ตอนที่ 1122 จะกลายเป็นทาสเมีย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ถึงแม้ว่าจื่อโยวจะคิดถึงเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ มากเพียงใด แต่หากไม่มีการปกป้องจากผู้พิทักษ์นิรันดร์คอยปกป้อง สายฟ้าลงทัณฑ์ปกป้องดินแดนนี้ก็คงจะโจมตีจนเนื้อหนังมังสาของเขาจนถลอกปอกเปิกจนเขาต้องเหลือเพียงแค่ครึ่งชีวิตแน่นอน!

เสียง เปรี้ยง! ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นอีกครา มังกรเงินตัวนั้นก็โจมตีลงมาอีกครั้ง

ถึงแม้ว่าครั้งแรกจะต้านทานได้อย่างปลอดภัย แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจจนอกสั่นขวัญหาย หากครั้งที่สองนี้ต้านทานไม่ได้ล่ะ!

สำหรับมู่เฉียนซีแล้ว ภัยคุกคามของสายฟ้าลงทัณฑ์นี้ดูเหมือนว่านางจะไม่รู้สึกอันใดเลย ในตอนนี้สมองของนางมีแต่ความว่างเปล่า

และดูเหมือนว่าหวงจิ่วเยี่ยจะอาศัยจูบนี้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

มังกรเงินตัวที่สองโจมตีลงมา และเกราะป้องกันของสุ่ยจิงอิ๋งยังคงต้านทานเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

ทว่า สายฟ้าบนท้องนภานี้กลับไม่ได้อันตรธานหายไปแต่อย่างใด

จื่อโยวกล่าว “มีอันใดผิดพลาดหรือไม่! ต่อให้ทำผิดกฎแต่ก็ควรโดนลงทัณฑ์เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่นี่ แต่นี่มันสามครั้งแล้วนะ…”

ซิงเฉินกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “ก็เพราะว่าเจ้านายของข้าไม่ใช่คนธรรมดาอย่างไรเล่า”

จื่อโยวกล่าว “นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาภาคภูมิใจนะ! หากต้านทานเอาไว้ไม่ได้จะทำเช่นไรล่ะ?”

จวินโม่ซีกับเฟิงอวิ๋นซิวก็กระวนกระวายใจขึ้นมาแล้วเช่นกัน คนอื่นอย่างมากก็ถูกสายฟ้าลงทัณฑ์แค่ครั้งเดียว แต่หวงจิ่วเยี่ยกลับต้องรับการลงทัณฑ์ถึงสามครั้ง!

เสียง เปรี้ยง! ดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง จากนั้นสายฟ้ากับลำแสงสีฟ้าอ่อนก็ได้เริ่มพัวพันกัน

ไม่ว่าสายฟ้านั่นจะโจมตีอย่างบ้าคลั่งมากมายเพียงใด ก็ยังคงไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้แม้แต่น้อย

พลังของสายฟ้าลงทัณฑ์ปกป้องดินแดนทั้งสามดูเหมือนว่าจะอันตรธานหายไปแล้ว

เมฆครึ้มบนท้องนภาในตอนนี้ก็ได้กระจายหายไป และท้องฟ้าก็กลับมาปลอดโปร่งอีกครั้ง

ในที่สุดบุรุษผู้แข็งแกร่งในชุดคลุมยาวสีดำผู้นั้นก็เอาปากออกจากริมฝีปากของสตรีในชุดม่วง

มู่เฉียนซีหายใจอย่างกระหืดกระหอบ นางโดนจูบกลางอากาศจนเกือบจะขาดอากาศหายใจตาย

จิ่วเยี่ยอุ้มมู่เฉียนซีลอยตัวลงมาจากกลางอากาศอย่างเชื่องช้า สายตาของเขาจับจ้องไปที่บุรษหนุ่มสองคนที่กำลังเป็นห่วงมู่เฉียนซีจนดวงตาแดงก่ำอย่างจวินโม่ซีและเฟิงอวิ๋นซิว

แขนอันแข็งแกร่งของเขากอดมู่เฉียนซีเอาไว้ในอ้อมกอดแน่นยิ่งขึ้น

ซีเป็นของเขา!

จื่อโยวกล่าว “เยี่ย เจ้าไม่เป็นไร เยี่ยมไปเลย ข้าตกใจแทบแย่”

ทว่า จิ่วเยี่ยนั้นไม่ได้สนใจจื่อโยวเลยแม้แต่น้อย เขามองมู่เฉียนซีและกล่าวถามว่า “ซี จะไปที่ใด?”

มู่เฉียนซีกล่าว “กลับไปที่หอหมอปีศาจที่เมืองตงจี๋ก่อน”

“อืม!”

ภายในชั่วพริบตาเดียว จิ่วเยี่ยก็กอดมู่เฉียนซีและได้อันตรธานหายไปทันที

จื่อโยวตะโกนขึ้นว่า “เยี่ย รอข้าด้วยสิ!”

“ยังมีอีกหลายเรื่องที่เจ้าต้องตัดสินใจ นี่เจ้าคิดจะไปก็ไปเช่นนี้เลยเหรอ เยี่ย!”

