ฟึ่บ!
ทันใดนั้นนัยน์ตาฉู่เป่ยไห่ปรากฏเปลวเพลิงทองอร่าม ฉีกผ่ารัตติกาลดุจรวงอสนี พุ่งยิงไปยังกระบวนผนึกมายาที่อยู่ไม่ไกล
เนตรทองอัคคี!
พรสวรรค์โดยกำเนิดอย่างหนึ่งของฉู่เป่ยไห่ สามารถมองทะลุความว่างเปล่า หยั่งรู้ความเป็นจริง
ทว่าไม่นานเขาก็มุ่นคิ้ว กลางกระบวนผนึกมายาหมอกควันทบเป็นชั้นๆ แม้สามารถมองทะลุแต่ไม่อาจเห็นเงาร่างหลินสวิน
หรืออีกฝ่ายไม่อยู่ในค่ายกลนี่แต่แรก
ฉู่เป่ยไห่ผงะในใจวูบหนึ่ง สายตากวาดมองโดยรอบ เมืองวายุทรายที่กว้างใหญ่ว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวิตนานแล้ว
ทั้งจากที่เขากวาดมองก็ไม่พบสถานที่ซึ่งพอให้อีกฝ่ายแฝงตัว
“หลินสวิน หากเจ้าไม่ปรากฏตัวอีก อย่าหาว่าข้าใช้กำลังทำลายค่ายกลนี่!” ร่างสูงโปร่งของฉู่เป่ยไห่แผ่พลานุภาพชวนประหวั่น ทั้งตัวดั่งทวยเทพเยือนแดนโลกีย์
ถูกมองข้ามไม่ได้รับการตอบกลับเนิ่นนานเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาหมดความอดทนอยู่บ้าง
ตูม!
เขาเรียกดาบเขากวางสีม่วงเล่มหนึ่งออกมา ทันทีที่สมบัตินี้ปรากฏก็เปล่งประกายดั่งพิรุณสีม่วง งามตระการเจิดจ้า อานุภาพเกินคาดเดา
ทว่าไม่รอฉู่เป่ยไห่ลงมือ เสียงทรงพลังหนึ่งพลันสะท้อนก้องกลางฟ้าดิน…
“เป่ยไห่ เจ้าถอยไป เด็กนี่มันเจ้าเล่ห์ เคยใช้กระบวนผนึกมรรคราชันกักขังสังหารอสูรเฒ่าแรดดำ ค่ายกลนี้ให้ข้าทลายเถอะ!”
ที่มาพร้อมเสียงคือเงาร่างชายวัยกลางคนที่กำยำสูงใหญ่ปรากฏขึ้นในลาน รูปร่างล่ำสันดั่งขุนเขา แผ่พลานุภาพราชันชวนประหวั่น ทำเอาหมู่เมฆทั่วสารทิศพังทลาย ห้วงอากาศครวญคร่ำ
เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันผู้หนึ่ง!
“เช่นนั้นก็รบกวนอาจารย์ลุงเสวียนเหวยแล้ว” ฉู่เป่ยไห่ในใจผงะไปวูบหนึ่งก่อนหลีกทาง
ผ่านการตามล่าหลายวันทำให้เขาเข้าใจนานแล้ว ว่าเทพมารหลินนี่ไม่เพียงกำเริบเสิบสาน ยังเจ้าแผนการล้ำลึกร้ายกาจ ทำให้เขาไม่อาจไม่กังวลว่าในกระบวนผนึกมายาตรงหน้าจะมีแผนสังหารอะไรหรือไม่
ตูม!
เสวียนเหวยลงมือ แสงมรรคทั่วฟ้ารวมเป็นมือใหญ่บดบังนภา ฟาดลงมาเต็มแรง
แค่ชั่วพริบตากระบวนผนึกมายานั่นเปล่งเสียงคร่ำครวญ จากนั้นจึงพังทลายราวทำจากกระดาษ กลายเป็นละอองแสงกระจัดกระจาย
กระบวนท่าง่ายดายเช่นนี้ก็สลายค่ายกลนี้ได้ ทำให้เสวียนเหวยและฉู่เป่ยไห่ล้วนคาดไม่ถึงอยู่บ้าง แต่เมื่อทอดสายตามอง สีหน้าทั้งคู่ต่างอึมครึมลง
ก็เห็นหน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณที่เดิมถูกกระบวนผนึกปกคลุมนั่น มีลายอักษรหนักแน่นงดงามแถวหนึ่งเขียนว่า ‘ไม่รอทุกท่านคอยส่ง ขอตัวจากไปก่อน หากวันหน้ามีวาสนาจะไปเยือนสำนักท่านด้วยตัวเอง’
ในดวงตาฉู่เป่ยไห่วูบไหวไม่หยุด หน้าอกราวมีหินก้อนหนึ่งมาอุดไว้ พลันรู้สึกงุ่นง่านและคับข้องสุดพรรณนาจนแทบกระอักเลือด
“ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิมรึ… ร้ายนักนะเทพมารหลิน!” เขากล่าวชัดทีละคำ สีหน้าน่ากลัวเยียบเย็น ทั่วร่างแผ่จิตสังหารสะท้านฟ้า
ครั้งนี้เขาวางแผนเตรียมการมาเพียงพอ เดิมคิดว่าสามารถฉวยโอกาสนี้สังหารศัตรู ไหนเลยจะคาดคิดว่าอีกฝ่ายเจตนาวางค่ายกล แต่ความจริงหนีไปนานแล้ว!
