ตอนที่ 986: ความช่วยเหลือจากรุยจิน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 986: ความช่วยเหลือจากรุยจิน

ยิหยางซีนั้นทรงพลังมาก เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายยิหยวน และเป็นเซียนราชาในระดับสูงสุดมานานแล้ว มิติที่ถูกเขาพันธนาการเอาไว้นั้นแข็งแกร่งมาก และตรึงเจี้ยนเฉินไว้อย่างแน่นหนาที่ตรงนั้น

นิ้วของยิหยางซีเข้ามาใกล้เจี้ยนเฉินมาก ในวินาทีชีวิตนี้ เจี้ยนเฉินก็คำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวและพลังบรรพกาลสั่นไหวในตัวของเขา ในตอนท้าย มันก็ไหลออกมาเหมือนน้ำท่วม และล้อมรอบเขาอยู่เป็นไฟสีดำ

ทันใดนั้นเอง พลังแห่งการทำลายล้างก็เติมเต็มไปรอบ ๆ ทำให้เมฆปั่นป่วน คลื่นพลังงานที่น่ากลัวขยายออกไปทุกทิศทาง ทำให้มิติรอบ ๆ ยังสั่นไหว

แกร๊ก ! แกร๊ก !

ภายใต้การดิ้นรนอย่างเต็มกำลังของเจี้ยนเฉิน มิติพันธนาการของยิหยางซีแตกกระจายทันที ทำให้มิติรอบ ๆ เขาสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อยิหยางซีกล้าพอที่จะโจมตีเจี้ยนเฉินแล้ว เขาก็ได้กะเวลาไว้อย่างแม่นยำตั้งแต่ตอนแรกแล้ว เขาไม่ให้เวลาเจี้ยนเฉินในการเอาโถงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา ในตอนที่เจี้ยนเฉินหลุดเป็นอิสระ นิ้วของยิหยางซีก็อยู่ห่างจากหน้าผากของเจี้ยนเฉินอีกไม่ถึงหนึ่งนิ้วแล้ว มันพุ่งตรงไปที่วิญญาณของเขาอย่างเร็วมาก

ตาขงเจี้ยนเฉินหรี่เล็กทันที เขาไม่ได้เตรียมตัวเลย ซึ่งทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย เขากำลังคิดถึงพ่อและแม่ของเขาก่อนหน้านี้และไม่ได้คิดว่าผู้ที่มีเกียรติของตระกูลผู้พิทักษ์นิกายยิหยวนอย่างยิหยางซีจะโจมตีเขาตอนที่ยังไม่ทันตั้งตัว แม้ว่าเขาจะมีโถงศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถปกป้องเขาได้ แต่เขาก็ไม่มีเวลาที่จะเอามันออกมา

ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนี้ แสงสีทองวาบก็พุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเขา มันเกิดเป็นหอคอยสีทองขนาดเท่ากำปั้น และป้องกันที่หว่างคิ้วของเจี้ยนเฉินเอาไว้

บู้ม !

การโจมตีกระแทกเข้าไปที่หอคอยสีทองอย่างรุนแรง และทำให้เกิดเสียงระเบิดบาดแก้วหูดังขึ้นมาทันที มันสะท้อนไปรอบ ๆ และกระจายออกไปไกล ในขณะที่พลังงานที่หลงเหลืออยู่ก็กวาดกระจายไปทุกทิศทางเหมือนพายุที่บ้าคลั่ง มิติรอบ ๆ สั่นไหวอย่างต่อเนื่องจากพลังงานนั้น

เสื้อของเจี้ยนเฉินกลายเป็นชิ้น ๆ ทันทีด้วยพายุพลังงานที่รุนแรงและเผยให้เห็นเกราะไหมบรรพกาล ในเวลาเดียวกัน เขาก็ถูกกระแทกกระเด็นถอยหลังไป

เจี้ยนเฉินพุ่งถอยหลังไปเหมือนลูกปืนใหญ่ในขณะที่พลังงานบรรพกาลก็ไหลเวียนอยู่ในตัวของเขาอย่างต่อเนื่อง เขาขับร่างบรรพกาลจนถึงขีดจำกัดเพื่อพยายามที่จะต่อต้านพายุพลังงาน ในขณะที่หอคอยสีทองยังคงลอยอยู่ด้านหน้าของเขา มันพร้อมที่จะป้องกันการโจมตีของยิหยางซีในทุกทุกเวลา

ยิหยางซีจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ใบหน้าของเขามืดครึ้มลงอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่เขาเห็นว่าหอคอยสีทองได้ป้องกันการโจมตีของเขาเอาไว้ เขาคำรามออกมา “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีวัตถุเซียนจากสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่คอยปกป้องเจ้าอยู่ด้วยเช่นกันนอกเหนือจากโถงศักดิ์สิทธิ์แล้ว ข้าคำนวณผิดไปจริง ๆ ” เขาก้าวออกมาทันทีที่เขาพูดจบ และพุ่งผ่านอาณาเขตของพลังงานที่รุนแรงและมาถึงที่ด้านหลังของเจี้ยนเฉินในทันที เขาชี้ไปที่ด้านหลังหัวของเจี้ยนเฉินในตอนนี้

พลังแห่งการมีอยู่ของเจี้ยนเฉินกระจายไปทั่วบริเวณอยู่นานแล้ว ดังนั้นเขาจึงสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของยิหยางซี ภายใต้การควบคุมภายใต้จิตใจของเขา หอคอยสีทองก็เคลื่อนไปที่ด้านหลังของหัวของทันที ในเวลาเดียวกัน เขาก็คว้าโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดเอาไว้ที่มือขวา

“เจี้ยนเฉิน เจ้าตายแน่” ทันใดนั้นเอง คำพูดเหยียดหยามของยิหยางซีก็ดังผ่านเข้ามาในหูของเจี้ยนเฉิน เขาปรากฎขึ้นอย่างเงียบ ๆ ด้านซ้ายของเจี้ยนเฉินและเขาก็ชี้ไปที่หัวของเจี้ยนเฉินในทันที อย่างไรก็ตาม ก็ยังมียิหยางซีอีกคนอยู่ด้านหลังของเขาอีกด้วย

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไป เขารู้สึกได้ว่ายิหยางซีอยู่ด้านหลังของเขา แต่ยิหยางซีที่อยู่ด้านซ้ายก็เป็นตัวจริงด้วยเช่นกัน ยิหยางซีทั้งสองปรากฎขึ้นมาทันทีและทำให้เจี้ยนเฉินตกใจอย่างมาก

เจี้ยนเฉินยังไม่ได้ขยายโถงศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างเต็มที่ เขาใช้วัตถุเซียนเพื่อป้องกันการโจมตีจากยิหยางซีที่อยู่ด้านหลังของเขา แต่เขาก็ป้องกันการจมตีของยิหยางซีคนที่สองไม่ได้ ในวินาทีชีวิตนี้ ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือหันหัวอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะพยายามหลบการโจมตีที่ถึงชีวิตของยิหยางซีคนที่สอง

เจี้ยนเฉินพลาดที่จะหลบการโจมตีได้แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเขาขยับหัวของเขาแล้ว การโจมตีของยิหยางซีก็พลาดที่จะโดนวิญญาณของเจี้ยนเฉินและโดนไปที่หน้าของเขาแทน มันตัดผ่านร่างบรรพกาลของเขาไปได้อย่างง่ายดาย

หัวใจของเจี้ยนเฉินสั่นอย่างมากเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงการโจมตีของยิหยางซีและเข้าไปที่ร่างของเขา การโจมตีมีพลังงานที่รุนแรงมาก ถ้ามันระเบิดออก มันคงเพียงพอที่จะระเบิดหัวของเขาให้เป็นชิ้น ๆ ในเวลานั้น เขาก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัสแม้ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม

เจี้ยนเฉินไม่ลังเลและสะบัดหัวตัวเองไปด้านหลัง เพื่อที่จะสะบัดให้หลุดจากการโจมตีของเจี้ยนเฉิน หลังจากนั้น เขาก็ถอยไปอย่างรวดเร็วและโถงศักดิ์สิทธิ์ก็ลอยออกมาจากมือของเขาในเวลาเดียวกัน มันขยายขึ้นอย่างรวดเร็วเหนือหัวของเขา

ยิหยางซีคนที่สองหายไปอย่างช้า ๆ ยิหยางซีคนที่เหลือมองไปที่เจี้ยนเฉินซึ่งบาดเจ็บอยู่ด้วยความเสียดาย เขาคิด “มันน่าเสียดายที่การควบคุมร่างแยกของข้ายังไม่ดีพอ ไม่งั้นการโจมตีนั้นคงจะถึงแก่ชีวิตของเจ้าไปแล้ว”

เจี้ยนเฉินพยายามที่จะเข้าไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ทันทีโดยที่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของเขา

ตาของยิหยางซีเย็นชาขึ้นทันทีในขณะที่เขารู้ถึงความตั้งใจของเจี้ยนเฉิน เขาร้องออกมาอย่างดัง “เจ้าอย่าบังอาจเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์นะ”

ระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่มีความหมายต่อยิหยางซี เขาก้าวออกมาและเดินทางไปได้หลายสิบเมตรในทันที และไปถึงที่ระหว่างเจี้ยนเฉินและโถงศักดิ์สิทธิ์ เขาเหวี่ยงฝ่ามือโจมตีลงไปเพื่อต้องการที่จะกันไม่ให้เจี้ยนเฉินเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์

เจี้ยนเฉินเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของยิหยางซีดี ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการที่จะรับมันตรง ๆ เลยแม้แต่น้อย วัตถุเซียนป้องกันการโจมตีเอาไว้

แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะสามารถซ่อนอยู่ในวัตถุเซียน แต่เขาก็จะเสียความสามารถในการหลบหนีไป นี่เป็นเพราะยิหยางซีสามารถที่จะเอาวัตถุเซียนกลับไปที่ตระกูลผู้พิทักษ์ได้และจากนั้นเขาก็สามารถใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของตระกูลเพื่อที่จะเปิดมันออกมาได้

ดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงสามารถใช้แค่วัตถุเซียนในการป้องกันได้เท่านั้น เขาไม่สามารถซ่อนอยู่ในนั้นได้เหมือนโถงศักดิ์สิทธิ์

ฝ่ามือโจมตีของยิหยางซีทรงพลังมากจนเจี้ยนเฉินถูกกระแทกถอยไปพร้อมกับวัตถุเซียน มันทำให้เขาห่างออกจากโถงศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น

เจี้ยนเฉินเคร่งเครียดทันทีในขณะที่เขาเห็นว่าตัวเองถอยห่างออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น เขาคิดแล้วโถงศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าใกล้มาทางเขา

“เจี้ยนเฉิน เมื่อข้าอยู่ตรงนี้ ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร” ยิหยางซีเหยียดออกมา เขาก้าวออกไปและไปถึงที่ตรงหน้าเจี้ยนเฉินอีกครั้ง เขาใช้ฝ่ามือโจมตีออกไป พลังงานที่รุนแรงกระแทกทั้งเจี้ยนเฉินและวัตถุเซียนถอยกลับไปมากกว่าเดิมอีกครั้ง เขายังคงอยู่ห่างจากโถงศักดิ์สิทธิ์มากเท่าเดิมในท้ายที่สุด

จิตสังหารที่รุนแรงมากปรากฏขึ้นรอบ ๆ ในตอนนี้ ทำให้ท่าทางของยิหยางซีเปลี่ยนไป เมื่อพลังแห่งการมีอยู่ปรากฏขึ้น เสียงก็ระเบิดดังออกมา “ข้าไม่คิดเลยว่าผู้อาวุโสสูงสุดที่เป็นที่เคารพของตระกูลผู้พิทักษ์จะมาแอบซุ่มโจมตีผู้เยาว์เช่นนี้ ตระกูลผู้พิทักษ์ทำกันแบบนี้หรือ ? ข้าเพิ่งได้เห็นด้วยตัวเองวันนี้จริง ๆ “

ในขณะที่เสียงดังระเบิดออกมา มิติที่อยู่ร้อยเมตรห่างออกออกไปก็กระเพื่อมขึ้น พลังงานเติมเต็มไปทั่วมิติที่ว่างเปล่าและประตูมิติก็เปิดขึ้นมาอย่างยากลำบากในขณะที่มันกำลังต่อต้านพลังงานที่ปะทะกันอย่างปั่นป่วนอย่างวุ่นวายที่อยู่ในบริเวณนี้ พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลทั้งสองก็เปล่งรัศมีออกจากประตูมิติ

ท่าทางของยิหยางซีเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาคุ้นเคยกับพลังแห่งการมีอยู่ทั้งสองนี้ดี เพราะทั้งสองเป็นสองจอมยุทธที่สู้ได้อย่างสูสีกับมารราคะและจักรพรรดิเสือ พวกเขาคือรุยจินและเฮยยู่

ยิหยางซีมั่นใจในตัวเอง แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นคู่มือของสองคนนี้ เขาไม่ลังเลและโจมตีไปที่ประตูมิติที่กำลังก่อตัวขึ้นด้วยฝ่ามือและทำให้มันแตกกระจายออก

“เจ้าคิดว่าเจ้าจะหยุดไม่ข้ามาได้เพราะว่าเจ้าทำลายประตูมิติของข้างั้นหรือ ? ” เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังระเบิดออกมาแต่ไกล เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ ทุกขณะที่มันเข้ามาใกล้ที่ซึ่งเจี้ยนเฉินอยู่

