“คุณน่าจะรู้ตำแหน่งของตระกูลซุนในเมืองเยี่ยนตู การจะฆ่าคนขับรถเถื่อนคนเดียว มันง่ายดายเหลือเกิน!”
เสียงของอู๋เทียนโย่วดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือของหยางเฉินอีกครั้ง
หยางเฉินหัวเราะพลางกล่าวว่า “ที่เขาว่ากันว่าผิดเป็นครู อย่างคุณน่าจะบอกว่าสอนเท่าไหร่ก็ไม่หลาบจำ? หรือจะบอกว่าคุณโง่ดี?”
“ผมวางแผนไว้ว่า ตอนนี้ผมจะโพสต์คลิปเสียงสองคลิปขึ้นไปบนอินเทอร์เน็ต ถ้าผมเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาจริงๆ คุณหนีไม่พ้นแน่”
หยางเฉินพูดพลางจัดการในโทรศัพท์มือถือ
อู๋เทียนโย่วตกใจกลัว รีบตะโกนขึ้นว่า “หยุดนะ! คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ทำไมล่ะ? ตอนนี้รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วเหรอ?”
หยางเฉินหัวเราะพลางกล่าวว่า “ในเมื่อรู้ตัวว่าผิดแล้ว งั้นก็ขอโทษสิ!”
“ไอ้หนุ่ม คุณอย่าคิดได้คืบจะเอาศอก!”
อู๋เทียนโย่วกัดฟันกรอด
“นักแสดงปลายแถว จะข่มขู่คนอื่นอีกแล้ว”
หยางเฉินพูดอย่างไม่มีทางเลือก “ยังไงผมก็ต้องปล่อยคลิปเสียง ต้องแบบนี้เท่านั้นถึงจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้”
“ขอโทษ ผมผิดไปแล้ว!”
อู๋เทียนโย่วกลัวจนสั่นไปทั้งตัว รีบกล่าวขอโทษ
หยางเฉินส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด ผมไม่ยอมรับ”
อู๋เทียนโย่วโกรธจนแทบจะระเบิด ไม่เคยต้องมารองรับอารมณ์เช่นนี้มาก่อน
“คุณหยาง ผมขอโทษ ผมไม่ควรข่มขู่คุณ ไม่ควรข่มขู่เซี่ยเหอ ผมสำนึกผิดแล้ว วันหลังจะไม่กล้าทำอีกแล้ว คุณหยางได้โปรดให้อภัยผมสักครั้ง!”
อู๋เทียนโย่วข่มความโกรธแล้วกล่าวขึ้น
“คุกเข่าลง!”
หยางเฉินตะคอกใส่
อู๋เทียนโย่วสีหน้าแข็งทื่อ เขาคิดไม่ถึงว่า หยางเฉินจะกล้าบอกให้ตัวเองคุกเข่า
“ไอ้หนุ่ม คุณรู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่?” แววตาของอู๋เทียนโย่วมืดมนน่าสะพรึงกลัว
“พวกคุณดูสิ สายตาของนักแสดงปลายแถวคนนี้ดุร้ายแค่ไหน? เขาต้องแก้แค้นผมแน่นอน ผมอยากคลิปนี้ไว้ ถ้าหากผมเป็นอะไรขึ้นมา พวกคุณห้ามปล่อยนักแสดงปลายแถวคนนี้ไปนะ!”
หยางเฉินกดอัดคลิปแล้วหันไปทางใบหน้าของอู๋เทียนโย่วแล้วพูดด้วยสีหน้าคับข้องใจ
เมื่อเห็นภาพนี้ เซี่ยเหอที่อยู่ข้างๆ ก็ถึงกับตกตะลึง
เธอไม่สามารถเชื่อมโยงหยางเฉินในตอนนี้กับหยางเฉินที่อยู่ในบาร์หงเหยียนก่อนหน้านี้ได้เลย
อู๋เทียนโย่วโกรธหน้าแดงราวกับตับหมู อยากจะฆ่าหยางเฉินเสียในตอนนี้เลย
“พรึ่บ!”
