มู่เฉียนซีก็รู้ในแผนการของพวกเขาดี นางเอ่ยปากกล่าวว่า “ทุกท่านได้ช่วยให้ภารกิจนี้ของข้าสำเร็จแล้ว ข้าต้องขอบใจทุกท่านมาก เรื่องในครั้งนี้ทุกท่านไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวแล้ว ส่วนค่าตอบแทนของทุกท่านไปรับได้ที่หอหมอปีศาจ”

“ขอรับ!”

ในเมื่อมู่เฉียนซีกล่าวเช่นนี้แล้ว คนอื่น ๆ ต่างก็พากันแยกย้ายกันกลับไป

ในตอนนี้ที่นี่มีเพียงแค่กองกำลังเดิมของหอหมอปีศาจและคนของเฟิงอวิ๋นซิว

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวเย้ยหยันว่า “ท่านหัวหน้าตำหนักจะรังแกผู้น้อยแย่งชิงวิชาหุ่นเชิดอย่างนั้นเหรอ? กิริยาท่าทางเช่นนี้มันดูแย่เกินไปจริง ๆ”

“นายน้อยอวิ๋นซิว นี่นายน้อยพูดสิ่งใดออกมา! ท่านหัวหน้าตำหนักกำลังคิดเผื่อแดนตะวันออกอยู่นะ” ปรมาจารย์จางก็เริ่มเรียกร้องความยุติธรรมให้กับไป๋อู๋ห่าย

“การทำลายล้างสำนักหุ่นปีศาจในครั้งนี้ ตำหนักตงจี๋ของพวกเราก็ลงมือแล้ว วิชาหุ่นเชิดนั่นก็ควรจะเป็นของพวกข้าไม่ใช่เหรอ ต่อให้อวิ๋นซิวจะมอบมันให้กับผู้นำตระกูลมู่ แต่ข้าในฐานะที่เป็นหัวหน้าตำหนักและทุกคนทั้งตำหนักตงจี๋ก็ไม่มีทางยอม”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่สนว่าท่านจะยอมหรือไม่! อย่างไรเสียข้าก็ไม่มีทางให้ท่านแน่นอน”

“เจ้าสาวน้อย ความตายจะมาเยือนอยู่แล้วยังมีหน้ากล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับท่านหัวหน้าตำหนักอีก” ปรมาจารย์จางกล่าวอย่างดุดัน

เขาคิดว่าคนเหล่านั้นที่หอหมอปีศาจรับสมัครมาได้แยกย้ายกันจากไปแล้ว ในตอนนี้คนของหอหมอปีศาจก็มีเพียงแค่มดปลวกขั้นมหาจักรพรรดิแค่ไม่กี่คน ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลยสักนิด

ไป๋อู่ห่ายกล่าว “อวิ๋นซิว เจ้าโน้มน้าวผู้นำตระกูลมู่สักหน่อยเถอะ พวกข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “คงจะโน้มน้าวไม่ได้! แต่ข้าก็มีเรื่องเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกให้ท่านหัวหน้าตำหนักได้รู้ หากคิดจะทำเรื่องใดที่เฉียนซีไม่ยินยอม ก็ต้องผ่านด่านข้าไปก่อน”

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “เพื่อสาวน้อยผู้นี้ผู้เดียว เจ้าถึงกับยอมเป็นคู่ต่อสู้กับข้าเลยรึ?”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวเย้ยหยันว่า “เหตุผลนี้ ท่านหัวหน้าตำหนักก็ใช่ว่าจะไม่รู้”

ไป๋อู๋ห่ายกำหมัดแน่น จากนั้นก็ออกคำสั่ง “ทหาร! เอาตัวนายน้อยอวิ๋นซิวกลับตำหนักตงจี๋”

บรรยากาศของทั้งสองฝ่ายเริ่มตึงเครียดขึ้น และกำลังจะเริ่มต่อสู้กันแล้ว!

แต่ในตอนนี้เองน้ำเสียงอันน่าหลงใหลเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ตำหนักตงจี๋นับวันจะยิ่งกำเริบเสิบสานใหญ่แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะรังแกผู้น้อยเช่นนี้!”

จู่ ๆ คนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขา ผู้ที่เป็นหัวหน้าเป็นบุรุษสวมชุดคลุมยาวสีเขียวเข้ม ข้างหลังเขายังมียอดฝีมือเป็นผู้ติดตามอีกด้วย

บุรุษผู้นี้ไป๋อู๋ห่ายไม่รู้จัก แต่ชุดสีดำขลับที่ลูกน้องของเขากลุ่มนั้นสวมใส่เขารู้จัก

“หอปี้ลั่ว!” จู่ ๆ ก็ได้กลายเป็นกองกำลังระดับสองครึ่ง และเขาก็ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่น่าเสียดายกลับไม่ได้ข่าวที่เป็นประโยชน์มาได้เลย

“มู่เฉียนซี นึกไม่ถึงเลยว่าหอหมอปีศาจของเจ้าจะสมคบกับหอปี้ลั่ว” ไป๋อู๋ห่ายกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว

จื่อโยวยิ้มพลางกล่าวว่า “สมคบอันใดหรือ! เห็น ๆ กันอยู่ว่าพวกเรามีความสัมพันธ์เกี่ยวดองกัน คนงาม ใช่หรือไม่ล่ะ?”

