ตอนที่ 990: ชุบชีวิตคนตาย

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 990: ชุบชีวิตคนตาย

ทักษะควบคุมสามวิญญาณเป็นทักษะมหัศจรรย์สำหรับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 มันสามารถชุบชีวิตคนตายได้ ทั้งหมดที่มันต้องการคือพลังงานดั้งเดิมจากพลังเซียนธาตุแสง และวิญญาณของคนผู้นั้นไม่ถูกกำจัดไป พร้อมกับร่างกายที่ถูกเก็บไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ มันจะไม่มีผลกระทบอะไรและทำให้คนผู้นั้นฟื้นคืนชีพขึ้นมาพร้อมกับความทรงจำทั้งหมดได้

ทักษะทั้งสามแบ่งเป็น การควบแน่นวิญญาณ การบำรุงวิญญาณ และการหลอมรวมวิญญาณ การควบแน่นวิญญาณเป็นการรวบรวมวิญญาณที่กระจัดกระจายไปทั่วโลก ในขณะที่วิชาที่สองเป็นการบำรุงวิญญาณที่กระจัดกระจายนั้นและทำให้มันรวมกันเป็นวิญญาณหนึ่งเดียว

ทักษะที่สามเป็นการหลอมรวมวิญญาณให้สมบูรณ์กับร่างกายของคนที่ต้องการฟื้นคืนชีพ และนำคนผู้นั้นฟื้นคืนชีพจากความตาย

ทักษะทั้งสามสร้างมาเฉพาะสำหรับฟื้นคืนชีพคนตาย และไม่มีประโยชน์ทางการใช้งานอื่น เฉพาะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 และเหนือกว่านั้นเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้มันได้

แม้ว่าวัตถุจิตวิญญาณจะรู้ทักษะวิชาทั้งสามและถือว่าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่สุดยอด แต่เขาก็ไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถฝึกวิชานี้ได้ ดังนั้นวัตถุวิญญาณจึงไม่มีพลังที่จะชุบชีวิตคนตายได้

หลังจากที่เรียนรู้วิชาทั้งสามจากวัตถุจิตวิญญาณแล้ว เจี้ยนเฉินก็อยู่ฝึกฝนในมิติของวัตถุเซียน

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในพริบตาเดียว เจี้ยนเฉินก็อยู่ในเมืองทหารรับจ้างเป็นเวลากว่าสามเดือนแล้ว ในช่วงเวลาทั้งหมดนี้ เขาได้ฝึกฝนวิชาทั้งสามนี้อยู่ในมิติของวัตถุเซียนโดยไม่หลับไม่นอนเลย

เทียนเจี้ยน หมิงตง และเถี่ยต้าไม่ได้มารบกวนเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตาม เทียนเจี้ยนก็ได้ออกไปนานแล้ว ดังนั้นจึงมีเพียงหมิงคงและเถี่ยต้าเท่านั้นที่ยังคงรออยู่ด้านนอกห้องเย็นอย่างเงียบ ๆ

หลังจากสามเดือนผ่านไป เจี้ยนเฉินก็เริ่มขยับตัวในห้องโถงใหญ่ของมิติของวัตถุเซียน เขาลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นเอง ตาของเขาก็เป็นประกาย. สายตาของเขาสดใสกว่าก่อนหน้านี้

เจี้ยนเฉินได้เรียนรู้ทักษะทั้งสามเสร็จแล้วหลังจากที่ทำความเข้าใจมาสามเดือน แม้ว่าทักษะเหล่านี้จะไม่ได้ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น แต่วิญญาณของเขาก็เติมโตขึ้นอย่างวัดได้หลังจากที่เขาเรียนรู้มัน งนั้น พลังแห่งการรับรู้ของเขาจึงขยายบริเวณมากขึ้น

“วัตถุจิตวิญญาณ ส่งข้าออกไปจากมิติของวัตถุเซียน” เจี้ยนเฉินพูดอย่างค่อนข้างหมดความอดทน เขาต้องการที่จะชุบชีวิตของพ่อแม่ของเขาให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังจากที่เขาเรียนทักษะทั้งสามเสร็จแล้ว

แสงสีขาววาบขึ้นมา เจี้ยนเฉินหายไปจากมิติของวัตถุเซียน ในตอนที่เขาปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็กลับมาที่ห้องเย็น

เจี้ยนเฉินจ้องอย่างตื้นตันไปที่พ่อและแม่ของเขาที่อยู่ในโรงน้ำแข็ง เขารู้สึกค่อนข้างตื่นเต้นและไม่สบายใจเล็กน้อย เขาตื่นเต้นที่พ่อแม่ของเขากำลังจะถูกชุบชีวิตและจะได้มาเดินอยู่บนโลกอีกครั้ง แต่เขารู้สึกไม่สบายใจถึงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างขั้นตอน มีความเป็นไปได้ที่อุบัติเหตุจะทำลายความหวังในการนำพ่อและแม่ของเขากลับมา เพราะว่า เขายังไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้

“ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านหลับมานานแล้ว มันถึงเวลาที่ท่านจะตื่นขึ้นมาแล้ว อย่ากังวลไปเลย ลูกของท่านจะทำให้ท่านตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้” เจี้ยนเฉินพึมพำในขณะที่เขาแตะโลงอย่างนุ่มนวล หลังจากนั้น เขาก็คิดแล้วโลงก็ยกขึ้นมา เขานำลงออกมาจากห้อง

“เจี้ยนเฉิน เจ้าจะทำอะไรน่ะ ? “

หมิงตงและเถี่ยต้าสังเกตเห็นเจี้ยนเฉินทันทีที่เขาออกมาจากห้อง พวกเขาร้องออกมาทันทีเมื่อเห็นเจี้ยนเฉินถือโลงออกมา

“ข้าต้องการที่จะชุบชีวิตพ่อแม่ของข้าและให้พวกเขาลืมตามาดูโลกอีกครั้ง” เจี้ยนเฉินพูดอย่างมองโลกในแง่ดี

หมิงตงและเถี่ยต้าจ้องอย่างเหม่อลอยและอึ้งจากคำพูดของเจี้ยนเฉิน

ในตอนนี้ เทียนเจี้ยนก็เดินเข้ามาจากด้านนอก ตาของเขาลุกโชนไปด้วยความสนใจในขณะที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉิน เทียนเจี้ยนถาม “เจ้าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 แล้วอย่างนั้นหรือ เจี้ยนเฉิน ? “

เจี้ยนเฉินพยักหน้าแล้วพูด “ผู้อาวุโสเทียนเจี้ยน การชุบชีวิตพ่อและแม่ของข้าต้องทำด้านนอก ที่ด้านนอกเท่านั้นที่ข้าจะรวบรวมวิญญาณของท่านพ่อและท่านแม่ของข้าได้”

เทียนเจี้ยนพยักหน้าอย่างเคร่งเครียดแล้วพูดออกมา “มากับข้า”

หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินตามเทียนเจี้ยนออกไปจากมิติที่เป็นอิสระพร้อมกับโลงน้ำแข็งที่อยู่บนไหล่ของเขา

หมิงตงและเถี่ยต้าตามไปอยู่ข้าง ๆ เขาเช่นกัน

รุยจินและเฮยยู่บินมาแต่ไกลเมื่อเขาเห็นเจี้ยนเฉินปรากฏตัวขึ้นมาในเมืองทหารรับจ้างอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งคู่นิ่งอึ้งเมื่อพวกเขาเห็นโลงน้ำแข็งที่อยู่บนไหล่ของเจี้ยนเฉิน พวกเขาสงสัยและตอนที่พวกเขากำลังจะถาม พวกเขาก็สังเกตเห็นความเคร่งเครียดของเจี้ยนเฉิน ดังนั้น พวกเขาจึงหยุดคำถามเอาไว้

เมืองทหารรับข้างมีม่านพลังป้องกัน และเจี้ยนเฉินกังวลว่าม่านพลังอาจจะมีผลกระทบกับกระบวนการ ดังนั้น เขาจึงเดินออกไปนอกเมืองพร้อมด้วยโลงน้ำแข็งที่อยู่บนไหล่ของเขา ในขณะเดียวกัน รุยจิน เฮยยู่ หมิงตงและเถี่ยต้าก็ตามหลังเขามาติด ๆ เทียนเจี้ยนก็ตามมาด้วยเช่นกัน

เจี้ยนเฉินทำให้ทุกคนสนใจขึ้นมาทันทีเมื่อเขาเดินผ่านถนนในเมืองทหารรับจ้างพร้อมด้วยโลงน้ำแข็ง ทั้งหมดทุกคนชี้ไปที่เขาพร้อมพูดคุยกัน ไม่มีใครกล้าที่จะเดินผ่านเมืองทหารรับจ้างด้วยโลงศพที่ใหญ่ขนาดนี้ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองทหารรับจ้างนั้นถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของทหารรับจ้างทั้งหมด

ทหารรับจ้างหลายคนยากที่จะทนการกระทำของเจี้ยนเฉินได้ ทหารรับจ้างบางคนที่มีความแข็งแกร่งอยู่บ้างต้องการที่จะสั่งสอนเจี้ยนเฉิน ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างเดินทางไปด้วยกับเจี้ยนเฉิน แต่คนธรรมดาก็ไม่รู้ถึงฐานะของเขา ในขณะเดียวกัน รุยจินและเฮยยู่เองก็ดูเหมือนคนธรรมดาด้วยเช่นกันในสายตาของทหารรับจ้างเหล่านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยับยั้งชั่งใจ

