ่งหน้าล่วงลึกเข้าไปด้านในตัววังต่อ

ไม่ทันไร ด้านนอกวังก็มีแสงไฟปรากฏขึ้น หงส์เพลิงตัวหนึ่งพุ่งลงมาถึงด้านหน้าประตูวัง

แสงไฟหายไป เผยให้เห็นเงาร่างของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง กำลังมองวังที่อยู่ด้านหน้าด้วยใบหน้าอึมครึม

………………..