เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1394
สำหรับนักบู๊ รางวัลขนาดนี้ถือว่าล้ำค่าเป็นอย่างมาก
สามารถทำให้นักบู๊ที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง มีวิชาอาวุธกลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้เลย!
ฉินอวิ่นไท่จื่อใบหน้ากระตุก เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทเริ่มทุ่มสุดตัว เพื่อบ่มเพาะดูแลลู่ฝาน
ไม่ต้องพูดถึงหนังสือพิชัยสงคราม ต้องเลือกอย่างดีที่สุดแน่นอน ถ้าต่ำกว่าระดับฟ้า เท่ากับทำให้ฝ่าบาทขายหน้า
ยาสิบคันรถ แต่ละเม็ดคงไม่สามารถเอาเงินมาเปรียบได้ กินเข้าไปจนหมด ถ้าสามารถย่อยได้ คนโง่ก็เข้าสู่แดนปราณฟ้าได้
ส่วนโอกาสได้เข้าสู่เขาวิถีบู๊ คงไม่ต้องพูดถึงผลดีที่จะได้รับแล้ว
ระยะเวลาหนึ่งปี จากคุณสมบัติของลู่ฝาน คงได้รับการถ่ายทอดหลายครั้ง
ฉินซางต้าตี้คิดเช่นนี้ เขาอยากให้ลู่ฝานเข้าสู่แดนปราณฟ้าจนแทบทนไม่ไหวแล้ว จึงดิ้นรนเพื่อเขามากมาย
ลู่ฝานคำนับแล้วพูดว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาท สองอย่างก่อนหน้า ลู่ฝานรับไว้ได้ แต่อย่างสุดท้าย ฉันคงไม่สามารถไปได้แล้ว!”
ฉินซางต้าตี้ขมวดคิ้วพูดว่า “ไปไม่ได้เหรอ ลู่ฝานนายมีแผนการอะไร อย่าบอกนะว่าทั้งประเทศอู่อานยังมีสถานที่ที่ดีกว่าเขาวิถีบู๊เหรอ”
ลู่ฝานตอบว่า “หลังการประลองครั้งนี้ ฉันจะตามธิดาเทพแห่งเป่ยเสินออกจากที่นี่ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเวลาไปเขาวิถีบู๊อีก”
เมื่อพูดจบ ข้าราชการในตำหนักพากันหัวเราะ
ฉินซางต้าตี้ก็รู้สึกตลกมาก พูดไปยิ้มไป “ลู่ฝาน นายเชื่อคำพูดของธิดาเทพเหรอ นายอยากเป็นบุตรเทพของหอเทวาลัยประเทศเป่ยเสินเหรอ จากความคิดฉัน นายอยู่ที่อู่อานต่อจะดีที่สุด ไม่ต้องไปประเทศเป่ยเสินอะไรนั่นหรอก! เดี๋ยวฉันมอบเจ้าหญิงให้นายสักคน รับรองว่างามล่มเมือง ไม่ทำให้นายเสียชื่อเสียงแน่นอน!”
ลู่ฝานสีหน้าราบเรียบ เขาพูดว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาท แต่ฉันจำเป็นต้องไป!”
เสียงหัวเราะหยุดลง รอยยิ้มบนใบหน้าฉินซางต้าตี้ค่อยๆ หายไป “จำเป็นต้องไปเหรอ ทำไมล่ะ”
ลู่ฝานเงยหน้าขึ้นพูดว่า “เพราะฉันต้องตามเธอไปเอาของอย่างหนึ่งที่ประเทศเธอ”
คำพูดราบเรียบ แต่แฝงด้วยความแน่วแน่
หลู่เฉิงเซี่ยงลุกขึ้น ขมวดคิ้วพูดว่า “ลู่ฝาน อย่าบอกนะว่าอู่อานไม่มีของสิ่งนั้น นายต้องไปจริงเหรอ”
หลู่เฉิงเซี่ยงพูดพลางแสดงสีหน้าบอกให้ลู่ฝานอย่าดึงดันแบบนี้
แต่ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “ไม่มี ฉันต้องไป อีกทั้งยังต้องรีบไปด้วย”
รอยยิ้มบนใบหน้าฉินซางต้าตี้หายไปหมดแล้ว
เงียบไปครู่หนึ่ง ฉินซางต้าตี้พูดว่า “ลู่ฝาน ศักยภาพนายไม่มีที่สิ้นสุด วิทยายุทธโดดเด่น ฉันอยากบ่มเพาะให้นายเป็นกำลังสำคัญของอู่อาน นายต้องการอะไรบอกฉันได้ ถ้าฉันทำให้นายได้ฉันจะทำ นายไม่จำเป็นต้องไปหาด้วยตัวเอง”
ลู่ฝานกัดฟันไม่พูดอะไร ของแบบนี้เป็นความลับ เขาจะพูดต่อหน้าทุกคนได้ยังไง
เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ลู่ฝานคารวะ คำนับแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท เรื่องเกี่ยวกับชีวิตความปลอดภัยของอาจารย์ฉัน ฉันจำเป็นต้องไป ฝ่าบาทโปรดอนุญาตด้วย”
ข้าราชการคนหนึ่งลุกขึ้นพูดเสียงดัง “ลู่ฝาน อย่าได้คืบจะเอาศอกสิ”
หลู่เฉิงเซี่ยงถลึงตาใส่คนคนนี้ เดินมาข้างลู่ฝานแล้วถามเสียงเบาว่า “ลู่ฝาน นายบ้าไปแล้วเหรอ”
ลู่ฝานไม่ตอบ
ฉินซางต้าตี้พูดเสียงดังว่า “ลู่ฝาน ฉันหวังว่านายจะเป็นตัวแทนอู่อานไปสู้การแข่งนานาประเทศอีกสามปี นายไปตอนนี้ก็ทำให้ฉันผิดหวังน่ะสิ!”
เห็นได้ชัดว่าฉินซางต้าตี้โกรธเล็กน้อย พูดด้วยเสียงสูงขึ้นไม่น้อย
ลู่ฝานเงยหน้าขึ้น จ้องดวงตาโตของฉินซางต้าตี้ พูดอย่างอกผายไหล่ผึ่งว่า “ถ้าบุคคลยึดมั่นในความคิดของเขา ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความทะเยอทะยานของเขาได้”
ทุกคนเงียบ ฉินซางต้าตี้มองตาลู่ฝาน เห็นความแน่วแน่และดื้อรั้นอยู่ในแววตาของเขา
นี่เป็นนักบู๊ที่ไร้ความเกรงกลัว ฉินซางต้าตี้พูดในใจ
เงียบอยู่นาน ฉินซางต้าตี้ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ นายไปเถอะ แต่นายต้องรับปากฉัน นายต้องกลับมาภายในสามปี!”