ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 772 ฝักกระบี่กลืนฟ้า

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เงาแสงหงส์เพลิงค่อยๆ หายไปในร่างของบุรุษหนุ่ม

บุรุษหนุ่มผู้นี้มองวังทรุดโทรมด้วยสีหน้าอึมครึมเล็กน้อย พูดในใจว่า ‘เด็กน้อยที่ครอบครองตราประทับตะวันนั่นเป็นผู้ใดกัน เกี่ยวข้องกับราชันพระอาทิตย์หรือไม่?’

ตัวเขาได้ข้อมูลของวังก้นทะเลมาโดยบังเอิญ ในตอนนี้แม้แต่บุคคลที่อยู่ในพื้นที่ของเขตตะวันอาคเนย์ ก็ไม่ทราบถึงความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้

แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ ด้านในวังก้นทะเลจะมีสถานการณ์ที่ตนไม่เข้าใจแล้ว

ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอกลับมีข้อมูลนี้อยู่แต่แรก

บุรุษหนุ่มเงยหน้ามองมหาสมุทรที่ลอยอยู่ด้านบน ‘เวลามีจำกัด พวกหลินฮั่นหัวอีกเดี๋ยวคงพบร่องรอยแล้วรีบมาแน่…’

เขาหมุนตัวสาวเท้าเข้าไปในตัววัง พลันเกิดความรู้สึกขนลุก รู้สึกเหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังมองเขาอยู่

‘ในวังแห่งนี้ นอกจากกระดูกหงส์เพลิงแล้วยังมีอะไรอีกกันแน่?’

หลังจากแค่นเสียงคำหนึ่งแล้ว เขาก็ล้วงเอาจอกสีทองอันหนึ่งออกมาจากในถุงย่อส่วน

เขาใช้แรงบี้จอกนั้น

จอกทองที่แหลกสลายกลายเป็นลำแสงหลายสาย ประกอบกันเป็นตราอาคมสีทองอร่ามอันหนึ่งกลางอากาศ

ตราอาคมบินไปยังส่วนลึกของตัววังด้วยตัวเอง ทว่าแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ วังทั้งวังก็สั่นไหวขึ้นมา

น้ำทะเลบนตัววังหมุนวนและแยกออก เกิดเป็นที่ว่างขนาดมหึมาแถบหนึ่ง

ในตอนนี้เอง เกิดน้ำวนไร้รูปร่างจำนวนมากขึ้นด้านบนตัววัง ก้นน้ำวันต่างเชื่อมเข้ามาในตัววัง

ประตูวังเหมือนแปลงกายได้นับร้อยนับพันรูปแบบในชั่วพริบตา เปิดไปยังทิศทางที่แตกต่างกันออกไป

บุรุษหนุ่มผู้นี้หลังจากแยกแยะทิศทางเสร็จแล้ว เขาก็เลือกประตูที่เกิดจากน้ำวนสายหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปในวังก้นทะเล

ครู่ต่อมา ด้านในน้ำทะเลที่ลอยกลับด้านอยู่เบื้องบน ก็มีแสงสว่างหลายสายพุ่งออกมา เป็นพวกหลัวจื้อเทาและคังผิงนั่นเอง

บางคนหนี บางคนติดตาม ต่างคนต่างเลือกประตู แล้วเข้าไปในวังทรุดโทรมไม่พร้อมกัน

เยี่ยนจ้าวเกอที่เข้ามาในวังก้นทะเลก่อนก้าวหนึ่ง กำลังเดินอยู่ในทางเชื่อมอันมืดมิด ก่อนที่จู่ๆ ทางเชื่อมตรงหน้าก็เริ่มบิดเบี้ยว

ชั่วขณะนั้น ที่นี่เหมือนกับถล่มด้วยสภาวะฟ้าล่มดินสลาย

วังทั้งวังบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปร่าง เส้นทางตรงหน้ายุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ หลังจากนั้นก็ประกอบกันใหม่ กลายเป็นลักษณะของวังดังเดิม

ต่อจากนั้น มันก็กระจัดกระจายอีกรอบ ก่อนจะประกอบกันใหม่อีกหน

เยี่ยนจ้าวเกอหยุดยั้งท่าร่างของตัวเองได้แล้ว แต่ก็ค้นพบอย่างจนปัญญาว่า เส้นทางตรงหน้าไม่ได้ชัดเจนเหมือนเดิมอีก

