ตอนที่ 989: วิชาควบคุมสามวิญญาณ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 989: วิชาควบคุมสามวิญญาณ

เจี้ยนเฉินเงียบหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเทียนเจี้ยน เขารู้สึกไม่สบายใจหลังจากที่ตัวตนของเถี่ยต้าได้รับการยืนยัน

ในเวลาเดียวกัน เขาเข้าใจดีว่าเถี่ยต้าก็ยังคงเป็นเทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์แม้ว่าเขาจะยังไร้เดียงสาอยู่ก็ตาม เทพเจ้าสงครามคนก่อนและร้อยเผ่าพันธุ์เป็นศัตรูกับทวีปเทียนหยวน หลังจากผลที่ผ่านมาหลายปีนี้ ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบคงไม่ปล่อยเขาไปแน่

เจี้ยนเฉินรู้สึกกลัวหลังจากที่เขาได้รู้เรื่องของตัวตนของเถี่ยต้าที่เชื่อมโยงอยู่ ถ้าเทียนเจี้ยนมาไม่ทันเวลาและตระกูลผู้พิทักษ์พาเถี่ยต้าไปจากเมืองทหารรับจ้าง ผลลัพธ์คงเหนือการคาดเดาไปมากกว่านี้แน่ เจี้ยนเฉินอาจจะเสียสหายผู้นี้ไปตลอดกาล

เจี้ยนเฉินไม่สนใจแม้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเถี่ยต้าจะไม่ใช่มนุษย์ สำหรับเขาแล้ว มันไม่สำคัญว่าตัวตนของเถี่ยต้าคืออะไรหรือเขาจะกลายเป็นอะไร เขาก็ยังคงเป็นสหายที่ดีต่อกัน

ทันใดนั้นเอง ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของเจี้ยนเฉิน เขาคิดถึงหยดเลือดสีทองที่เขาได้เจอมาที่เกาะมังกรและเขาคิดขึ้นมา “เลือดหยดนั้นถูกทิ้งไว้โดยเอ่อหยิน และมันยังมีพลังงานที่มหาศาลอีกด้วย เถี่ยต้ายังเป็นเทพเจ้าสงครามอีกด้วย ดังนั้นเขาจะสามารถดูซึมเลือดนั้นดีหรือเปล่านะ ? ถ้าเขาทำได้ ความแข็งแกร่งของเขาต้องพุ่งพรวดขึ้นแน่ ๆ “

“ดูเหมือนข้าต้องพาเถี่ยต้าไปที่เกาะมังกรแล้วเมื่อข้ามีเวลา” เจี้ยนเฉินคิด

ในตอนนี้ พลังแห่งการมีอยู่ของเถี่ยต้าและหมิงตงกระเพื่อมขึ้นลงในขณะที่พวกเขาทำสมาธิอยู่ พวกเขาตื่นขึ้นมาในเวลาเดียวกันและเห็นเจี้ยนเฉินทันทีที่พวกเขาลืมตาขึ้นมา พวกเขาจ้องตาไม่กระพริบก่อนที่จะได้สติ พวกเขาตื่นเต้นมาก

“เจี้ยนเฉิน เจ้ากลับมาแล้ว” หมิงตงร้องออกมาทันที เขาพุ่งไปที่เจี้ยนเฉินและกอดเขา เขารู้สึกตื้นตันมาก

“เยี่ยมมาก เจี้ยนเฉิน ในที่สุดเจ้าก็กลับมา” เถี่ยต้ายืนขึ้นและมองไปที่เจี้ยนเฉินที่สูงเท่าหน้าอกของเขา ใบหน้าเขาตื้นตันด้วยเช่นกัน

เจี้ยนเฉินและหมิงตงผละจากกันและมาถึงที่ตรงหน้าเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินชกอย่างแรงไปที่ร่างใหญ่ที่สูง 3 เมตรของเถี่ยต้าในขณะที่เจี้ยนเฉินจ้องไปที่เขา “เถี่ยต้า เจ้าสูงขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลังจากที่ข้าไม่เห็นเจ้ามาหลายปี”

เถี่ยต้ายิ้มอย่างตรงไปตรงมาและเกาหัวของเขา เขาพูดด้วยเสียงนุ่มทุ้ม “ข้าไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ข้าแค่โตขึ้นโตขึ้นเรื่อย ๆ “

