ตอนที่ 985: ยิหยางซีซุ่มโจมตี

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 985: ยิหยางซีซุ่มโจมตี

เจียงหยาง ซู หยวนเซียวดีใจเมื่อเขาเห็นว่าเฮยยู่ปฏิบัติต่อเจี้ยนเฉินแบบนี้ ในฐานะเจี้ยนเฉินเป็นเหลนและเป็นลูกหลานของตระกูลเจียงหยาง เห็นได้ชัดว่าเขาอยากให้เจี้ยนเฉินสนิทกับรุยจินและเฮยยู่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แบบนั้นตระกูลเจียงหยางก็จะได้ประโยชน์จากพวกเขาไปด้วย

จิตใจของเจี้ยนเฉินรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้รับความห่วงใยจากเฮยยู่ เขาพูดกับพวกเขาทั้งสอง “ผู้อาวุโส ตระกูลเจียงหยางขอต้อนรับพวกท่านทั้งสองในฐานะแขก ถ้าพวกท่านชอบที่นี่ ทำไมพวกท่านไม่อยู่ต่ออีกซักสองสามวันล่ะ ? “

เฮยยู่มองไปที่รุยจินหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น ก่อนที่จะยิ้มให้เจี้ยนเฉินอีกครั้ง “พวกเราจะคิดเรื่องนั้น พวกเราไม่มีที่จะอยู่บนทวีปเทียนหยวนอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเราอาจจะพักอยู่ที่ตระกูลเจียงหยางของพวกเจ้า พวกเราหวังว่าพวกเราจะไม่ได้สร้างปัญหาให้กับพวกเจ้า”

เจี้ยนเฉินดีใจเมื่อได้ยินแบบนั้น ตระกูลเจียงหยางจะไร้เทียมทานในตอนนี้ถ้าพวกเขาทั้งสองอยู่ที่นี่ แม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์จะมาด้วยตัวเอง พวกเขาก็จะมาหาประโยชน์อะไรจากตระกูลของพวกเราไม่ได้

“อย่าพูดแบบนั้นเลย ! มันเป็นเกียรติที่ผู้อาวุโสทั้งสองปรารถนาที่จะพักอยู่ในที่พักซ่อมซอของพวกเรา ข้ายังไม่ได้ต้อนรับพวกท่านทั้งสองอย่างดีเลย ดังนั้นมันจะไปมีปัญหาได้อย่างไร ? ” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเร่งรีบ เขาดีใจมากอยู่ในใจ

เจียงหยาง ซู หยวนเซียวดีใจมาก เขาพูดสุภาพอย่างรวดเร็ว มีเพียงเจียงหยาง ซู อวี้หยวนเท่านั้นที่ยังสงสัยอยู่เพราะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของรุยจินและเฮยยู่ อย่างไรก็ตาม นางเดาได้ว่าพวกเขาทั้งสองต้องไม่ธรรมดาแน่เมื่อนางเห็นสามีของนางปฏิบัติต่อทั้งคู่แบบนี้

หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็สั่งให้ทหารรับจ้างในตระกูลจัดที่พักที่ดีที่สุดให้กับรุยจินและเฮยยู่เพื่อที่จะให้ทั้งสองพักผ่อนได้

อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ยังคงสงสัยอยู่ตลอดเวลา เขาไม่ได้สนิทกับรุยจินหรือเฮยยู่มาก เขาบอกได้ว่าทั้งสองเป็นแค่คนที่รู้จักโดยบังเอิญเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าทำไมรุยจินและเฮยยู่ถึงได้ช่วยเขาอยู่เรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์เป็นแบบนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะกลายเป็นศัตรูกับมารราคะและเซียนจักรพรรดิของทวีปสัตว์เทวะ ทั้งสองยังรออยู่ด้านนอกตอนที่เขาพูดกับเจียงหยาง ซู หยวนเซียวก่อนหน้านี้อีก เจี้ยนเฉินประหลาดใจในเรื่องนี้มาก

แม้จะไม่พูดถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา แต่สถานะของรุยจินที่เป็นถึงราชามังกรก็ทำให้เขามีเกียรติมากกว่าเจี้ยนเฉินหลายเท่าแล้ว