เตากลืนดินยังคงนำทางให้กับเขาอย่างแม่นยำ แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงของมิติเบื้องหน้า ทำให้เส้นทางไม่เป็นเส้นทาง ไม่อาจหาที่หยั่งเท้าได้อีก

รอจนในที่สุดวังเริ่มกลับมาเสถียร ภาพตรงหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอก็แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

แสงสว่างสีทองหลายสายปรากฏขึ้น ส่องสว่างทางเชื่อมที่มืดมิดก่อนหน้า แต่ว่าขณะเยี่ยนจ้าวเกอเดินอยู่ด้านใน กลับมีความรู้สึกเหมือนถูกขัดขวาง

แสงสีทองขณะที่ลอยวนเวียนอยู่รอบๆ ก็รั้งฝีเท้าของตนกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไปพร้อมกัน

‘เกิดจากคนเมื่อครู่หรือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญ ‘ดูจากลักษณะแล้ว ด้านในวังแห่งนี้คงไม่ได้มีแค่ฝักกระบี่ฝักนั้น ยังมีของอย่างอื่นอยู่ด้วย’

อีกฝ่ายน่าจะมาเพื่อของชิ้นอื่น ถ้าไม่ใช่ได้รับเบาะแสที่เหมือนกัน ก็ได้รับของวิเศษที่ส่งผลต่อวังมา

เยี่ยนจ้าวเกอแม้ก่อนหน้านี้จะใช้เตากลืนดินชิงโอกาสได้ก่อน แต่อีกฝ่ายก็มีความสามารถของตัวเอง หาวิธีโต้กลับมาได้

อีกฝ่ายไม่แน่ว่าจะมาทีหลังถึงก่อน แต่การทำให้วังเกิดการเปลี่ยนแปลงของเขา ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอช้าลง ชิงโอกาสให้กับตัวเองได้มากกว่าเดิม

‘ตอนนี้ข้าก็ยังเร็วกว่าครึ่งก้าวอยู่ดี’ เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ

แสงสว่างสีทองแม้ว่าจะขัดขวางการเคลื่อนไหวของตน แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงของมิติเวลาและการกะพริบของแสงสีทอง ไม่ได้ส่งผลต่อการชี้ทางของเตากลืนดิน

เยี่ยนจ้าวเกอเดินลึกเข้าไปในวังก้นทะเลตามการนำทางของเตากลืนดินมากกว่าเดิม

หลังจากเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ่งรู้สึกอัศจรรย์ใจ ทางเชื่อมของวังตรงหน้าค่อยๆ เปลี่ยนแปลงรูปร่าง มองไปเหมือนกับกระดูกและเลือดเนื้ออยู่บ้าง

ตนเหมือนกับเข้ามาในท้องของสัตว์ยักษ์อย่างไรอย่างนั้น

‘ให้มันได้อย่างนี้สิ…’ เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว ระวังตัวมากกว่าเดิม

การสั่นไหวของเตากลืนดินในมือยิ่งมายิ่งรุนแรง มาถึงตอนท้าย มันกลับหลุดจากมือของเยี่ยนจ้าวเกอ บินไปยังส่วนลึกของทางเชื่อม

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้จับเตากลืนดิน ปล่อยให้มันหลุดออกจากฝ่ามือของตัวเอง เพียงแต่เพิ่มความเร็ว ไล่ตามเตากลืนดินที่บินไป

เดินไปเดินมา จมูกของเยี่ยนจ้าวเกอก็ขยับเล็กน้อย กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นสายหนึ่งลอยมา

กลิ่นนี้ดูน่าสยองยิ่ง เผยให้เห็นความชั่วร้ายและความบ้าคลั่งถึงขีดสุด

ไม่ว่าจะเป็นในโลกแปดพิภพหรือโลกซ้อนโลก เยี่ยนจ้าวเกอก็เพิ่งจะเคยได้กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นเช่นนี้เป็นครั้งแรก

กลิ่นเลือดเช่นนี้ แม้จะเป็นบนสนามรบที่เต็มไปด้วยกระดูกและเลือด มีแต่คนตาย เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่เคยเจอมาก่อน

ถ้าหากบอกว่าเป็นคนตาย นี่จะต้องมีคนตายกี่แสนกี่ล้านคน จึงจะมีกลิ่นอายที่น่าสยองเช่นนี้ได้?