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่พวกเขาต้องการที่จะก้าวออกมา จิตต่อสู้ที่สุดยอดก็โจมตีเข้าไปที่เขาทันที มันเหมือนค้อนศึกที่เหวี่ยงอย่างไม่ปราณีไปที่หัวของพวกเขา

จิตต่อสู้ไม่ได้ไปปลุกความต้องการในการต่อสู้ของพวกเขา กลับกัน มันสร้างความกดดันและความยับยั้งชั่งใจที่เข้าไปโจมตีความตั้งใจในการที่จะต่อสู้ของพวกเขา และแทนที่กัน มันได้ไปปลุกความกลัวจากก้นบึ้งหัวใจของพวกเขา มันทำให้พวกเขากลัวจับใจและขจัดความกล้าของพวกเขาที่จะเข้ามาขวางเจี้ยนเฉิน

คนที่หยุดพวกเขาเอาไว้ตั้งแต่แรกคือเถี่ยต้า เถี่ยต้าตอนนี้มีความชำนาญสูงในการควบคุมจิตต่อสู้ของตัวเอง ไม่เพียงแต่มันจะมีผลกับวิญญาณและทำให้ผู้คนอยู่ในภาวะเสียสติในขณะที่พวกเขาสู้เท่านั้น แต่มันยังทำให้ความต้องการในการต่อสู้ของพวกเขาหายไปได้เช่นเดียวกัน นี่ทำให้เขาหยุดศัตรูเอาไว้ได้โดยไม่ต้องสู้ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม นี่ใช้ได้ถ้าคู่ต่อสู้ไม่แข็งแกร่งมากเกินไปเท่านั้น

“พี่ใหญ่ ท่านอย่าไปไกลมากนะ ถ้าคนเลวมารังแกท่าน เสี่ยวหลิงจะช่วยเจ้าขับไล่พวกนั้นไปเอง” เสียงของเสี่ยวหลิงดังขึ้นมาในหัวของเจี้ยนเฉินทันทีที่เขาข้ามม่านพลังไป นางดูเหมือนจะรู้ว่าเจี้ยนเฉินต้องการจะทำอะไรต่อไป

ในท้ายที่สุด เจี้ยนเฉินก็หยุดอยู่ที่อาณาเขตที่ว่างเปล่าห่างออกไปจากเมือง 10 กิโลเมตร ก่อนที่จะเปิดโลงน้ำแข็งออกมา เขาหลับตาลงช้า ๆ ในขณะที่เขาเตรียมตัวที่จะร่ายทักษะทั้งสาม

รุยจิน เฮยยู่ เทียนเจี้ยน หมิงตงและเถี่ยต้ายืนอยู่ข้างข้างเขาอย่างเงียบ ๆ พวกเขาต้องการที่จะเห็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 ชุบชีวิตคนตาย เช่นกันกับที่คอยป้องกันคนอื่นไม่ให้มารบกวน

เทียนเจี้ยนมองไปที่หลังของเจี้ยนเฉินด้วยอารมณ์ต่าง ๆ และคิด “เทพเจ้าแห่งท้องทะเลยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ เทพเจ้าสงครามของร้อยเผ่าพันธุ์ก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง และแม้แต่พยัคฆ์ปีกเทวะของทวีปสัตว์เทวะก็ปรากฎขึ้นมาอีกครั้งอีกเช่นกัน ในโลกยุคปัจจุบันนี้ สามในสี่เผ่าพันธุ์ที่สุดยอดมีจอมยุทธที่สุดยอดแล้ว เหลือแค่ทวีปเทียนหยวนนั้นที่ยังไม่ปรากฎออกมา”

“พรสวรรค์ของเจี้ยนเฉินนั้นไม่เคยปรากฏขึ้นมากก่อน และเขายังมาถึงระดับการฝึกฝนขนาดนี้ด้วยอายุขนาดนี้ เขายังมีความสัมพันธ์ที่ลึกลับกับจิตวิญญาณม่านพลังของเมืองทหารรับจ้างอีกด้วย ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นความหวังในอนาคตของทวีป”

ความคิดแบบเดียวกันได้เบ่งบานขึ้นมาในใจของเขาตั้งแต่ที่เจี้ยนเฉินเป็นเซียนผู้คุมกฎแล้ว อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจมากขึ้นในตอนนี้แล้ว

คนอื่นที่อยู่ที่นี่ไม่รู้ว่าเทียนเจี้ยนกำลังคิดอะไร พวกเขาทั้งหมดจ้องตาไม่กระพริบไปที่เจี้ยนเฉิน

พลังงานสีขาวนวลได้ลอยขึ้นมาเหนือหัวของเจี้ยนเฉิน นี่เป็นพลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสง

ภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉิน พลังงานดั้งเดิมแยกเป็นสองและพลังหนึ่งสายก็หลอมรวมเข้ากับร่างของไป๋หยุนเทียน พลังอีกสายยังคงอยู่กลางอากาศ

มันใดนั้นเอง ร่างของไป๋หยุนเทียนได้ถึงครอบคลุมไปด้วยชั้นแสงสีขาวนวลเข้มข้น จากนั้นเจี้ยนเฉินก็ยื่นมือออกไปอย่างนุ่มนวลและตัดเปิดข้อมือของไป่หยุนเทียน เขาเอาเลือดออกมาหยดหนึ่ง

ภายใต้การควบคุมผ่านทางจิตใจของเจี้ยนเฉิน เลือดหยดนั้นก็หลอมรวมกับพลังงานดั้งเดิมอีกสาย และย้อมมันจนเป็นสีแดง หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็ร่ายอาคมออกมา “ด้วยเลือดที่เป็นสื่อกลาง ข้าขอค้นหาวิญญาณในโลก ทักษะแรกของทักษะควบคุมสามวิญญาณ รวบรวม ! “

พลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสงที่หลอมรวมกับเลือดของไป๋หยุนเทียนได้กระจายไปรอบ ๆ มันใช้เลือดของไป๋หยุนเทียนเป็นสื่อกลางในการตามหาวิญญาณที่กระจัดกระจายไปทั่วโลก

ตาของเจี้ยนเฉินยังคงปิดอยู่ ในขณะที่เขายืนอยู่โดยไม่ขยับ ในตอนนี้เอง วิญญาณของเขาดูเหมือนจะหลอมรวมกับพลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสง และมันได้พาร่างกายของเขาไปกับมันในขณะที่เขาตามหาชิ้นส่วนวิญญาณที่คุ้นเคย

สักพักต่อมา มิติด้านหน้าเจี้ยนเฉินก็เริ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย พลังงานดั้งเดิมที่กระจายไปได้ปรากฎขึ้นมาอีกครั้งตรงหน้าเขา ครั้งนี้มันส่องแสงสว่างยิ่งกว่าเดิมและเป็นแสงสีขาวนมมากกว่าเดิม มีจุดสีแดงดำบางจุดและชิ้นส่วนของวิญญาณอยู่ในแสงนั้น

นี่คือวิญญาณของไป๋หยุนเทียน เจี้ยนเฉินรวบรวมชิ้นส่วนวิญญาณทั้งหมดโดยใช้ทักษะรวบรวม

ตาเทียนเจี้ยน รุยจิน และเถี่ยต้าแข็งทื่อ พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของวิญญาณของไป๋หยุนเทียน เพราะพวกเขาทั้งหมดเป็นเซียนผู้คุมกฎและมากกว่านั้น ซึ่งมันทำให้พวกเขาตกตะลึงมาก

แม้ว่าพวกเขาจะทรงพลังมาก แต่แม้แต่เซียนราชาในระดับสูงสุดยังไม่สามารถรวมรวบวิญญาณเหมือนวิชาที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาได้เลยเพราะมันเกินกว่าความสามารถของพวกเขา

“ทักษะที่สองของทักษะควบคุมสามวิญญาณ ควบแน่น!” เจี้ยนเฉินกดความตื่นเต้นภายในเอาไว้และตะโกนออกมาอีกครั้ง

ในตอนที่เขาพูดคำว่า ‘ควบแน่น’ ชิ้นส่วนวิญญาณของไป๋หยุนเทียนก็เริ่มที่จะมาควบแน่นกันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นร่างรางรางในตอนสุดท้าย

“ทักษะสุดท้ายของทักษะควบคุมสามวิญญาณ หลอมรวม ! ” เจี้ยนเฉินพูดอย่างรวดเร็วในขณะที่ริมฝีปากของเขาสั่นไหว ภายใต้การควบคุมของจิตใจของเขา พลังงานดั้งเดิมของพลังเซียนธาตุแสงที่บำรุงแล้ว และหยดเลือด วิญญาณของไป๋หยุนเทียนหลอมรวมเข้ากับร่างที่อยู่ในโลงน้ำแข็งอย่างช้า ๆ มันเป็นส่วนสุดท้ายในการชุบชีวิตให้คนตาย

ร่างทั้งหมดของไป๋หยุนเทียนได้ครอบคลุมไปด้วยไฟสีขาวสว่างจ้า ทำให้ร่างกลายเป็นร่างรางรางขึ้นมา

เจี้ยนเฉินถอนหายใจยาวหลังจากที่จบกระบวนการ เขามองไปที่ไป๋หยุนเทียนด้วยความตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความตื้นตัน เขาใจจดใจจ่อ

นี่เป็นขั้นตอนสุดท้ายในการนำคนตายกลับมาและหลอมรวมวิญญาณเข้ากับร่างกายอีกครั้ง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะกลับมาได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้เท่านั้น