ตอนที่ 810 ตัดหัว

หมอดูยอดอัจฉริยะ

“เหมียวจื่อหลง ชีวิตของฉันมีค่าแค่สองร้อยล้านดอลลาร์นี่น่ะหรือ?” เยี่ยเทียนยิ้มหยัน “พอฆ่าฉันไปแล้ว ซ่งเสี่ยวหลงก็จะได้ครองครองทรัพย์สมบัติหลายหมื่นล้านดอลลาร์ แต่จ่ายแค่สองร้อยล้านเพื่อที่จะซื้อชีวิตฉัน แบบนี้ไม่กดราคาเกินไปหน่อยรึ?”

“ย…เยี่ยเทียน ในเมื่อแกรู้อยู่แล้วว่าซ่งเสี่ยวหลงเป็นคนวางแผน ก็อย่ามาหาเรื่องกับฉันสิ”

แม้จะหลบอยู่หลังร่างของเจอร์รีแล้ว แต่ในใจเหมียวจื่อหลงกลับไม่ได้รู้สึกปลอดภัยเลยสักนิด เงาร่างตรงหน้าซึ่งไม่ได้สูงใหญ่อะไรมากมายนี้ กลับเป็นดั่งภูเขาลูกใหญ่ที่กดทับหัวใจของเขาอยู่ ทำให้เหมียวจื่อหลงรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลย

“ดูเหมือนพวกแกจะเป็นฝ่ายมาหาเรื่องฉันมากกว่านะ?”

บนใบหน้าของเยี่ยเทียนยังคงระบายยิ้มอ่อนๆ แต่ดวงตากลับฉายรังสีอำมหิตออกมาวาบหนึ่ง หลายปีที่ผ่านมานี้ซ่งเสี่ยวหลงไม่ได้ว่างเว้นเลย คราวนี้ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเข้าสู่ระดับเซียนเทียนแล้ว ความสามารถในการรับรู้ถึงอันตรายจึงพัฒนาขึ้นมามากละก็ เขาอาจจะต้องมาจบชีวิตที่ต่างแดนนี่จริงๆ ก็เป็นได้

“คุณเหมียว คุณจะมัวพูดกับมันทำไมให้มากความล่ะ?”

เจอร์รีซึ่งคอยระวังระไวมาตลอดตั้งแต่เยี่ยเทียนปรากฏกายขึ้นพลันพูดโพล่งขึ้นมา และที่พูดมายังเป็นภาษาจีนกลางสำเนียงชัดเป๊ะอีกด้วย ทำให้เยี่ยเทียนตะลึง ดูแล้วภาษาจีนก็ไม่น่าจะเผยแพร่ไปในระดับสากลอย่างกว้างขวางถึงขนาดนี้นี่นา?

“แกไม่ต้องแปลกใจหรอก ฉันเคยอยู่ที่จีนมาหกปีแล้ว”

ประโยคนี้เจอร์รีพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ หลังจากพวกเคลวินได้ยินก็มีสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักกับเจอร์รีมาสิบกว่าปีแล้ว แต่กลับไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับอดีตของเจอร์รีมากนัก จึงไม่รู้ว่าเขาเคยมีประสบการณ์แบบนั้นด้วย

“จีนนี่เป็นประเทศที่ลึกลับจริงๆ สมัยฉันอยู่ที่นั่นก็ได้เรียนรู้อะไรๆ มาเยอะแยะเลย!”

เจอร์รีมองดูเยี่ยเทียนพลางพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้ว่า แกเป็นผู้ที่รู้วิชาลี้ลับของทางตะวันออก ถ้ารู้มาก่อนละก็ ฉันไม่มีทางรับภารกิจครั้งนี้แน่ เยี่ยเทียน จะให้ฉันใช้เงินออมทั้งหมดของกองกำลังมาขอไถ่โทษแกสำหรับเรื่องในครั้งนี้ก็ได้ ไม่ทราบว่าแกจะยอมรับไหม?”