นึกถึงเมื่อครู่ที่ตนพูดกับอีกฝ่าย ในใจฉู่เป่ยไห่เกิดความอับอายไม่อาจระงับ
“เจ้าเด็กนี่สมควรตาย!” สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันเสวียนเหวยเองก็สีหน้าอึมครึมไม่น่าดู นี่เท่ากับถูกเด็กรุ่นหลังสัพยอก หากกระจายออกไปต้องขายขี้หน้าแน่!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ขณะเดียวกันใกล้เมืองวายุทราย เงาร่างชวนประหวั่นหาใดเปรียบโฉบออกมาทีละร่าง เป็นผู้อยู่ในระดับราชันคนแล้วคนเล่า
ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นอักษรที่หลินสวินทิ้งไว้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดู
ถูกหลอกแล้ว!
ต้องโทษพวกเขาที่เชื่อมั่นเกินไปว่าหลินสวินจะเลือกพึ่งค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ
“เคลื่อนพลทั้งหมดเต็มกำลัง ประกาศจับเด็กนี่ ไม่ว่าอย่างไรอย่าให้มันหนีออกจากแคว้นกู่ชางได้!” เสวียนเหวยกล่าวเสียงขรึม
แม้ออกคำสั่งเช่นนี้แต่ทุกคนต่างรู้ดี ครั้งนี้ปล่อยหลินสวินหนีไปได้ หากหมายขัดขวางเขาเกรงว่าคงยากนัก
เดิมพวกเขายังมีคันฉ่องกักวิญญาณสองลักษณ์ สามารถจับกลิ่นอายหลินสวินได้อย่างแม่นยำ แต่พวกเสวี่ยเชียนเหินถูกจับ ดังนั้นสมบัตินี้จึงตกอยู่ในมือหลินสวินไปด้วย
ประกอบกับหลินสวินมีเคล็ดวิชามหาไร้รูป สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ต่างกันไป ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คิดจับกุมเขาอีกเป็นเรื่องยากลำบากโดยไม่ต้องสงสัย
“น่าชังนัก!” ฉู่เป่ยไห่ก้าวมาเบื้องหน้า ฉีกกระชากลายอักษรที่หลินสวินทิ้งไว้
“เด็กนี่คงจากไปราวสองชั่วยามกว่าๆ ข้าสามารถจับกลิ่นอายมันได้คร่าวๆ อาจมีโอกาสไล่ตามมันทัน!”
ทันใดนั้นชายชราชุดดำร่างผอมคนหนึ่งก้าวออกมากล่าวเสียงขรึม
เขาคือเฉิงไหวคง ระดับราชันของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ชื่อเสียงลือเลื่องนานปี ทั้งยังเป็นผู้แข็งแกร่งที่ก้าวข้ามอมตะเคราะห์ขั้นหนึ่ง ในแคว้นกู่ชางนี้นับได้ว่าเป็นบุคคลน่ากลัวที่ประหนึ่งเจ้าเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่
เห็นดังนี้พวกฉู่เป่ยไห่ก็ตาเป็นประกาย
เพิ่งจากไปสองชั่วยามครึ่ง?
ยังไม่นับว่าสายไป!
…
ซูม!