“มันเป็นเพราะพยัคฆ์ปีกเทวะหรือไม่ รุยจินและเฮยยู่ถึงได้ปรารถนาอย่างมากที่จะช่วยปกป้องข้า ? พวกเขาต้องการที่จะปกป้องพยัคฆ์ปีกเทวะหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินคิด เขารู้สึกว่าแบบนี้น่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นเขาจึงผ่อนคลายจากความกังวลไปหลังจากนั้น

ในตอนเช้าของวันต่อมา แขกที่ไม่คุ้นเคยก็ได้มารวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกของตระกูลเจียงหยางที่เมืองลอร์ พวกเขาทั้งหมดเดินมาที่ทางเข้าหลักของตระกูลพร้อมด้วยของขวัญที่ประเมินค่าไม่ได้ ก่อนที่จะติดต่อกับยามรักษาการณ์อย่างสุภาพที่ด้านนอก พวกเขาถูกพาเข้ามาหลังจากเวลาผ่านมานานสักพัก

พวกเขาทั้งหมดมาจากตระกูลโบราณ หัวหน้าที่เป็นเซียนราชานำคนสำคัญของตระกูลของพวกเขามาด้วยตัวเองเพื่อที่จะมาเยี่ยมตระกูลเจียงหยางในเมืองลอร์ ตระกูลหลายสิบตระกูลมาและจำนวนก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ละตระกูลนำคนมาอย่างน้อยสิบกว่าคน

การมาถึงของพวกเขาทำให้ตระกูลเจียงหยางมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที และทำให้สมาชิกระดับสูงของตระกูลเจียงหยางตื่นตัว เจียงหยาง ซู หยุนคงมาต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง และแม้แต่เจี้ยนเฉินก็ออกมาด้วย

คนของตระกูลโบราณมีสถานะที่สูงส่งทุกคน แต่พวกเขาก็ปฏิบัติอย่างสุภาพเมื่อพวกเขามาที่ตระกูลเจียงหยางในวันนี้ พวกเขาไม่ได้ทำตัวหยิ่งยโสเลย และบางคนยังทำตัวไม่เป็นธรรมชาติอีกด้วย

หัวหน้าตระกูลโบราณทั้งหมดมารวมตัวอยู่รอบเจี้ยนเฉินเมื่อเขาปรากฎตัวขึ้นมา พวกเขามาแสดงความยินดีกับเจี้ยนเฉินอย่างต่อเนื่องในขณะที่พวกเขายิ้มออกมาอย่างใจดี

หัวหน้าตระกูลทั้งหมดได้เห็นเจี้ยนเฉินขับไล่ตระกูลผู้พิทักษ์ไป และพวกเขารู้ว่านี่คืออัจฉริยะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของทวีปที่กำลังเติบโตด้วยความเร็วที่หยุดไม่อยู่ เขากลายเป็นคนที่ต้องระมัดระวังแม้ว่าเขาจะอายุน้อยกว่าห้าสิบปีอยู่ก็ตาม เขาทรงพลังจนแม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์ก็ยังทำอะไรไม่ได้

หัวหน้าตระกูลโบราณทั้งหมดสายตาแหลมคน พวกเขาเห็นพรสวรรค์ที่น่ากลัวของเจี้ยนเฉินและความสำเร็จที่วัดไม่ได้ และพวกเขาทั้งหมดก็คาดหวังว่าเจี้ยนเฉินจะกลายเป็นคนที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ ดังนั้น พวกเขาทั้งหมดจึงมาเยี่ยมเขาในตอนนี้เพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์กับเขาก่อนที่เขาจะกลายเป็นเซียนจักรพรรดิ

“น้องเจี้ยนเฉิน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกลายเป็นจอมยุทธที่น่าประทับใจแบบนี้ในตอนนี้ ซึ่งถึงกับทำให้หัวหน้าตระกูลของพวกเราต้องมาด้วยตัวเองเช่นนี้ เจ้าทำให้ข้าอิจฉาจริง ๆ ” ในตอนนี้ เสียงที่มีเสน่ห์ก็ดังออกมาจากใกล้ใกล้ เจี้ยนเฉินได้ยินมันอย่างชัดเจน

เมื่อหันไปทางต้นเสียงนั้น เจี้ยนเฉินก็เห็นหญิงในชุดสีชมพูที่ยืนอยู่ข้างข้างผู้อาวุโสสองคน นางต้องตาไม่กระพริบไปที่เจี้ยนเฉินด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเป

เจี้ยนเฉินกอไม่ได้ที่จะคิดกลับไปในตอนที่เขาเป็นส่วนหนึ่งในการชุมนุมทหารรับจ้างที่เมืองทหารรับจ้างในตอนที่เขาเห็นหญิงคนนี้ในครั้งแรก เขาเศร้าทันทีแต่เขาก็ไม่ได้แสดงมันออกมา เขายิ้มไปที่หญิงคนนี้ “แม่นางเทียนมู่หลิง ข้าไม่รู้ว่าเจ้าก็มาเหมือนกัน”

หญิงคนนี้คือเทียนมู่หลิงจากตระกูลเทียนมู่ สิบปีผ่านไปในพริบตาเดียวแต่รูปลักษณ์ของนางก็ไม่แตกต่างจากก่อนหน้านี้เลย นางดูไม่แก่เลย และสิ่งที่เปลี่ยนไปคือนางดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าแต่ก่อนมาก

“น้องชายของข้า เจี้ยนเฉิน พวกเราไม่ได้พบกันหลายปีแต่เจ้าก็ยังจำข้าได้ เจ้าทำให้ข้าซาบซึ้งใจมาก” เทียนมู่

หลิงพูดพร้อมหัวเราะคิกคัก นางยิ้มอย่างเย้ายวนและสวยงามเหมือนดอกไม้ที่กำลังบาน นางไม่สนใจสายตาแปลก ๆ ของหัวหน้าตระกูลโบราณอื่น ๆ ที่มองมายังนาง

บางทีอาจจะมีเพียงเทียนมู่หลิงเท่านั้นที่กล้าพูดอย่างห้าวหาญแบบนี้กับเจี้ยนเฉินจากบรรดาผู้คนทั้งหมดที่มาในวันนี้

อย่างไรก็ตาม เทียนมู่หลิงก็ไม่ได้สงบเหมือนที่นางเป็นภายนอก หัวใจของนางเริ่มที่จะปั่นป่วนมานานแล้ว นางไม่ได้สงบอย่างที่เห็น

ตอนนั้น นางยังเป็นคนที่มีระดับการฝึกฝนเดียวกันกับเจี้ยนเฉินอยู่เลย และมีส่วนในการชุมนุมทหารรับจ้างด้วย นางเป็นส่วนหนึ่งในห้าจอมยุทธ มีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยในความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินได้กลายเป็นจอมยุทธที่สุดยอดและยืนอยู่ในจุดเดียวกันกับหัวหน้าตระกูลของนาง เซียนราชาหลายคนของตระกูลโบราณได้มาเยี่ยมเขาด้วยตัวเองและปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพและนอบน้อม มันช่างเป็นเกียรติของเขาจริง ๆ

ในอีกมุมหนึ่ง นางยังคงเป็นเซียนปฐพีอยู่เลย นางก้าวหน้าไปอย่างมากตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เช่นกัน แต่มันยังมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างนางกับเจี้ยนเฉินในระดับที่น่าตกตะลึง ความแตกต่างสามารถเปรียบได้ราวฟ้ากับเหว

เทียนมู่หลิงอารมณ์หลากหลายมากในตอนนี้ นางอิจฉาในความสำเร็จของเจี้ยนเฉินในตอนนี้อย่างบอกไม่ถูก แต่นางก็ยังชื่นชมอยู่บ้างเล็กน้อยเช่นกัน

“เฮ้อ ในตอนนั้น เขายังอยู่ในระดับเดียวกันกับข้า แต่ในตอนนี้เขาเป็นอะไรที่ข้าได้แต่มองและไม่สามารถเทียบได้เลย” เทียนมู่หลิงทอดถอนใจ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดเลยว่าสหายของข้า เจี้ยนเฉิน จะรู้จักเหลนของข้า มันเป็นเกียรติของนางจริง ๆ ” หัวหน้าตระกูลที่เป็นเซียนราชาจากตระกูลเทียนมู่เริ่มหัวเราะออกจากก้นบึ้งของหัวใจเมื่อเขาเห็นว่าเทียนมู่หลิงสนิทกับเจี้ยนเฉินเพียงใด

..