เจี้ยนเฉิน หมิงตง และเถี่ยต้าคุยกันอีกสักพัก ทันใดนั้นเอง หมิงตงก็ดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ใบหน้าของเขาหมองลงและเขามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างรู้สึกผิดและพูดออกมา “เจี้ยนเฉิน ข้าขอโทษ พวกเรามันไร้ประโยชน์จริง พวกเราไม่สามารถปกป้องเมืองอัคนีไว้ได้ พันธมิตรพิชิตอัคนีได้ยึดมันไปภายใต้การนำของไป่เจี้ยน”

ใบหน้าของเถี่ยต้าก็หมองด้วยเมื่อเขาได้ยินหมิงตงพูดแบบนั้น สายตาที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินก็เต็มไปด้วยความเสียใจและความอับอาย เถี่ยต้าโทษตัวเองมาตลอดเรื่องเมืองอัคนีแม้ว่ามันจะไม่ใช่ความผิดของเขาเลย

เจี้ยนเฉินหัวเราะเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาตอบกลับ “ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว แต่ไม่ต้องกังวลไป ไม่มีใครเอาของของข้าไปได้หรอก ข้าได้เอาเมืองอัคนีที่เคยถูกพันธมิตรพิชิตอัคนียึดไปกลับคืนมาแล้ว”

ใบหน้าของหมิงตงและเถี่ยต้าเต็มไปด้วยความยินดีขึ้นมาทันที อย่างไรก็ตาม หมิงตงดูเหมือนจะคิดถึงบางเรื่องได้อีกครั้ง คิ้วของเขาขมวดอย่างกังวลและพูดออกมา “แต่เจี้ยนเฉิน ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบของทวีปจะไม่ยอมให้เราเอาเมืองอัคนีไป ถ้าตระกูลผู้พิทักษ์เข้ามายุ่งอีก พวกเราจะไม่มีกำลังพอที่จะรักษาเมืองอัคนีเอาไว้ได้เลย แม้ว่าลุงเทียนจะอยู่ด้วยก็เถอะ”

“ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ” เจี้ยนเฉินพึมพำเบา ๆ เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างเย็นชาแล้วก็พูดต่อ “ถ้าตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบเข้ามายุ่งอีก ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกนั้นได้ประโยชน์อะไรไปแน่”

แม้ว่าตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบจะมียุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่สามารถทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่พลังของอาวุธนั้นก็ยิ่งใหญ่มาก พวกเขาสามารถใช้มันได้ต่อเมื่อในช่วงเวลาที่สำคัญมากเท่านั้น เว้นเสียแต่ว่าตระกูลผู้พิทักษ์จะถูกไล่ต้อนให้อยู่ในสถานการณ์ที่เหมือนกับนิกายยิหยวนในครั้งก่อน เจี้ยนเฉินก็ไม่เชื่อว่าตระกูลผู้พิทักษ์จะใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ถ้าพวกเขาต้องการที่จะใช้มันเพื่อที่จะต่อต้านเขา เจี้ยนเฉินก็มีการสนับสนุนจากตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง ดังนั้นอย่างน้อยเขาก็มีพลังพอที่จะต่อต้าน นอกเหนือไปจากนั้น เทียนเจี้ยนและเมืองทหารรับจ้างก็จะหยุดพวกเขาอีกด้วย มันคงไม่ง่ายที่พวกเขาจะใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิได้

ท้ายที่สุด เจี้ยนเฉินยังมีรุยจินและเฮยยู่ที่อยู่เคียงข้างเขาอีก จอมยุทธทั้งสองสามารถสู้ได้อย่างสูสีกับเซียนจักรพรรดิ เขาไม่จำเป็นต้องรู้สึกกลัวแม้ว่าตระกูลผู้พิทักษ์จะมาวุ่นวายกับเมืองทหารรับจ้างและใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเพื่อที่จะต่อต้านเขาในตอนท้าย

แม้ว่ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิของตระกูลผู้พิทักษ์จะมีความยิ่งใหญ่ของเซียนจักรพรรดิ แต่รุยจินและเฮยยู่ก็มีเกราะที่มีพลังดั้งเดิม และแม้แต่เซียนจักรพรรดิก็ยังยากที่จะทำให้พวกเขาบาดเจ็บ ดังนั้นยุทธภัณฑ์จักรพรรดิจึงไม่สามารถทำอันตรายพวกเขาทั้งสองได้