“ไม่นะ! เจอร์รี คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”

เจอร์รีพูดยังไม่ทันขาดคำ เหมียวจื่อหลงก็โวยวายขึ้นมา “พวกคุณรับการว่าจ้างจากผมไปแล้ว จะมาทิ้งนายจ้างแบบนี้ไม่ได้นะ เจอร์รี ขอแค่คุณทำให้ผมไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ผม…ผมจะจ่ายให้คุณอีกหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์เลยก็ได้!”

เหมียวจื่อหลงก็นับว่าเป็นคนฉลาด เขาเข้าใจดีว่า ต่อให้มีเงินทองมากมายเพียงใด ถ้าไม่มีชีวิตอยู่ก็ไม่มีทางได้ใช้อยู่ดี ไม่อย่างนั้นแล้ว เงินที่เขาอุตส่าห์หาอย่างยากลำบากมาครึ่งชีวิตนี้ สุดท้ายแม้แต่ภรรยากับลูกก็อาจจะไม่ได้ไปด้วยซ้ำ

“ว่าจ้าง?”

เมื่อได้ยินเหมียวจื่อหลงพูดดังนั้น เจอร์รีก็มีสีหน้าแปลกๆ “เหมียว ข้อมูลที่คุณให้พวกผมมาน่ะผิดพลาดทั้งหมดเลย ผมว่าผมมีสิทธิ์ที่จะยกเลิกสัญญาว่าจ้างระหว่างเรานะ ส่วนเงินมัดจำพวกนั้นผมคืนให้คุณก็ได้!”

ด้วยนิสัยใจคอของเจอร์รีแล้ว ถ้าเขามีความมั่นใจสักสิบเปอร์เซ็นต์ว่าจะกำจัดเยี่ยเทียนได้ เขาก็คงไม่มีทางตัดสินใจแบบนี้แน่ แต่หลังจากที่เยี่ยเทียนปรากฏกายขึ้น ในใจของเจอร์รีก็มีเสียงหนึ่งบอกเขาว่า หากเป็นศัตรูกับเยี่ยเทียน เขาก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว

ขนาดมดปลวกยังรักชีวิตของตัวเอง นับประสาอะไรกับมนุษย์เล่า เมื่อรู้ว่าตัวเองจะต้องตาย ไม่ว่าใครๆ ก็คงจะทำแบบเดียวกับเจอร์รีกันทั้งนั้น สิ่งที่เรียกว่าเกียรติของทหารรับจ้างนั้น เมื่อมาอยู่ต่อหน้าความตายแล้วก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไรอีก

“ไม่ ไม่ได้ แกทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” เหมียวจื่อหลงชักสีหน้า ดวงตาพลันฉายแวววอำมหิต มือขวาตะปบไปที่ลำคอของเจอร์รีปานสายฟ้าแลบ คราวนี้อาจจะบิดคอของเจอร์รีหักไปเลยก็เป็นได้

“ปัง…ปังๆ!”

เคลวินที่ตอนแรกกำลังเล่นปืนพกในมืออย่างเฉยเมยนั้น สองมือพลันยกขึ้นมา ประกายไฟแลบออกมาจากลำกล้องปืนหลายครั้ง จากนั้นเสียงกรีดร้องของเหมียวจื่อหลงก็ดังขึ้นมา กระสุนที่เคลวินยิงออกไปนี้ทำให้แขนขาทั้งสี่ของเหมียวจื่อหลงหักไปหมดแล้ว

“ด้านวิทยายุทธผมอาจจะสู้คุณไม่ได้ แต่คุณอย่าลืมสิว่า พวกเรากองกำลังแม่มายดำถูกจัดอยู่อันดับที่เท่าไรในโลกนี้!”