‘ไม่ใช่เลือดคน แต่เป็นปีศาจที่ชั่วร้ายบางตัว’ เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา เริ่มมั่นใจขึ้น ‘นี่…ด้านล่างวังแห่งนี้ เชื่อมต่อกับศพของอสูรยักษ์ตัวหนึ่งอยู่จริงๆ ฝักกระบี่กลืนฟ้านั้นอยูในท้องของมันนั่นเอง’

เขายิ้มขึ้น ‘กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งขนาดนี้ คงเป็นจอมปีศาจที่แข็งแกร่งมากทีเดียว ตอนมีชีวิตน่าจะเป็นปีศาจที่ร้ายกาจมาก’

เยี่ยนจ้าวเกอสงบจิตใจ กลับทะลวงเข้าไป สวนทางกับที่มาซึ่งมีกลิ่นเลือดคละคลุ้งที่สุด

แสงสีทองด้านในทางเชื่อมเริ่มสลาย เหลือเพียงกลิ่นเลือดมากมายที่ลอยอ้อยอิ่ง

ด้านหน้านั้นคือปลายทางเชื่อม แสงสีเลือดเข้มข้นสว่างขึ้น แทบจะเป็นสีดำสนิท

เยี่ยนจ้าวเกอหลังจากเข้าไป ด้านในก็มีบ่อเลือดขนาดมหึมาโผล่ขึ้นมาบ่อหนึ่ง

บ่อเลือดกว้างใหญ่ยิ่ง แทบสุดลูกหูลูกตา แม้บอกว่าเป็นบ่อเลือด มิสู้เรียกว่าทะเลสาบเลือดจะถูกกว่า

ถึงแม้ว่ากลิ่นคาวเลือดจะคละคลุ้งไม่อาจขับไล่ แต่ก็ไม่ได้เป็นกลิ่นเหม็นชนิดที่ทำให้ผู้คนอยากอาเจียนเหมือนเลือดทั่วไป

กลิ่นด้านในบึงเลือดพิกลยิ่ง มีกลิ่นหอม มีกลิ่นเห็น มีกลิ่นเลี่ยน และมีกลิ่นคาว

กลิ่นมากมายผสมกัน กลับทำให้คนอึดอัดกว่าเดิม เป็นกลิ่นเหม็นคาวอย่างเดียวยังจะดีกว่า

กระนั้น สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจที่สุดไม่ได้อยู่ที่กลิ่นของที่นี่ แต่เป็นเลือดในบ่อเลือด ที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างมีจังหวะ

เทียบกับความซับซ้อนของกลิ่นแล้ว เลือดมีสีบริสุทธิ์ยิ่ง ไม่ได้ดำคล้ำ แต่กลับกระจ่างใส พร่างพราวเหมือนกับผลึกสีแดงเลือด

เลือดลอยขึ้นลงอย่างมีจังหวะจะโคน

เหมือนกับหัวใจที่กำลังเต้น

ใจกลางบ่อเลือด มีฝักกระบี่ขนาดยักษ์สีดำขลับ ด้านบนมีคำว่า ‘กลืนฟ้า’ ติดอยู่

ฝักกระบี่กลืนฟ้านี้ลอยจมอย่างมีจังหวะ ตามการขยับขึ้นลงของบึงเลือดเช่นกัน

ลำแสงสีเลือดสายแล้วสายเล่าเชื่อมกับฝักเข้าไปในบ่อเลือด

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่า มีพลังวิญญาณถูกดึงขึ้นมาจากในบ่อเลือดอย่างไม่ขาดสาย ก่อนจะบรรณาการให้แก่ฝักกระบี่กลืนฟ้า

เตากลืนดินในตอนนี้ไม่ได้พุ่งไปบนฝักกระบี่กลืนฟ้า แต่ว่าลอยอยู่ด้านบนในลักษณะนิ่งสงบ

หลังจากสำรวจรอบๆ อย่างระวังตัว และพบว่าไม่มีความผิดปกติใด เยี่ยนจ้าวเกอก็งอตัวพุ่งร่างไปหาฝักกระบี่กลืนฟ้า

เขาเก็บเตากลืนดิน จากนั้นก็เหยียบลงบนปลายฝัก

ในวินาทีที่เยี่ยนจ้าวเกอแตะปลายเท้ากับปลายฝักกระบี่ สติของเขาก็พลันล่องลอย

………………..