ซิงเฉินกล่าวเสียงเย็นชาว่า “จื่อโยว เจ้าพูดจาไร้สาระมากเกินไปแล้ว ฆ่าพวกมันให้หมดเถอะจะได้จบสิ้น!”

จื่อโยวส่ายหน้าพลางกล่าว “ช่างน่าเสียดายจริง ๆ! ฆ่าไม่ได้”

สายตาอันเย็นยะเยือกของจื่อโยวจับจ้องไปที่ไป๋อู๋ห่าย ชั่วครู่หนึ่งไป๋อู๋ห่ายก็รู้สึกราวกับถูกงูพิษจับจ้องก็มิปาน

จื่อโยวพุ่งเข้าหาไป๋อู๋ห่ายอย่างไม่รีรอ

ไป๋อู๋ห่าย หัวหน้าตำหนักตงจี๋หนึ่งในกองกำลังระดับสามแห่งดินแดนสี่ทิศไม่อาจฆ่าได้ แต่หากจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็คงจะไม่เป็นไรหรอกกระมัง! ไม่ให้ถึงตายก็ได้!

ตูม! จื่อโยวชิงลงมือก่อน เปิดฉากการต่อสู้ในครั้งนี้

ครั้นแล้วทั้งสองฝ่ายจึงได้ต่อสู้กัน และเฟิงอวิ๋นซิวก็ลงมือแล้วเช่นกัน

“นายน้อยอวิ๋นซิว นึกไม่ถึงว่าท่านจะช่วยคนนอก”

“เฉียนซีไม่ใช่คนนอก พวกเจ้าจะถอยหรือจะตาย!” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวเสียงขรึม

ปัง ปัง ปัง!

มีหอปี้ลั่วเพิ่มมาเช่นนี้ เดิมทีที่ทั้งสองฝ่ายมีพลังความแข็งแกร่งห่างชั้นกัน แต่ตอนนี้กลับสูสีกันแล้ว

ในตอนนี้เอง หัวหน้านักปรุงยาอย่างปรมาจารย์จางก็พุ่งออกไป และเป้าหมายของเขาก็คือมู่เฉียนซี

พรสวรรค์ของมู่เฉียนซีทำให้เขาอิจฉาริษยาเป็นอย่างมาก อีกทั้งหมอปีศาจผู้ที่เหยียบเขาในงานการประลองการปรุงยาในครั้งนั้นอีก มันยิ่งทวีความโกรธแค้นให้เขามากขึ้น

แตะต้องหมอปีศาจไม่ได้ แล้วคิดอย่างนั้นเหรอว่าเขาจะแตะต้องสาวน้อยผู้นี้ไม่ได้

“เสี่ยวหง อู๋ตี้!”

เสี่ยวหงกับอู๋ตี้พุ่งตัวออกมา แต่กลับขวางปรมาจารย์จางผู้มีพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูติระดับเก้าไม่ได้

มู่เฉียนซีเอาหุ่นเชิดตัวหนึ่งออกมาจากแหวนมิติทันที ถึงแม้จะเรียนรู้ได้เพียงแค่ภายนอกเล็กน้อย แต่มู่เฉียนซีก็เข้าใจว่าชักใยมันเช่นไร

ใช้พลังจิตชักใย หุ่นเชิดนี้ก็สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว

เสียง ปัง! ดังสนั่นขึ้นคราหนึ่ง หุ่นเชิดนี้ขวางการโจมตีของปรมาจารย์จางเอาไว้ได้

“หุ่นเชิด เจ้าไม่เพียงแต่ได้ตำราวิชาหุ่นเชิดมาเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าเจ้ายังได้หุ่นเชิดที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาอีกด้วย” ปรมาจารย์จางกล่าวขึ้นด้วยความตกใจ

มู่เฉียนซีออกคำสั่งกับหุ่นเชิดนี้ว่า “ฆ่าเขาซะ!”

เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้หุ่นเชิดจริง ๆ มู่เฉียนซีรู้สึกได้ว่าหุ่นเชิดนี้กับชิงอิ่งมันช่างแตกต่างกันมาก

นางจะต้องเรียนรู้มรดกนั้นให้กระจ่าง ลองดูว่าจะเข้าใจชิงอิ่งได้หรือไม่

ปัง!