เจอร์รีมองดูเหมียวจื่อหลงที่กำลังนอนกลิ้งเกลือกร้องโหยหวนอยู่ตรงหน้า บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน เขากับพวกเคลวินร่วมงานกันมาสิบกว่าปีแล้ว ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันยังมีมากกว่าเวลาที่อยู่กับครอบครัวเสียอีก จึงรู้ใจกันขนาดที่คนธรรมดาไม่มีทางจินตนาการได้เลย

“ดี แกโหดมาก เจอร์รี ฉันไม่นึกเลยนะว่าแกจะเป็นคนแบบนี้”

เหมียวจื่อหลงดูเหมือนจะยอมรับชะตาแล้ว รอยยิ้มขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันซีดเผือด เขาเข้าใจมาตลอดว่า สมองของตัวเองนั้นยังเหนือกว่าพรสวรรค์ในด้านวิชาการต่อสู้เสียอีก ดังนั้นแม้จะมีวิทยายุทธไม่เลวเลย แต่กลับมีโอกาสได้ลงมือน้อยอย่างยิ่ง และเร้นกายอยู่หลังฉากวางอุบายใส่คนอื่นมาตลอด

แต่ไม่ว่าอย่างไรเหมียวจื่อหลงก็นึกไม่ถึงเลยว่า แผนการในครั้งนี้จะกลับถูกคนอื่นล่มจนพังไม่เป็นท่า กองกำลังทหารรับจ้างที่เขาทุ่มเงินก้อนโตจ้างมานี้ ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดกลับหันมาแทงมีดใส่เขาอย่างโหดเหี้ยม

“คุณเหมียว เรื่องนี้จะโทษผมไม่ได้นะ!”

เจอร์รีมองไปที่เหมียวจื่อหลงด้วยสายตาแปลกๆ แล้วเตะใส่ช่วงเอวของเหมียวจื่อหลงอย่างแรง เหมียวจื่อหลงปลิวกระเด็นออกไปไกลสี่ห้าเมตร แล้วร่วงลงแทบเท้าเยี่ยเทียน

เจอร์รีไม่ได้เหลือบมองเหมียวจื่อหลงซึ่งกำลังมีแววตาเคียดแค้นเลย แต่หันหน้าไปพูดกับเยี่ยเทียนว่า “คุณเยี่ย พวกฉันจะช่วยกำจัดมันให้ก็ได้นะ รวมถึงจัดการกับซ่งเสี่ยวหลงให้ด้วย แล้วหวังว่าคุณจะไม่สืบสาวเอาความกับเรื่องที่พวกเราทำพลาดไปในครั้งนี้!”

หลังจากฟังเจอร์รีพูดจบ เยี่ยเทียนมีสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม และเอ่ยตอบว่า “ได้สิ คุณกำจัดมันก่อน แล้วก็ไปเอาหัวของซ่งเสี่ยวหลงกลับมา แล้วผมจะให้อภัยต่อการกระทำที่ผ่านมาของพวกคุณก็ได้!”

“ตกลง บรูกแมน ไปตัดหัวคุณเหมียวมาซิ!”

เจอร์รีเปรียบดั่งจิตวิญญาณของกองกำลังนี้ จึงไม่มีใครกังขาในคำพูดของเขาเลย หลังจากเจอร์รีสั่งออกไป       บรูกแมนที่ตอนแรกกำลังจับตาดูเยี่ยเทียนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก็เสียบปืนพกที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้วกระบอกนั้นกลับลงไปในซองปืนที่เอว แล้วชักดาบใบกว้างสันหนาเล่มหนึ่งออกมาจากบนหลัง

เยี่ยเทียนถอยไปทางขวาของเหมียวจื่อหลงสองก้าว มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยท่าทางสบายๆ สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย

“คุณเหมียว ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษตัวคุณเองนั่นแหละนะ!”

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลเป็นจากคมมีดของบรูกแมนนั้น ยามนี้ดูเหี้ยมเกรียมกว่าปกติ สองมือกุมด้ามดาบใบกว้างชูขึ้นสูง เหมียวจื่อหลงที่อยู่ใต้คมดาบมีสีหน้าสิ้นหวัง รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่รุนแรงจนแทบจะจับต้องได้บนร่างของอีกฝ่าย

“ตายซะเถอะ!”