รุยจินใช้ทักษะลับในขณะที่เขาบินมาจากเมืองลอร์ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ แสงสีทองแสบตาแต่ไกลเข้ามาใกล้ที่บริเวณนี้อย่างรวดเร็ว และพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลก็มาถึงพร้อมกันด้วย

ยิหยางซีเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในขณะที่เขามองไปที่รุยจินที่เข้าใกล้มาเรื่อย ๆ ตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัวอยู่ลึก ๆ เขารู้ว่าถ้าเขาไม่หนีตอนนี้เขาคงจะหนีไปไหนไม่รอดแน่

ยิหยางซีมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเคร่งเครียดพร้อมขบฟัน “เจี้ยนเฉิน ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อนในวันนี้ ให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อได้อีกซักสองสามวัน” ยิหยางซีเปิดประตูมิติออกมาหลังจากพูดแบบนั้น เขาต้องการที่จะหนี

เจี้ยนเฉินเอายุทธภัณฑ์จักรพรรดิออกมาจากแหวนมิติของเขาและฟันไปที่ประตูมิติด้วยปราณกระบี่ เขาต้องการที่จะป้องกันไม่ให้ยิหยางซีหนี

ยิหยางซียิ้มอย่างเหยียดหยาม เขาชี้นิ้วออกไปช้า ๆ และยิงออกไปเพื่อทำลายปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉิน เขาพูดอย่างเย็นชาออกมา “เจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้วที่จะหยุดไม่ให้ข้าหนีไปด้วยตัวของเจ้าเอง” หลังจากนั้น ยิหยางซีก็หายผ่านประตูมิติไป

รุยจินมาถึงอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่เจี้ยนเฉินที่หน้าเปื้อนเลือดและโกรธเกรี้ยวทันที เขาถามอย่างเป็นห่วง “น้องเจี้ยนเฉิน เจ้าสบายดีหรือไม่ ? “

สายตาของเจี้ยนเฉินเย็นชา เขาเก็บโถงศักดิ์สิทธิ์และวัตถุเซียน จากนั้นเขาก็ส่ายหัวเบา ๆ “ข้าสบายดี ข้าขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสองที่มาถึงทันเวลา ทำให้ยิหยางซีกลัวและหนีไป ไม่อย่างนั้นวันนี้คงเป็นวันตายของข้าไปแล้ว”

รุยจินมองไปที่ทิศทางที่ยิหยางซีหนีไปและคำรามออกมา “ตระกูลผู้พิทักษ์ทำเกินไปแล้ว แม้แต่คนที่มีฐานะแบบนั้นยังพยายามที่จะซุ่มโจมตีเจ้าที่นี่อีก พวกเราไปกันเถอะ น้องเจี้ยนเฉิน เฮยยู่กับข้าจะไปจัดการตระกูลผู้พิทักษ์กับเจ้าเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมที่เจ้าสมควรจะได้รับ” รุยจินระเบิดคำพูดออกมา เขาโกรธมาก เหมือนว่าเขาคงจะไม่พอใจถ้าเขาไม่ได้จัดการกับตระกูลผู้พิทักษ์

“ผู้อาวุโส ข้าขอบคุณอย่างมากที่เจ้าช่วยเหลือ แต่ข้าจะแก้แค้นด้วยตัวเองในเรื่องนี้” เจี้ยนเฉินพูดด้วยใบหน้าที่มืดมนในขณะที่เลือดยังคงไหลออกมา

หลังจากนั้น เฮยยู่ก็รีบมาเช่นกัน เขายืนอยู่อย่างโกรธเกรี้ยวข้าง ๆ รุยจินและสาบานที่จะแก้แค้นให้เจี้ยนเฉิน และจะบดขยี้นิกายยิหยวนให้แหลกไป อย่างไรก็ตาม เขาก็ถูกเจี้ยนเฉินปฏิเสธ

นี่เป็นเพราะเจี้ยนเฉินได้รู้มาจากเจียงหยาง ซู หยวนเซียวถึงพลังที่ตระกูลผู้พิทักษ์ได้ซ่อนเอาไว้ ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่มีพลังของเซียนจักรพรรดิ เจี้ยนเฉินไม่ต้องการที่จะให้ทั้งสองคนมาเสี่ยงแม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะทรงพลังและมีเกราะที่มีพลังงานดั้งเดิม

อีกทั้ง รุยจินและเฮยยู่ยังช่วยเขามาอีกหลายครั้งแล้วด้วย เขาไม่ต้องการที่จะเป็นหนี้บุญคุณมากกว่านี้