ยานขนส่งอวกาศดุจสายรุ้งสีเงิน แผดก้องเหนือนภายามค่ำอันเวิ้งว้าง ชั่วพริบตาก็โฉบออกนอกระยะร้อยลี้ เร็วจนน่าเหลือเชื่อ
“จากทิศทางนี้ ไม่เกินหนึ่งวันก็สามารถออกจากแคว้นกู่ชางถึงเขต ‘แคว้นคลื่นคราม’”
บนยานสำเภา หลินสวินกางแผนวิเคราะห์
แต่ก่อนเพราะในมือศัตรูมีคันฉ่องกักวิญญาณสองลักษณ์ ทำให้ไม่ว่าเขาหนีไปทางไหน ไม่กี่ชั่วยามก็จะถูกสกัด
นี่ทำให้หลินสวินไม่กล้าใช้ยานขนส่งอวกาศหลบหนี เพราะเกรงจะถูกอีกฝ่ายส่งสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันมาดักกลางทาง
แต่ปัจจุบันคันฉ่องกักวิญญาณสองลักษณ์ตกอยู่ในมือเขา จึงไม่ต้องกังวลจุดนี้
อีกทั้งความเร็วการท่องเหินของยานขนส่งอวกาศว่องไวยิ่ง ยามเหินทะยานเต็มกำลังใกล้เคียงความเร็วสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชัน
ตอนถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันสองคนของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬตามล่าที่แดนฐิติประจิม ก็ได้พิสูจน์ประเด็นนี้ไปแล้ว
‘แม้จับกลิ่นอายข้าได้ ตอนที่พวกเขาไล่ตามมา ข้าคงออกจากแคว้นกู่ชางไปแล้ว…’
หลินสวินสูดหายใจลึก เขารู้ว่าแพ้ชนะวัดกันตรงนี้
ในช่วงเวลาสำคัญไม่อาจผ่อนปรนเด็ดขาด
รัตติกาลลาลับ แสงจากฟากฟ้าเบิกนภา
ผ่านไปหลายชั่วยาม หลินสวินออกจากเขตแดนแคว้นกู่ชางอย่างตื่นตระหนกแต่ไร้อันตราย มาถึงเมืองแห่งหนึ่งที่อยู่ในเขตแคว้นคลื่นคราม
เข้าเมืองไม่นานหลินสวินก็จากไปอีกครั้ง เขาสืบข่าวได้มาว่าในเมืองนาม ‘เสียงวารี’ ที่อยู่ห่างออกไปประมาณนอกพันลี้มีค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแห่งหนึ่งเช่นกัน
ค่ายกลนี้ถูก ‘สำนักกระบี่ตะวันแดง’ สำนักชั้นยอดแห่งหนึ่งในแคว้นคลื่นครามดูแล
ขณะหลินสวินเพิ่งจากไปไม่นาน เฉิงไหวคงนำพวกฉู่เป่ยไห่ เสวียนเหวยมาถึงเมืองนี้
นอกจากฉู่เป่ยไห่ คนอื่นล้วนเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชัน มีถึงห้าคน ทันทีที่ปรากฏตัวพลันสร้างความอึกทึกและครึกโครมสู่เมืองนี้
“เจ้าเด็กนี่จากไปแล้ว ดูจากทิศทางคงมุ่งหน้าสู่เมืองเสียงวารีเพื่อใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแน่ รีบตามไป!”
ผ่านไปครู่หนึ่ง พวกเฉิงไหวคงพลันโผทะยานดั่งลมพายุ
เมืองเสียงวารี
เมืองนี้แปลกประหลาดพอควร ตั้งอยู่บนเทือกเขามหึมาแห่งหนึ่ง มองจากที่ห่างไกล ยอดเขาเบียดเสียดเรียงราย ทอดยาวดั่งกระดูกมังกร ด้านบนมีเมืองแห่งหนึ่งตั้งอยู่ ราวกับเป็นอาณาจักรในภูเขา
หลินสวินเก็บยานขนส่งอวกาศ แปลงร่างเป็นชายกลางคนเดินเข้าเมืองเสียงวารี
เมื่อถึงหน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณในเมือง ที่นี่มีผู้ฝึกปราณมากกว่าร้อยคนต่อแถวยาวเป็นมังกรรออยู่ก่อนแล้ว
“เรียนถามพี่ชาย ค่ายกลนี้เปิดเมื่อไหร่หรือ” หลินสวินเอ่ยถาม
“ใกล้แล้ว อีกประมาณหนึ่งเค่อ” ชายฉกรรจ์เคราเฟิ้มด้านข้างคนหนึ่งเอ่ยราบเรียบ
“ไม่ทราบว่าค่ายกลนี้พาไปแคว้นไหนหรือ” หลินสวินถามต่อ
ชายฉกรรจ์เคราเฟิ้มกลอกตาใส่ กล่าวไม่สบอารมณ์ “แน่นอนว่าเป็น ‘เมืองฝนเขียว’ แห่งแคว้นพฤกษาทอง เรื่องนี้เจ้าไม่รู้รึ”
หลินสวินยิ้มรับไม่พูดมากอีก
ในใจเขากลับวิเคราะห์ตำแหน่งแคว้นพฤกษาทองออกโดยคร่าวๆ ว่าตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตอนเหนือแดนชัยบูรพา ห่างจากแคว้นกู่ชางที่แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์อยู่กว่าร้อยเขตแคว้น
ขอแค่ไปถึงที่นั่นก็ไม่ต้องห่วงว่าจะถูกตามล่าอีก
“ทุกท่าน ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณจวนเปิดแล้ว ตอนนี้เริ่มชำระเงิน หนึ่งคนสามพันแกนวิญญาณขั้นสูง!” ชายชราเคราแพะคนหนึ่งกล่าวเสียงดัง
นี่คือผู้แข็งแกร่งสำนักกระบี่ตะวันแดงที่ดูแลค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ เมื่อใดที่ยืมใช้ค่ายกลนี้ล้วนต้องชำระค่าใช้จ่ายแก่พวกเขา
เพียงแต่เมื่อได้ยินราคาสามพันแกนวิญญาณขั้นสูง หลินสวินพลันตกตะลึง ราคานี้แพงยิ่งนัก หาใช่สิ่งที่ผู้ฝึกปราณทั่วไปสามารถแบกรับได้
กระทั่งเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ฝึกปราณแต่ละคนครบ ชายชราเคราแพะนั่นจึงหยิบยันต์ผนึกต้องห้ามออกมาเปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ จากนั้นจึงกล่าวเสียงดัง “ทุกท่าน ขอให้พวกเจ้าเดินทางโดยสวัสดิภาพ!”