บรูกแมนเปล่งเสียงคำรามออกมาจากในลำคอ สองมือที่ถือดาบชูขึ้นสูงนั้นฟันลงมาอย่างรวดเร็วรุนแรง แต่แล้วความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ดาบใบกว้างของบรูกแมนวาดเป็นเส้นโค้งกลางอากาศอย่างพิสดาร แล้วกลับฟันเฉียงไปที่ลำคอของเยี่ยเทียนอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

“คุณเหมียว เก็บมันซะ!”

เจอร์รีที่ยืนอยู่ห่างออกไปเจ็ดแปดเมตรก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน ขณะเดียวกับที่ตะโกนออกไป ปืนพกสองกระบอกก็ปรากฏขึ้นในมือทั้งสองข้างของเขาราวกับเล่นมายากล ภายในไม่กี่เสี้ยววินาที กระสุนสี่ห้านัดก็ยิงออกไปจากลำกล้องปืนเสียงดังเฟี้ยวฟ้าว โดยที่ไม่ได้หยุดเล็งเลยสักนิด

หลังจากเหมียวจื่อหลงที่นอนกองอยู่บนพื้นได้ยินเจอร์รีตะโกนบอก รูม่านตาก็ขยายกว้างขึ้นมาทันที เขาเองก็เป็นผู้ฝึกวิชายุทธ ประสาทจึงตอบสนองได้อย่างรวดเร็วยิ่ง ร่างโถมไปข้างหน้าโดยแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย สองมือกอดขาทั้งสองข้างของเยี่ยเทียนไว้แน่นสุดชีวิต

ตอนนี้เหมียวจื่อหลงเพิ่งจะสังเกตว่า แผลที่เขาได้รับมานั้นไม่ได้สาหัสอย่างที่คิด กระสุนที่เคลวินยิงออกมาเพียงแต่ทะลุผ่านผิวหนังและเนื้อไปเท่านั้น จึงเพียงมีแต่เลือดไหลออกมาจำนวนหนึ่ง ไม่ได้บาดเจ็บไปถึงเอ็นหรือกระดูกเลย จึงไม่ได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเขามากนัก

หลังจากกอดรัดเยี่ยเทียนไว้แล้ว เหมียวจื่อหลงก็ออกแรงสุดตัวไปที่แขนทั้งสองข้างทันที ยึดร่างของเยี่ยเทียนไว้กับพื้นอย่างแนบแน่นราวกับเป็นบ่วงเหล็กก็ไม่ปาน

ถ้าจะพูดถึงคนที่มีปฏิกิริยารวดเร็วยิ่งกว่าเหมียวจื่อหลง ผู้นั้นก็คือเคลวินซึ่งเพิ่งจะยิงปืนออกไปนั่นเอง ปืนพกของเขาซึ่งผ่านการดัดแปลงมาแล้วนั้นยิงออกไปติดๆ กันหลายนัด ระหว่างที่ข้อมือขยับส่ายไปมา กระสุนสิบกว่านัดก็ยิงไปที่ตำแหน่งสำคัญต่างๆ ของเยี่ยเทียนอย่างหว่างคิ้ว ดวงตาและหัวใจแล้ว

ไคลด์และคนของกองกำลังแม่มายดำอีกหนึ่งคนก็ยิงกระสุนออกไปแทบจะเวลาเดียวกับตอนที่บรูกแมนลงมือ หลังจากร่วมงานกันมาสิบกว่าปี พวกเขาจึงรู้ใจกันถึงขั้นที่ไม่จำเป็นต้องสื่อสารกันทางวาจาเลยทีเดียว

ด้านหน้ามีดาบอันทรงพลังของบรูกแมน ที่ขามีเหมียวจื่อหลงซึ่งกำลังทุ่มสุดตัว ส่วนกระสุนที่ยิงมาจากด้านข้างซ้ายขวาก็พุ่งตรงมาอย่างแม่นยำยิ่ง แม้ว่าเยี่ยเทียนจะไปถึงระดับเซียนเทียนแล้ว แต่ดวงตาก็ยังไม่อาจอาจทนทานต่ออานุภาพของกระสุนปืนได้อยู่ดี