เขาคุกเข่าลงกับพื้นอย่างแรง กัดฟันพูดว่า “คุณหยาง ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว คุณช่วยปล่อยผมไปสักครั้ง ลบคลิปวิดีโอกับคลิปเสียงด้วยเถอะ”
“ต้องอย่างนี้สิ! คนเราน่ะ วันหลังก็ช่วยทำตัวเงียบๆ หน่อย โชคดีนะที่คุณมาเจอคนดีๆ อย่างผม ที่ยินดีปล่อยคุณไป”
“มิฉะนั้นเส้นทางอาชีพของนักแสดงปลายแถวอย่างคุณจะพังทลายอย่างสมบูรณ์”
หยางเฉินเดินเข้าไปและตบบ่าอู๋เทียนโย่วเบาๆ ทำหน้าตัดสินชี้ขาด
“เอาล่ะ ผมให้อภัยคุณแล้ว คุณลุกขึ้นแล้วไสหัวไปให้พ้น!”
หยางเฉินกล่าวยิ้มๆ “วันหลังอย่ามาก่อกวนแฟนของผมอีก ไม่งั้นผมจะปล่อยคลิปเสียงกับคลิปวิดีโอทั้งหมด”
“คุณหมายความว่ายังไง? ผมก็คุกเข่าขอร้องคุณแล้ว คุณยังจะเก็บคลิปวิดีโอกับคลิปเสียงไว้อีกเหรอ?”
อู๋เทียนโย่วโมโหทันที
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “คุณคุกเข่าขอโทษก็เพราะคุณทำผิด มันเกี่ยวอะไรกับการที่ผมจะลบหรือไม่ลบคลิปเสียงกับวิดีโอด้วยล่ะ?”
“อีกอย่าง ถ้าผมลบจริงๆ แล้วคุณให้พี่สาวลูกพี่ลูกน้องคุณมาฆ่าผมแล้วจะทำยังไงล่ะ?”
“คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมมีจรรยาบรรณพอ ตราบใดที่คุณไม่มาก่อกวนแฟนของผม สิ่งเหล่านี้จะเป็นแค่ของที่ระลึกตลอดไป”
อู๋เทียนโย่วมีสีหน้ามืดมน คำรามด้วยความโกรธ “ในเมื่อคุณรนหาที่ตายเอง งั้นผมก็จะไม่เกรงใจล่ะนะ!”
สิ้นเสียงเขาก็โบกมือ “ไปชิงโทรศัพท์มือถือของเขามาให้ฉัน!”
บอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ข้างหลังต่างรีบวิ่งเข้าไปหาหยางเฉิน
อู๋เทียนโย่วโกรธจนแทบคลั่ง ไม่เชื่อในสิ่งที่หยางเฉินพูดเลย ต้องลบคลิปวิดีโอและคลิปเสียงเท่านั้นถึงจะสามารถวางใจได้
เขามีความมั่นใจในตัวบอดี้การ์ดของเขามาก
บอดี้การ์ดสองคนวิ่งขนาบซ้ายขวาเข้าไปหาหยางเฉิน
หยางเฉินยืนนิ่งๆ อยู่กับที่ด้วยสีหน้านึกสนุก ไม่ได้เห็นบอดี้การ์ดสองคนอยู่ในสายตาเลย
“ระวังนะหยางเฉิน!”
เมื่อเห็นหมัดของบอดี้การ์ดทั้งสองพุ่งเข้ามาในเวลาเดียวกัน เซี่ยเหอก็กรีดร้องทันที
อู๋เทียนโย่วมีสีหน้าเย้ยหยัน ยิ้มเยาะพลางกล่าวว่า “บอดี้การ์ดทั้งสองนี้เป็นบอดี้การ์ดชั้นนำที่ได้รับการฝึกอบรมจากบริษัทบอดี้การ์ดที่รู้จักกันดีในประเทศ ค่าจ้างต่อปีหนึ่งล้าน แค่คนขับรถเถื่อนคนเดียวเท่านั้น…”
“โครม! โครม!”
อู๋เทียนโย่วยังพูดไม่ทันจบ แต่จู่ๆ ก็เงียบเสียงไป เบิกตากว้าง ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
เพราะบอดี้การ์ดทั้งสองที่เขาภาคภูมิใจนักยังไม่ได้สัมผัสแม้แต่เสื้อผ้าของหยางเฉินด้วยซ้ำ ตรงกันข้ามกลับเป็นพวกเขาที่กระเด็นออกไปเหมือนลูกบอล
เขายังไม่ทันได้เห็นเลยว่าหยางเฉินลงมืออย่างไร การต่อสู้ก็สิ้นสุดลงแล้ว
“นี่ นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
อู๋เทียนโย่วเบิกตากว้าง พูดอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง “คนขับรถเถื่อนอย่างคุณ เอาชนะบอดี้การ์ดค่าจ้างนับล้านต่อปีได้ยังไง?”
