ตอนที่ 1119 เก็บไว้เสียเอง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกล่าว “ได้ของแล้ว ข้าจะไปแล้ว ประเดี๋ยวสหายข้าจะเป็นห่วง”

“นี่เจ้าพอบรรลุเป้าหมายก็จะจากไปเลยอย่างนั้นเหรอ” ปรมาจารย์หุ่นเชิดกระวนกระวายใจขึ้น

“จิตใต้สำนึกของท่านยังเหลืออยู่ ต่อให้ข้าจากไปท่านก็ไม่ตายหรอกนะ!” มู่เฉียนซีกล่าว

“จะ เจ้า…” เขาโกรธจนพูดไม่ออกแล้ว

ผลสุดท้ายมู่เฉียนซีก็จากไปอย่างสง่าผ่าเผย

แต่ก่อนที่จะจากไป นางจำได้ว่าต้องถามคำถามสำคัญ “ค่ายกลห้องลับนี้ของท่านเปิดเช่นไรล่ะ?”

“ข้าไม่บอกเจ้าหรอก ข้าจะให้เจ้ารออยู่ในนี้”

“หากข้ารออยู่ในนี้แล้วมรดกของท่านจะมีประโยชนอันใดล่ะ?”

“เจ้ามันช่างเป็นสาวน้อยที่ประหลาดเสียจริง พลังจิตแข็งแกร่งมาก แต่พลังวิญญาณกลับอ่อนแอถึงเพียงนี้ หากเจ้าต้องการออกไป คาดว่ายังไม่ทันได้เอามรดกของข้าไปพัฒนาสืบต่อสิ่งดีงามได้ เจ้าก็คงจะถูกฆ่าตายเสียก่อนแล้ว”

“นี่ท่านกำลังหมายความว่าในนี้ยังมีของดีที่ปกปักษ์รักษาชีวิตอยู่อีกเหรอ?” ดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายขึ้น

“ข้าไม่ได้พูด”

“ในเมื่อไม่มีก็อย่าได้เสียเวลาอยู่เลย รีบบอกวิธีออกไปจากที่นี่ให้ข้าเถอะ!”

“เอาตำราในชั้นตำราที่เจ็ดที่อยู่ในห้องตำรานี้ออกไป พวกเจ้าก็สามารถออกไปได้แล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าว “ขอบใจท่านมาก”

สติของมู่เฉียนซีฟื้นคืนกลับมาแล้ว จวินโม่ซีกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “สาวน้อย เจ้าได้สติเองแล้ว ไม่มีได้เกิดเรื่องอันใดเกิดขึ้นใช่หรือไม่?”

“เฉียนซี เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้าง?” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวถาม

มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ทุกอย่างราบรื่นดี ไม่เพียงแต่ข้าไม่เป็นอะไร แถมยังได้ของดีมาไม่น้อยเลยด้วย”

ยอดปรมาจารย์หุ่นเชิดท่านนี้ได้ทิ้งมรดกวิชาหุ่นเชิดเอาไว้ในระดับที่ไม่ธรรมดา มิเช่นนั้นราชาหุ่นที่ศึกเรียนรู้วิชาหุ่นเชิดได้เพียงน้อยนิดเช่นนี้ก็คงจะสร้างสำนักหุ่นปีศาจที่สามารถทำให้กองกำลังระดับสามเกรงกลัวออกมาไม่ได้

มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงเลยว่ามรดกที่ได้รับมามันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

แผ่นหนังแกะที่อยู่ในมือ จู่ ๆ ก็กลายเป็นแหวนมิติสีเหลืองวงหนึ่ง แหวนมิติวงนี้เป็นแหวนที่ไม่มีเจ้าของ

มู่เฉียนซีตรวจสอบภายในแหวนมิติว่ามีสิ่งใดอยู่บ้าง สุดท้ายก็ได้เห็นกับหุ่นเชิดแถวหนึ่ง นางเห็นเช่นนี้ก็ตกใจผงะไปชั่วครู่

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทดลองในพลังความแข็งแกร่งของพวกมัน แต่มู่เฉียนซีก็รู้ดีว่าพวกมันเป็นหุ่นเชิดที่มีพลังไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

“เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าถูกฆ่าตาย หุ่นเชิดเหล่านี้ก็นับว่าให้เจ้ายืมใช้ก็แล้วกัน! รอให้เจ้าสามารถหลอมหุ่นเชิดที่เหมือนกันกับของข้าออกมาได้ ก็หาที่ฝังพวกมันซะ!”

“ลงมือได้ใจกว้างเสียจริง ข้าชอบ!”

ของในนี้หากราชาหุ่นได้มันไปและได้ผ่านการพัฒนาไปในเวลานาน เกรงว่าแดนตะวันออกคงจะไม่ได้มีเพียงแค่ตำหนักตงจี๋ที่เป็นกองกำลังระดับสามแล้วล่ะ

“รีบไปเถอะ! อย่าได้รบกวนความสงบเงียบของข้า”

“ก็ได้”

เสียงของยอดปรมาจารย์หุ่นเชิดท่านนี้ได้หายไปแล้ว มู่เฉียนซีกล่าวกับจวินโม่ซีและพวกว่า “พวกเราออกไปกันเถอะ!”