ตูม! ซิงเฉินใช้ค้อนทุบจื่อโยวอย่างไม่ลังเล

“เจ้าคนโง่ กว่าฝ่าบาทจะมาเจอกับนายหญิงได้มันไม่ง่ายเลยนะ เจ้าทำตัวให้มันสงบ ๆ สักหน่อยเถอะ”

จวินโม่ซีก็ได้สติคืนมาแล้ว เขาตะโกนขึ้นว่า “สาวน้อย ข้าเดินทางมาเทือกเขาเมฆามืดกับเจ้าอย่างยากลำบาก นี่เจ้าจะใจดำทิ้งข้าไปเช่นนี้นะเหรอ”

เฟิงอวิ๋นซิวนึกถึงภาพที่ทั้งสองสนิทแนบชิดกันเช่นนั้นแล้ว ในใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก

เขากล่าวเสียงขรึมว่า “ข้าก็ควรจะกลับตำหนักตงจี๋แล้ว จะไปคุยกับหัวหน้าตำหนักให้รู้เรื่อง”

ไป๋อู๋ห่ายที่กลับมาถึงตำหนักตงจี๋แล้ว ในตอนนี้ได้เพิ่มระดับการป้องกันของตำหนักตงจี๋มากขึ้นไปอีก แม้กระทั้งค่ายกลป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดได้เปิดใช้แล้วในตอนนี้

ความแข็งแกร่งของหวงจิ่วเยี่ยนั้นเกือบจะทำให้ทำตกใจจนดวงจิตแทบดับสูญ

“ท่านหมิงจี ท่านหมิงจี!” เขามองไปที่ร่างที่ครึ่งหนึ่งได้กลายเป็นโครงกระดูกของหมิงจีที่ถูกวางลงบนเตียงพลางเรียกนางด้วยความตื่นตระหนก

คนที่นอนอยู่บนเตียงได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว นางฟื้นขึ้นมาและเมื่อยกมือขึ้นดูก็ได้เห็นกับมือที่ไร้ซึ่งเลือดเนื้อแล้ว มือของนางในตอนนี้หลงเหลือเพียงแค่โครงกระดูกขาวเท่านั้น

ทันใดนั้นเอง เสียงกรีดร้องก็ดังลั่นออกมา

อ๊าา!

“มือข้า เกิดอันใดขึ้นกับมือของข้า?”

สตรีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ยั้งสติเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ไป๋อู๋ห่ายรู้ดีว่าผู้ที่ฟื้นขึ้นมานี้ไม่ใช่หมิงจี แต่เป็นบุตรสาวของเขา

“เหยียนเอ๋อร์!”

ไป๋เหยียนเอ๋อร์มองไป๋อู๋ห่ายด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ท่านพ่อ ขะ ข้าเป็นอะไรไป?”

นางใช้มืออีกข้างจับใบหน้าตนเอง น้ำตาไหลพรากลงมา เมื่อเอามือลูบคลำใบหน้าตนเอง จู่ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ

ดูเหมือนว่าจะลูบไปนั้นจะเป็นกระดูก นางตะโกนเสียงดังลั่นว่า “กระจก กระจก เอากระจกมาให้ข้า!”

ผลสุดท้ายก็เอากระจกมาส่อง ไป๋เหยียนเอ๋อร์ตกตะลึงพรึงเพริดจนเป็นลมหมดสติไปเมื่อได้เห็นใบหน้าครึ่งหนึ่งกลายเป็นโครงกระดูก

ตุบ!

“ใครก็ได้! มาช่วยธิดาศักดิ์สิทธิ์เร็วเข้า!” ไป๋อู๋ห่ายตะโกนเสียงดังลั่น

หวงจิ่วเยี่ยมาส่งมู่เฉียนซีที่หอหมอปีศาจ มู่เฉียนซีขยับตัวเข้าใกล้เขาพลางกล่าวถามว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าได้เบาะแสมาแล้วใช่หรือไม่?”

ถึงแม้ว่าการปรากฏตัวของหมิงจีจะอันตรายมาก แต่ด้วยพลังความแข็งแกร่งของจื่อโยวแล้วไม่แน่พวกเขาก็อาจจะเอาชนะได้ก็ได้ แต่จิ่วเยี่ยกลับปรากฏตัวออกมาพอดี

จิ่วเยี่ยพยักหน้าพลางตอบ “อืม!”

มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตื่นเต้นขึ้น “เบาะแสอันใด? หาที่อยู่ของเผ่ามังกรเจอแล้ว หรือว่าหาที่อยู่ทั้งสองเผ่าเจอ?”

จิ่วเยี่ยวางมือลงบนศีรษะของมู่เฉียนซี เขากล่าว “ซีพักผ่อนก่อนเถอะ!”

“มีข่าวดีเช่นนี้ข้าจะหลับลงได้อย่างไรกันเล่า!”