ถึงแม้ว่าพลังความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดตัวนี้จะเทียบราชาหุ่นไม่ได้ แต่มันก็เป็นเครื่องจักรในการต่อสู้อย่างแท้จริง

ความแข็งแกร่งของปรมาจารย์จางส่วนใหญ่ถูกสะสมมาโดยการใช้ยาลูกกลอน เขาอยู่ในตำแหน่งที่สูงในตำหนักตงจี๋ จึงได้รับการคุ้มครอง น้อยมากที่จะเข้าร่วมในการต่อสู้

ผัวะ ผัวะ ปัง! ผ่านไปเพียงแค่สิบกว่ากระบวนท่า ปรมาจารย์จางก็เริ่มพ่ายแพ้แล้ว

และแน่นอนว่าไป๋อู๋ห่ายเองก็สังเกตเห็นแล้วว่ามู่เฉียนซีได้เอาหุ่นเชิดออกมา มันคือของดี! แข็งแกร่งมาก!

หุ่นเชิดไม่เพียงแต่มีกำลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังไม่มีวันทรยศเขาอีกด้วย

หากเขาได้หุ่นเชิดเช่นนี้มาครอบครองหลาย ๆ ตัว เฟิงอวิ๋นซิว กู้ไป๋อีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป!

เมื่อจื่อโยวสังเกตเห็นแววตาละโมบโลภมากคู่นั้นของไป๋อู๋ห่าย เขาก็ยิ่งลงมืออย่างโหดร้ายขึ้นเรื่อย ๆ

นึกไม่ถึงเลยว่าจะละโมบโลภมากของของคนงามได้ถึงเพียงนี้ ช่างรนหาที่ตายชัด ๆ

เนื่องจากปรมาจารย์จางถูกหุ่นเชิดยับยั้งเอาไว้แล้ว ส่วนคนอื่น ๆ ก็มีคู่ต่อสู้ที่ต้องรับมือ มู่เฉียนซีจึงดูเหมือนเป็นคนว่างงานไปแล้ว

ทว่า นางกลับไม่ได้อยู่นิ่งแต่อย่างใด นางซ่อนตัวในที่ลับและหาโอกาสที่จะลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับปรมาจารย์จาง

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เมื่อเผชิญหน้ากับเข็มยาแต่ละเข็มที่อันตรายเช่นนี้ ปรมาจารย์จางก็รีบหลบหลีกทันที

เขาไม่คิดว่าพิษของมู่เฉียนซีจะทำอันใดเขาได้ แต่เขาสงสัยว่าเข็มพิษนี้จะเป็นของหมอปีศาจ

พิษที่เจ้าหมอนั่นทำออกมามันแข็งแกร่งมาก หากโดนตัวเข้าแล้วละก็ เกรงว่าจะไม่รอดแน่!

ทั้งเกรงกลัวพิษของมู่เฉียนซี ทั้งหวาดกลัวต่อกระบวนท่าของหุ่นเชิดตัวนี้ ในตอนนี้ปรมาจารย์จางยิ่งรับมือเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้นอีกครา ร่างของปรมาจารย์จางถูกหุ่นเชิดโจมตีจนกระเด็นลอยออกไป

ฟึ่บ! เข็มยาเข็มหนึ่งพุ่งตามไป และปักลงที่ขมับของปรมาจารย์จาง

ไม่นานนักเขาก็กรอกตาขาวและร่างทั้งร่างก็ล้มลงไปกับพื้น!

มู่เฉียนซีมองไปที่ไป๋อู๋ห่าย นางกล่าว “ขอโทษด้วย! ท่านหัวหน้าตำหนัก ข้าไม่ทันระวังก็เลยทำให้หัวหน้านักปรุงยาของตำหนักตงจี๋ต้องตายไปเสียแล้ว”

“นี่เจ้า เจ้า!…” ไป๋อู๋ห่ายโกรธจนตัวสั่น

ครั้นแล้วหัวหน้านักปรุงยาแห่งตำหนักตงจี๋ก็ได้ตายไปเช่นนี้ สวรรค์รู้ดีว่ากว่าที่พวกเขาจะเลี้ยงดูหัวหน้านักปรุงยามาได้สักคน พวกเขาต้องทุ่มเททรัพยากรไปมากมายเพียงใด

เขาอยากจะฆ่ามู่เฉียนซีเพื่อระบายความโกรธแค้นเสียจริง แต่จื่อโยวจะยอมให้เขาทำสำเร็จได้อย่างไรกันเล่า!

ปัง! จื่อโยวทุบแขนข้างหนึ่งของไป๋อู๋ห่ายอย่างรุนแรง

ในขณะที่ร่างของไป๋อู๋ห่ายกระเด็นลอยออกไป ร่างในชุดขาวร่างหนึ่งก็ได้กระโจนตัดผ่านอากาศมา “จื่อโยว แดนตะวันออกไม่ใช่ที่ที่คนอย่างเจ้าจะมาทำกำเริบเสิบสานได้ เจ้าจะฆ่าใครตามใจไม่ได้!”

.