เถี่ยต้าและหมิงตงตกใจทันทีหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน พวกเขาทั้งคู่มองเจี้ยนเฉินตาโต

“พระเจ้า เจ้าไม่กลัวแม้แต่ตระกูลผู้พิทักษ์แล้วในตอนนี้ เจี้ยนเฉิน เจ้าอยู่ในระดับการฝึกฝนไหนแล้วในตอนนี้ ? เจ้าสามารถสู้กับตระกูลผู้พิทักษ์ได้แล้วหรือในตอนนี้ ? ” หมิงตงพูดออกมา

“ถ้าข้าใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ ข้าจะสามารถสู้ได้สูสีกับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 ได้” เจี้ยนเฉินพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม เขาปิดบังบางอย่างจากเถี่ยต้าและหมิงตง

อย่างไรก็ตาม หัวใจของเถี่ยต้าและหมิงตงก็ปั่นป่วนหลังจากที่พวกเขาได้ยินแบบนั้น พวกเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

“เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ จะ เจ็ด พระเจ้า เจี้ยนเฉิน เจ้าทรงพลังขนาดนั้นเลย” หมิงตงตะกุกตะกักในขณะที่เขามองอึ้งไปที่เจี้ยนเฉิน ในตอนนี้ความตกใจของเขาพุ่งไปถึงขีดสุดแล้ว

เถี่ยต้าจ้องตาไม่กระพริบสักพักก่อนที่จะได้สติกลับมาอย่างช้า ๆ เขาถอนหายใจอย่างมีอารมณ์และพูดออกมา “เจี้ยนเฉิน ข้าคิดว่าข้าพัฒนาอย่างรวดเร็วในหลายปีที่ผ่านมานี้และได้ก้าวผ่านเจ้าไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยังแข็งแกร่งกว่าข้าหลังจากที่พวกเราไม่เจอกันมาหลายปี นอกเหนือไปจากนั้น ความแตกต่างระหว่างพวกเราทั้งสองยังมีช่องว่างมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เหมือนว่าข้าจะก้าวผ่านเจ้าไปไม่ได้เลยตลอดทั้งชีวิตของข้า”

เจี้ยนเฉินยิ้มให้กับสิ่งที่เถี่ยต้าพูดและตอบกลับไป “เถี่ยต้า เจ้าต้องมั่นใจในตัวเอง เจ้าจำเป็นต้องมั่นใจว่าเจ้าจะสามารถก้าวผ่านข้าไปได้ในอนาคต และจะกลายเป็นเซียนจักรพรรดิของทวีปเทียนหยวนไปได้ในอนาคต”

“ข้าจะกลายเป็นเซียนจักรพรรดิในอนาคตได้จริงหรือ ? ” ตาของเถี่ยต้าเบิกกว้างขึ้นเมื่อเจี้ยนเฉินพูดถึงเรื่องการกลายเป็นเซียนจักรพรรดิ

..

เจี้ยนเฉิน หมิงตง และเถี่ยต้าคุยกันมากกว่านี้อีกหน่อย ก่อนที่จะมองไปที่เทียนเจี้ยน ท่าทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“ผู้อาวุโสเทียนเจี้ยน ข้าต้องการที่จะเห็นร่างของท่านพ่อและท่านแม่ของข้า” เจี้ยนเฉินพูดด้วยเสียงทุ้ม ความยินดีที่เขาได้มาพบเจอกันอีกครั้งกับหมิงตงและเถี่ยต้าหายไปทันทีหลังจากที่เขาคิดถึงพ่อและแม่ของเขา

เทียนเจี้ยนพยักหน้าอย่างเงียบเงียบ เขาพูด “มากับข้า” หลังจากนั้น เขาก็หันไปและเดินไปที่ด้านนอกของโถงศักดิ์สิทธิ์

เจี้ยนเฉินตามเทียนเจี้ยนไปที่ที่ร่างของพ่อและแม่ของเขาถูกเก็บอยู่ หมิงตงและเถี่ยต้าควบคุมความรู้สึกของเขาเอาไว้ และตามเจี้ยนเฉินไปด้านหลังด้วยความหนักใจ ทั้งสองรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดมากต่อสิ่งที่เกิดกับพ่อและแม่ของเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินมาถึงที่ห้องของโถงศักดิ์สิทธิ์ตามหลังเทียนเจี้ยน ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยอากาศเย็นทำให้เกิดเป็นชั้นน้ำแข็งบาง ๆ บนผนัง อากาศด้านในเป็นสีขาวและหมอกเย็นก็ลอยอยู่ที่นั่นเช่นเดียวกัน