จวินโม่ซีตกใจผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ออกไป? ยังอ่านตำราเหล่านี้ไม่หมดเลยนะ”

“ตำราเหล่านี้ไม่จำเป็นแล้วล่ะ” เนื่องจากในมรดกของยอดปรมาจารย์หุ่นเชิดท่านนี้มีทุกอย่างแล้ว

มู่เฉียนซีย้ายชั้นตำราชั้นที่เจ็ดออก และปรากฏเส้นทางเส้นหนึ่งจริง ๆ ด้วย

จวินโม่ซียิ้มพลางกล่าวว่า “ที่แท้ทางออกก็อยู่ตรงนี้นี่เอง! ในที่สุดก็สามารถออกไปได้แล้ว”

ในขณะที่คนที่อยู่ด้านนอกกระวนกระวายใจดั่งไฟแผดเผา จู่ ๆ มู่เฉียนซีและพวกก็เดินออกมาแล้ว

ค่ายกลได้ปิดลงอีกครั้ง และไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ เอาไว้เลย

“ท่านผู้นำตระกูล ท่านไม่เป็นอะไร เยี่ยมไปเลย”

“ท่านผู้นำตระกูลออกมาแล้ว”

“……”

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ข้าทำให้ทุกคนเป็นห่วงแล้ว ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยหรือไม่ ?”

มู่เอ้อร์ตอบ “ท่านผู้นำตระกูลวางใจได้ ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ควรจะออกจากเทือกเขาเมฆามืดได้แล้ว”

“ขอรับ!”

ครั้นแล้วทุกคนก็ได้เดินออกไปจากเทือกเขาเมฆามืด เพียงแต่ว่า ณ ทางออกกลับเจอเรื่องที่ไม่คาดคิด มีคนรอพวกเขาอยู่ด้านนอก

ไป๋อู๋ห่ายยิ้มพลางมองไปที่เฟิงอวิ๋นซิว และกล่าวว่า “อวิ๋นซิว ภารกิจครั้งนี้เป็นเช่นไรบ้าง ?”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ท่านหัวหน้าตำหนักวางใจได้แล้ว! ในตอนนี้สำนักหุ่นปีศาจได้ตายสิ้น ไม่หลงเหลือแม้แต่ผู้เดียว”

“ดี! ดี ๆ! ให้อวิ๋นซิวทำภารกิจ ข้าวางใจมาโดยตลอด”

ทุกคนต่างตกตะลึงกับคำกล่าวนี้ยิ่งนัก เห็น ๆ กันอยู่ว่าการทำลายล้างสำนักหุ่นปีศาจในครั้งนี้ ผู้ที่นำกลุ่มก็คือท่านผู้นำตระกูลมู่กับหอหมอปีศาจ

แต่การที่ไป๋อู๋ห่ายกล่าวเช่นนี้ดูเหมือนว่าจะมอบความดีความชอบให้กับนายน้อยอวิ๋นซิวแต่เพียงผู้เดียวก็มิปาน

นี่ไม่ใช่เป็นการสร้างความขัดแย้งให้กับทั้งสองฝ่ายหรอกเหรอ ?

แต่การที่มู่เฉียนซีไม่ได้สนใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าหอหมอปีศาจไม่สนใจ

อย่างไรเสียการรับมือกับสำนักหุ่นปีศาจในครั้งนี้ หอหมอปีศาจก็ได้ทุ่มเททรัพยากรลงไปเป็นจำนวนมาก

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “ในเมื่อได้ทำลายล้างสำนักหุ่นปีศาจลงไปแล้ว ไม่รู้ว่าวิชาหุ่นเชิดชั่วร้ายของสำนักหุ่นปีศาจนั้น อวิ๋นซิวได้รับมันมาหรือไม่ วิชาชั่วร้ายเช่นนี้ต้องทำลายไปให้สิ้นซากถึงจะเป็นการดี”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่ได้มา!”

ไป๋อู๋ห่ายมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อมาลงมือ ที่แท้เป้าหมายก็คือสิ่งนี้นี่เอง “หากอวิ๋นซิวไม่ได้มา นั่นก็น่าจะอยู่ในมือของมู่เฉียนซีใช่หรือไม่? เจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับสาวน้อยผู้นี้ ไม่ว่าสิ่งใดก็มอบให้นาง แต่วิชาหุ่นเชิดนี้ไม่ได้เด็ดขาดเชียวนะ!” สายตาของไป๋อู๋ห่ายจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีเงยหน้ามองไป๋อู๋ห่าย จากนั้นก็เอ่ยปากกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าตำหนักไป๋ ข้าเป็นผู้นำตระกูลมู่ หนึ่งในเจ้าของหอหมอปีศาจ คราวหน้าคราวหลังโปรดเรียกข้าว่าผู้นำตระกูลมู่ด้วย”

“ที่ท่านพูดก็ถูก ของอยู่ในมือข้า เช่นนั้นก็พูดกันอย่างตรงไปตรงมา เป็นเช่นไร?”

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “วิชาหุ่นเชิดนี้เป็นวิชามารและเหี้ยมโหด หากปล่อยให้อยู่บนโลกใบนี้มันก็มีแต่จะเป็นภัยต่อทุกคน ข้าว่ามิสู้เจ้ามอบมันให้กับตำหนักตงจี๋เสียดีกว่า พวกเราจะทำลายมันให้สิ้นซากเอง”

มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “ท่านหัวหน้าตำหนักไป๋ก็กล่าววาจาไร้สาระเกินไปแล้ว! หากตกไปอยู่ในมือตำหนักตงจี๋ของท่าน ข้าว่าพวกท่านคงจะไม่ทำลาย แต่กลับจะเก็บเอาไว้เสียเองมากกว่า!”