ผู้ฝึกปราณนับร้อยทยอยเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ เหมือนกับก้าวผ่านความว่างเปล่า
ถึงตอนนี้หลินสวินแอบเป่าปากโล่งอก ขอแค่ออกจากที่นี่ ต่อไปย่อมมีฟ้าสูงให้นกโบยบิน ต่อให้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นั่นแข็งแกร่งกว่านี้ก็คงไม่กล้าตามล่าตนทั่วทุกแคว้น
ถึงอย่างไรแม้อาณาเขตแดนชัยบูรพาจะกว้างใหญ่ แต่ล้วนถูกแต่ละสำนักโบราณใหญ่ยึดครอง ต่อให้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คลั่งยิ่งกว่านี้ ก็คงไม่กล้ากำเริบเสิบสานในเขตขุมอำนาจอื่น
“ช้าก่อน!” ทว่าเวลานี้เสียงตวาดดังก้องขึ้น เงาร่างคนกลุ่มหนึ่งพุ่งทะยานมาเยือน
ครืน!
โดยเฉพาะคนที่นำมานั้น ยังไม่ถึงก็เอื้อมมือปกคลุมค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณซึ่งจวนจะโคจรนั่น หยิบยันต์ผนึกต้องห้ามที่ติดอยู่บนค่ายกลโบราณออกมา
ทุกคนต่างตื่นตะลึง ไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อเห็นเงาร่างที่ห้อตะบึงมานั้นต่างก็เงียบกริบดั่งจักจั่นเดือนหนาว สีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งสำนักกระบี่ตะวันแดงล้วนแข็งทื่อไปทั้งตัว เผยสีหน้าหวาดกลัวยำเกรง
เพราะนั่นเป็นถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันหลายคนปรากฏตัวพร้อมกัน!
ขุมพลังเช่นนี้ล้วนเพียงพอกวาดล้างทั้งเมืองเสียงวารี แม้เจ้าสำนักสำนักกระบี่ตะวันแดงมาเองก็ต้องให้เกียรติถึงสามส่วน
แต่นัยน์ตาหลินสวินพลันหดรัด เขามองเห็นฉู่เป่ยไห่!
โดยเฉพาะชายชราที่นำมานั้น กลิ่นอายว่างเปล่าดั่งเวิ้งฟ้า ล้ำลึกดุจมหาสมุทร ไม่อาจคาดเดา
หลินสวินเห็นผู้แข็งแกร่งระดับราชันมามาก พริบตาเดียวก็ตัดสินได้ว่าชายชรานี่หาใช่ผู้ที่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันทั่วไปสามารถเทียบได้ เป็นไปได้สูงที่จะก้าวสู่มรรคาอมตะแล้ว!
นอกจากนี้ใกล้ๆ ชายชรายังมีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันสี่คนตามมาด้วย กระบวนรบนี้น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว
เปรียบเทียบกันแล้ว ฉู่เป่ยไห่กลับเหมือนว่าไม่ค่อยมีภัยคุกคาม
หลินสวินทอดถอนใจในใจ ในช่วงสุดท้ายกลับเกิดเรื่องเช่นนี้ โชคช่างไม่เข้าข้างเสียจริง…
เมื่อพวกฉู่เป่ยไห่มาถึง บริเวณแถบนี้พลันเงียบสงัด เงียบกริบไร้สุ้มเสียง เหล่าผู้ฝึกปราณกระวนกระวาย ไม่รู้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น
ขณะเดียวกันเนตรทองอัคคีคู่นั้นของฉู่เป่ยไห่ก็จับร่างชายกลางคนที่หลินสวินจำแลงได้ในชั่วพริบตา มุมปากโค้งเป็นรอยยิ้มเย็นชาอย่างอดไม่อยู่ พลางกล่าว “หลินสวิน ในที่สุดพวกเราก็เจอกันแล้ว!”
……………..