ในวันต่อมา แขกจากตระกูลโบราณทั้งหมดก็จากไป หลังจากนั้น แม้แต่หัวหน้าตระกูลสันโดษก็ยังมาเยี่ยมพร้อมด้วยสมบัติที่ล้ำค่าอีกด้วย เจี้ยนเฉินให้เจียงหยาง ซู หยุนคงและไป๋ไฮไปต้อนรับพวกเขา ในขณะที่เขาเองไม่ได้ออกมาปรากฏตัว กลับกัน เขาออกจากตระกูลไปและเดินทางไปที่เมืองทหารรับจ้าง

ในเวลาเดียวกัน สมาชิกที่ยังเหลือของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีก็ออกจากเมืองลอร์ไปภายใต้การนำของสมาชิกระดับสูง และรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่และเดินทางไปที่เมืองอัคนี

เจี้ยนเฉินออกจากอาณาจักรเกอซุนและไปที่เมืองทหารรับจ้างด้วยตัวของเขาเอง เขาดีใจแต่ก็เต็มไปด้วยอารมณ์หลายอย่าง ในตอนนี้เขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 ดังนั้นเขาจึงสามารถชุบชีวิตคนตายได้ เขาสามารถชุบชีวิตพ่อแม่ของเขากลับมาได้

เจี้ยนเฉินตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเขาคิดว่าพ่อแม่ของเขาจะคืนชีพขึ้นมา เขารอวันนี้มานานแล้ว

บางอย่างก็เกิดขึ้นทันทีที่เจี้ยนเฉินคิดถึงเกี่ยวกับพ่อแม่ของเขา มิติรอบ ๆ เขาก็ถูกพันธนาการทันที และตรึงเขาเอาไว้แน่น

เจี้ยนเฉินตกใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้และความคิดต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นในหัวของเขาทันที เขามองไปและแววตาเผยให้เห็นความตกใจออกมา

ชายชราผิวเลือดฝาดปรากฏขึ้นในตอนนี้ในทิศทางของสายตาของเจี้ยนเฉิน เขาลอยอยู่ 50 เมตรตรงหน้าเจี้ยนเฉิน และจ้องเขาอย่างเย็นชา

“เป็นเจ้าจริงจริงด้วย ยิหยางซีจากนิกายยิหยวน” เจี้ยนเฉินเรียกออกไป จิตสังหารและความโกรธเริ่มที่จะพุ่งพรวดขึ้นภายในเขาทันที และเผาไหม้เหมือนเปลวเพลิง

“เจี้ยนเฉิน นิกายยิหยวนของข้าเป็นตระกูลผู้พิทักษ์ที่ยิ่งใหญ่ มันไม่ใช่อะไรที่เจ้าหนูอย่างเจ้าจะมาดูถูกได้ เจ้ายังทำให้ผู้อาวุโสสูงสุด หลิงหยวนซีได้รับบาดเจ็บหนัก ทำให้เขากลายเป็นแค่วิญญาณ นิกายยิหยวนของข้าจะแก้เค้นเรื่องนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ไม่มีใครเลยในอดีตที่รอดไปได้หลังจากที่มาดูถูกตระกูลผู้พิทักษ์ของข้า ถึงแม้ว่าตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางจะหนุนหลังเจ้าอยู่ก็ตาม” ยิหยางซีพูดอย่างเย็นชา หลังจากนั้น เขาก็ชี้ไปที่เจี้ยนเฉินและพูด “กฎลับของการกลับมาของหยวน ดรรชนีภูผาทั้งห้า”

พลังธรรมชาติที่มองไม่เห็นควบแน่นขึ้นทันทีที่ยิหยางซีชี้ออกมา นิ้วยาว 3 นิ้วก็พุ่งไปที่เจี้ยนเฉินทันที

นิ้วนั้นก้าวข้ามข้อจำกัดของเวลาและมิติและไปถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินในช่วงเวลาต่อมา มันพุ่งตรงไปที่หว่างคิ้วของเจี้ยนเฉิน

ยิหยางซีต้องการที่จะสังหารเจี้ยนเฉิน การโจมตีของเขาที่ตรงไปที่หว่างคิ้วของเจี้ยนเฉินเพราะเขาต้องการที่จะกำจัดวิญญาณของเจี้ยนเฉิน