“ไม่ใช่ละ คุณต้องเล่นไม่ซื่อแน่ คุณใช้อาวุธลับ!”
“ไม่ผิดแน่ คุณต้องใช้อาวุธลับแน่นอน ไม่งั้นทำไมบอดี้การ์ดของผมยังไม่ทันได้แตะต้องตัวคุณก็กระเด็นออกไปแล้วล่ะ?”
“ไอ้หนุ่ม คุณมันต่ำช้าไร้ยางอาย!”
หยางเฉินพูดไม่ออก “คุณก็ให้บอดี้การ์ดสองคนของคุณมาชิงโทรศัพท์มือถือของผมแล้ว ต่อให้ผมใช้อาวุธลับแล้วจะทำไม?”
“คนที่ต่ำช้ำน่าจะเป็นคุณมากกว่าล่ะมั้ง?”
“ตอนแรกผมคิดจะปล่อยคุณไปสักครั้งเพื่อเห็นแก่หน้าเซี่ยเหอ แต่คิดไม่ถึงว่าคุณจะกล้าให้บอดี้การ์ดมาชิงมือถือผม ในเมื่อคุณไม่ให้เกียรติกันแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีก โพสต์คลิปวิดีโอกับคลิปเสียงขึ้นอินเทอร์เน็ตเลยแล้วกัน!”
อู๋เทียนโย่วหวาดกลัวจนถึงที่สุด “พรึ่บ” เขาคุกเข่าลงกับพื้นทันที
“คุณหยาง ผมผิดไปแล้ว ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ ผมไม่กล้าอีกแล้ว ไม่กล้าทำอีกแล้ว ได้โปรดอย่าโพสต์ของพวกนั้นขึ้นอินเทอร์เน็ตเลยนะ”
“ถ้าไม่อย่างนั้น เส้นทางในวงการบันเทิงของผมต้องจบสิ้นลงอย่างแท้จริง”
“ผมมีเงิน คุณบอกมาได้เต็มที่ ขอแค่คุณไม่โพสต์ขึ้นอินเทอร์เน็ต คุณต้องการเงินเท่าไหร่ ผมให้ได้หมดเลย”
เห็นได้ชัดว่า อู๋เทียนโย่วกลัวแล้วจริงๆ
หยางเฉินถามด้วยรอยยิ้ม “หนังเรื่องนี้คุณบอกเมื่อกี้ คุณได้ค่าตัวเท่าไหร่?”
“แปดล้าน!”
อู๋เทียนโย่วรีบบอก
“ดี ผมก็ไม่อยากทำให้คุณลำบาก ขอคุณแปดล้านแล้วกัน”
หยางเฉินโยนบัตรธนาคารออกมาใบหนึ่ง “โอนเงินไปที่บัญชีนี้เดี๋ยวนี้ ภายในห้านาทีถ้าผมไม่เห็นเงินแปดล้าน คุณก็รอขึ้นพาดหัวข่าววันพรุ่งนี้ได้เลย!”
อู๋เทียนโย่วตัวสั่นเทิ้ม แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เงินแปดล้านไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยสำหรับเขา
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแค่ดาราเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มจะดัง ได้ค่าตัวถึงแปดล้านก็นับว่าสูงมากแล้ว
แต่ถ้าเขาไม่ให้เงิน หยางเฉินต้องโพสต์มันขึ้นอินเทอร์เน็ตแน่นอน เส้นทางอาชีพของเขาจะดับ ในอนาคตอย่าว่าแต่แปดล้านเลย แปดหมื่นก็ยังไม่มีคนจ้างเขามาเล่นหนัง
พอคิดได้อย่างนี้ อู๋เทียนโย่วก็ไม่ลังเล รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโอนเงิน
ไม่ถึงสองนาที หยางเฉินก็ได้รับข้อความเงินเข้า
“คุณหยาง ผมโอนเงินเข้าบัญชีของคุณตามที่คุณสั่งเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คุณลบคลิปวิดีโอกับคลิปเสียงได้แล้วหรือยัง?”
อู๋เทียนโย่วถามอย่างระมัดระวัง