“พักผ่อนให้เพียงพอก่อน!” กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกเข้าสู่ร่างของมู่เฉียนซี พลันนั้นมู่เฉียนซีก็รู้สึกง่วงงุนโดยไม่รู้ตัว

นึกไม่ถึงว่าจิ่วเยี่ยจะบังคับให้นางพักผ่อนเช่นนี้!

นับตั้งแต่หลังจากที่ชิงอิ่งถูกจับตัวไป นางก็ยังไม่ได้พักผ่อนดี ๆ เลย

การต่อสู้ครั้งใหญ่ติดกันสองครั้ง อีกทั้งยังประลองพลังจิตกับปรมาจารย์หุ่นเชิดในห้องลับนั่นอีก

ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้แสดงออกมา แต่ร่างกายนางก็ได้เหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว

คนอื่นดูไม่ออก แต่หวงจิ่วเยี่ยที่อยู่ใกล้ชิดนางปานนั้น สนิทชิดเชื้อกับนางเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาย่อมดูออก

มู่เฉียนซีหลับไปแล้ว และจิ่วเยี่ยก็เฝ้าอยู่ข้างกายนางตลอด

จื่อโยวตามมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เขากล่าว “เยี่ย เจ้ามาหาคนงามแล้ว เป็นเพราะว่า…”

เขายังพูดไม่ทันจบ สายตาอันเย็นยะเยือกคู่นั้นก็กวาดมองมาที่เขาจนทำให้เขาจำต้องหุบปากไป

ร่างของจิ่วเยี่ยเคลื่อนไหวออกจากห้องมู่เฉียนซีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนจื่อโยวก็ตามออกไปอย่างระมัดระวังเช่นกัน

เขารู้สึกว่าความเป็นทาสเมียของจิ่วเยี่ยนี้ยิ่งพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เขาแค่พูดออกมาเพียงไม่กี่คำก็กลัวว่าจะเสียงดังรบกวนคนงามให้ตื่น

จื่อโยวมองดูแผ่นหลังของเจ้านายตนเองพลางกล่าวว่า “เยี่ย หาที่อยู่ของเผ่ามังกรเจอแล้วใช่หรือไม่?”

“อืม!”

“แล้วเจ้ามีแผนการเช่นไรล่ะ จะบุกไปที่เผ่ามังกรกับคนงามอย่างนั้นเหรอ?”

จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงขรึมว่า “ข้ามีวิธีที่จะเอากุญแจเทพของเผ่ามังกรมาจากซี”

“คนงามต้องโกรธแน่ ๆ”

“ข้าไม่อยากให้นางเสี่ยงอันตราย ข้าไม่อยู่ด้วย จะต้องไม่เกิดเรื่องกับนาง”

“เยี่ย เจ้าวางใจเถอะ! ตอนนี้หมิงจีบาดเจ็บอาการสาหัส ลุกขึ้นมาสร้างเรื่องวุ่นวายไม่ได้หรอก แต่สตรีผู้นี้มีสันดานเจ้าเล่ห์ เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ดินแดนสี่ทิศยับยั้งพลังเอาไว้ การจะฆ่านางมันไม่ใช่เรื่องง่าย อีกอย่างนางยังซ่อนตัวอยู่ในตำหนักตงจี๋อยู่” จื่อโยวยิ้มพลางกล่าว

“ข้าจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนซีแล้ว เรื่องอื่นเจ้าจัดการไปก็แล้วกัน!” ร่างในชุดดำเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว จิ่วเยี่ยได้อันตรธานไปแล้ว

เขาเอนกายลงข้างกายมู่เฉียนซี เอื้อมมือคว้านางมากอดไว้ในอ้อมอก เพื่อให้นางหลับสบายและรู้สึกปลอดภัย

จื่อโยวรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นแล้ว “ข้ายังมีเรื่องที่ยังพูดไม่จบเลยนะ! เยี่ย…”

“ท่านหัวหน้าตำหนักขอรับ นายน้อยอวิ๋นซิวมาขอพบขอรับ!” ผู้น้อยมารายงานต่อไป๋อู๋ห่าย

“เฟิงอวิ๋นซิวกลับมาแล้ว!” ไป๋อู๋ห่ายพึมพำ จากนั้นก็ต้อนรับทักทายด้วยความตื่นเต้น

“อวิ๋นซิว เจ้ากลับมาแล้ว องค์ชายจิ่วเยี่ยไม่ได้ทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่!”

“เขาไม่ได้ทำอะไรข้า ดูเหมือนว่าหัวหน้าตำหนักจะผิดหวังมากแล้ว!” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างเย็นชา

“ข้าจะผิดหวังด้วยเหตุใดเล่า! องค์ชายจิ่วเยี่ยปรากฏตัวขึ้นในดินแดนสี่ทิศ อีกทั้งยังลงมือเข่นฆ่าพวกเราอีก ตอนนี้พวกเราไม่ใช่ต่อสู้ของเขา เอ่อ…เจ้า เจ้าพอจะหายอดฝีมือมาสักหน่อยได้หรือไม่ ไล่ให้องค์ชายจิ่วเยี่ยนั้นกลับคุกโลหิตไป” ไป๋อู๋ห่ายกล่าว