ทันทีที่เจี้ยนเฉินเข้าไปในห้อง ตาของเขาจับจ้องไปที่โลงน้ำแข็งใหญ่ที่กึ่งกลาง เขามองผ่านชั้นน้ำแข็งและเห็นพ่อแม่ของเขาอย่างชัดเจน พวกเขานอนอยู่อย่างเงียบ ๆ

“เพื่อที่จะรักษาร่างของพ่อและแม่เจ้าให้ดียิ่งขึ้น ข้าได้ไปเยือนที่ขั้วโลกเป็นกรณีพิเศษและกลับมาพร้อมกับน้ำแข็งขั้วโลก มันจะทำให้มั่นใจได้ว่าร่างของพ่อแม่ของเจ้าจะไม่เน่าเปื่อยไม่ว่าจะผ่านไปพันปีก็ตาม เจี้ยนเฉิน เจ้าแยกจากพ่อและแม่ของเจ้ามาหลายปี เจ้าน่าจะใช้เวลาอยู่กับพวกเขาอีกครั้ง” เทียนเจี้ยนพูดพร้อมด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเปกันไป ก่อนที่จะออกไปพร้อมกับหมิงตงและเถี่ยต้า มีแต่เจี้ยนเฉินเท่านั้นที่ยังอยู่ในห้องเย็นนั้น

เจี้ยนเฉินเดินขึ้นไปที่โรงน้ำแข็งช้า ๆ และมองไปที่ใบหน้านิ่งของพ่อแม่ของเขา น้ำตาเริ่มไหลอาบหน้าของเขาอย่างไม่รู้ตัว

คนที่บอกว่าผู้ชายไม่มีน้ำตานั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ไม่เคยเจ็บปวดทางจิตใจ !

ภายนอกนั้น เจี้ยนเฉินเป็นคนไร้ปราณีและไม่ย่อท้อ ไม่ว่าเขาจะเลือดออกหรือจะได้รับความเจ็บปวดทรมานมากขนาดไหน เขาก็ไม่เคยร้องไห้ออกมา เขาดูเหมือนคนที่ใจแข็งเป็นหิน อย่างไรก็ตาม ภายในของเขายังมีส่วนที่อ่อนไหวอยู่

และส่วนนี้นั้นเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขา

เจี้ยนเฉินจ้องตาไม่กระพริบไปที่พ่อแม่ของเขา เขาเริ่มที่คิดถึงเรื่องอดีตอีกครั้ง คิดถึงความเป็นห่วง ความใส่ใจและความรักจากแม่ของเขา เขายังจำใบหน้าที่สวยงามและเมตตาของนางได้

“ท่านแม่ ท่านพ่อ ลูกกลับมาแล้ว ลูกของท่านกลับมาเพื่อพบท่าน ลูกของท่านในตอนนี้เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 แล้ว และสามารถทำให้ท่านตื่นจากการหลับใหลได้ในเร็ว ๆ นี้” เจี้ยนเฉินพึมพำ เขาคิดแล้วแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเขา และกลายเป็นหอคอยสีทองตรงหน้าเขา จากนั้นเจี้ยนเฉินก็เข้าไปในนั้น

ภายในมิติของวัตถุเซียน เจี้ยนเฉินนั่งไขว่ห้างอยู่ในห้องที่ค่อนข้างมืดในโถงใหญ่ วัตถุวิญญาณยืนอยู่อย่างสุภาพอยู่อีกด้านหนึ่งในรูปชายวัยกลางคนในชุดขาว

“วัตถุจิตวิญญาณ ถ่ายทอดทักษะควบคุมสามวิญญาณให้ข้าทันที” เจี้ยนเฉินคำรามออกมา มีแค่การเรียนรู้วิชาทั้งสามเท่านั้นที่เขาจะชุบชีวิตคนตายได้

“ขอรับ นายท่าน” วัตถุจิตวิญญาณตอบกับอย่างนอบน้อม หลังจากนั้น เขาก็ส่งต่อวิธีการฝึกฝนของทั้งสามทักษะด้วยคำพูดให้กับเจี้ยนเฉิน