ชื่อเสียงที่บรูกแมนได้สร้างไว้ในวงการทหารรับจ้างนี้ ไม่ได้เป็นเพียงชื่อเสียงลอยๆ เท่านั้น ดาบที่เขาฟันลงไปโดยทุ่มแรงสุดตัวนั้น ถึงกับเร็วยิ่งกว่ากระสุนปืนที่เจอร์รีและเคลวินยิงออกไปเสียอีก ขณะที่เสียงดาบกรีดผ่านอากาศดังขึ้น ดาบนั้นก็เกือบจะสัมผัสถูกผิวหนังที่ลำคอของเยี่ยเทียนแล้ว

บรูกแมนมีสีหน้าตื่นเต้นยินดี ตามความคิดของเขา ต่อให้ดาบนี้ของตนฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ก็ต้องทำให้เจ็บหนักได้แน่นอน ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเจอร์รีและเคลวินได้จู่โจมซ้ำ

“อ้าว? ทำไมฟันไม่โดนอะไรเลยล่ะ?”

ขณะที่บรูกแมนกำลังจมจ่อมอยู่กับความตื่นเต้นที่จะได้เห็นเลือดสาด คาดไม่ถึงเลยว่า เมื่อฟันดาบนี้ลงไปแล้ว กลับฟันไม่โดนอะไรเลย ความรู้สึกตอนที่ทุ่มแรงออกไปเต็มที่แต่พบเพียงอากาศว่างเปล่านั้น ทำให้บรูกแมนรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาวูบหนึ่ง โลหิตเอ่อล้นขึ้นมาถึงลำคอ

เมื่อดาบนี้ฟันออกไปแล้ว บรูกแมนก็ไม่สามารถชักกลับมาได้อีก ได้แต่ฟันลงตามแรงที่ส่งออกไป ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาต้องตกตะลึงจังงังก็คือ ขณะที่ดาบใบกว้างของเขาฟันต่อลงไปนั้นเอง ศีรษะหนึ่งก็มาปรากฏอยู่ใต้คมดาบอย่างแปลกพิสดาร

เสียง “พรูด” ดังขึ้นเบาๆ ศีรษะหนักแปดชั่งหนึ่งศีรษะถูกฟันร่วงลงมาอย่างเบาหวิว โลหิตที่ทะลักออกมานั้นสาดกระเซ็นเต็มหน้าบรูกแมน เมื่อมองผ่านเปลือกตาซึ่งช่วยปกป้องดวงตาไว้ไม่ให้โลหิตกระเด็นเข้าได้ บรูกแมนก็ได้เห็นภาพที่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่ออย่างที่สุด

เยี่ยเทียนมีส่วนสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร รูปร่างสมส่วนอย่างยิ่ง แต่เยี่ยเทียนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าบรูกแมนในขณะนี้ ทั้งร่างดูราวกับไร้กระดูก กองลงไปกับพื้นอย่างอ่อนยวบราวกับก้อนเนื้อเละๆ ด้วยท่าทางที่ผิดจากธรรมชาติของร่างกายมนุษย์

แต่เหมียวจื่อหลงซึ่งกำลังกอดต้นขาของเยี่ยเทียนแน่น กลับส่งศีรษะโตๆ นั้นมาอยู่ใต้คมดาบของบรูกแมน ดาบกวัดแกว่ง ศีรษะร่วงหล่น แม้แต่เสียงกรีดร้องสักนิดก็ยังไม่ทันได้เปล่งออกมาเลย

ขณะเดียวกันกับที่บรูกแมนเห็นภาพนี้ เสียงปืนก็ดังกระหึ่มขึ้นรอบตัวเขา สมาชิกของกองกำลังแม่มายดำเหล่านี้ ต่างก็เรียกได้ว่าเป็นยอดขุนพลแกร่ง กระสุนที่ระดมยิงออกมามากมายเต็มไปหมดนี้ ถึงกับไม่มีนัดไหนพลาดไปโดนร่าง  ของบรูกแมนเลยสักนัดเดียว

………………..