บทที่ 2063 คฤหาสน์วิญญาณอมตะอันดับหนึ่ง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2063 คฤหาสน์วิญญาณอมตะอันดับหนึ่ง

“บึม!”
จากการโจมตีของวังสวรรค์แท่นบูชาแห่งโชคสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงการแสดงออกของปิงชายฉวยกลายเป็นมืดครึ้ม

สัตว์อสูรแรกกําเนิดในตํานานเหมาลี่ชิวตะโกน“ให้ท่านปู่ผู้นี้ออกไปฆ่าพวกมัน!”

ปรมาจารย์หาธาตุตะโกน“ท่านปู่เหมาคฤหาสน์วิญญาณอมตะได้รับความเสียหายอย่างหนักเราต้องซ่อมแซมมันด้วยกัน”

เหมาลี่ชิวก่นเสียงเย็นขณะช่วยซ่อมแท่นบูชาแห่งโชคมันพึมพํา “สถานการณ์เลวร้ายมากปิงชายฉวนควบคุมแท่นบูชาแห่งโชคให้ดี อย่าทําลายชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของนายท่าน”ปิงชายฉวนขมวดคิ้วตอบ“เหมาลี่ชิวดูข้างนอกบางคนแย่กว่าเรา”

ปีศาจอมตะฉีเจียเป็นคนที่ปิงชายฉวนอ้างถึง

เขาอยู่ในสภาพที่น่าอนาถ การระเบิดตัวเองของเทพปีศาจจิตวิญญาณทําให้แดนซี่ของเขาได้รับความเสียหายครั้งใหญ่แต่มันเป็นความมั่นใจเดียวของเขาด้วยการใช้มันเป็นแกนกลางของท่า

ไม้ตาย เขาจึงสามารถต่อสู้ในสนามรบ

แต่ตอนนี้แดนซี่เสียหายอย่างหนัก พลังการต่อสู้ของปีศาจอมตะฉีเจียลดลงอย่างมาก“สิ่งนี้ไม่สามารถดําเนินต่อไป วังสวรรค์ยังมีกําลังเสริมที่แข็งแกร่งถ้ำสวรรค์นิรันดร เราต้อง

ร่วมมือกันอีกครั้ง” ปีศาจอมตะฉีเจียถ่ายทอดเสียงอย่างยากลําบาก

“ตอนนี้วังสวรรค์อ่อนแอที่สุดในประวัติศาสตร์ พวกเขาจะนํากําลังเสริมมาจากที่ใด?” เหมา

ชิว ม า

“อย่าประมาท ไม่มีผู้ใดสามารถประเมินรากฐานที่แท้จริงของวังสวรรค์” หลังจากปีศาจอมตะฉี เจียตอบกลับเหมาลี่ชิว ปิงชายฉวนก็ตกลงร่วมมือกับเขาเจีย

ปิงชายฉวนสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ

ดังนั้นแท่นบูชาแห่งโชคจึงปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังออกไปเพื่อปกป้องปีศาจอมตะฉี

จากนั้นปีศาจอมตะฉีเจียก็กัดฟันใช้แดนซี่ดึงปราณพิภพออกมาจากเส้นโลหิตปฐพีอย่างไม่รู้สิ้นสุด

“ฮืม ลูกไม้เก่าๆ พวกเจ้ากําลังดูถูกข้า!” ฉินติงหลิงออกจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะและใช้ท่า

ไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งโชคของนาง

แสงสีทองระเบิดออกไปทุกหนทุกแห่ง ปิงชายฉวนเร่งล่าถอยออกไป

“เกือบแล้ว ท่าไม้ตายนี้สามารถต่อต้านแท่นบูชาแห่งโชค หากข้าช้ากว่านี้ สถานการณ์จะยิ่งเลวร้าย” ปิงชายฉวนถอนหายใจ

แต่ความพยายามของปีศาจอมตะฉีเจียและถ้ำสวรรค์นิรันดรไม่ได้ไร้ผล ปราณพิภพปะทุขึ้นมาจากเส้นโลหิตปฐพีและเคลื่อนที่ไปรอบๆ

ปราณพิภพพุ่งไปยังสนามรบของหอพิพากษาปีศาจกับกลุ่มของไป่หนิงปิง

ผู้อมตะหญิงทั้งสามต่อสู้กับหอพิพากษาปีศาจอย่างยากลําบาก
ไป่หนิงปิงยังมีชีวิตอยู่

แม้นางจะถูกหอพิพากษาปีศาจบดขยี้ก่อนหน้านี้ แต่ในช่วงเวลาสําคัญนางสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะไปเซียงได้สําเร็จ

หอพิพากษาปีศาจต้องหลบเลี่ยงปราณพิภพที่พุ่งเข้าไปหามัน

“แม้แต่สวรรค์ก็ช่วยข้า!” เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของไป่หนิงปิงก็ส่องประกายขึ้นนางรู้สึกประหลาดใจและสนุกสนาน

ร่างกายของนางขยายใหญ่ขึ้น

“นี่เป็นเวลาที่ดีที่จะหลบหนี!” ไป่หนิงปิงยื่นมือออกไปทางเทพธิดาเมี่ยวหยินและนางเสือดําเทพธิดาเมี่ยวหยินและนางเสือดําาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะจับมือไป่หนิงปิง

ไป่หนิงปิงไม่ลังเล นางกระโดดลงไปในแม่น้ำปราณพิภพทันที “อย่าฝัน!” ฟางเจิ้งกัดฟันและนําหอพิพากษาปีศาจออกไล่ล่า

พวกเขาเดินทางไปตามเส้นโลหิตปฐพีเหมือนปลาตัวเล็กๆที่ว่ายอยู่ในแม่น้ำขนาดใหญ่

“ไม่ เราหนีไม่พ้น หอพิพากษาปีศาจเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด!”ใบหน้าของเทพธิดาเมี่ยวหยินกลายเป็นซีดขาว

หลังจากไม่นานไป่หนิงปิงก็ไม่สามารถอดทน

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีกัดกร่อนร่างกายของพวกนางอย่างต่อเนื่องแม้เทพธิดาเมี่ยวหยินและนางเสือดําจะใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันแต่พวกนางก็อยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก

ไป่หนิงปิงเผยรอยยิ้ม นางไม่หวั่นไหว “แน่นอนว่าเราไม่สามารถแข่งขันกับหอพิพากษาปีศาจแต่ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับฟางเจิ้งว่าจะเด็ดเดี่ยวเพียงใดฮ่าฮ่าฮ่า”

ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย ไป่หนิงปิงหัวเราะ

นางหันหลังกลับและเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์

เทพธิดาเมี่ยวหยินและนางเสือดําตัดสินใจพุ่งเข้าหาหอพิพากษาปีศาจเคียงข้างไป่หนิงปิง

“พวกเจ้า!” ฟางเจิ้งตกใจเมื่อเห็นไป่หนิงปิงและคนอื่นๆยกเลิกการป้องกัน เขาต้องใช้ท่า

ไม้ตายของหอพิพากษาปีศาจเพื่อปกป้องพวกนาง

หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากหอพิพากษาปีศาจ ผู้อมตะหญิงทั้งสามก็รอดพ้นจากการบดขยี้ของเส้นโลหิตปฐพี

ฟางเจิ้งรู้สึกราวกับหัวใจถูกทับด้วยภูเขาทั้งลูก

เขากลายเป็นคนช่วยชีวิตศัตรู!

แต่ฟางเจิ้งต้องทําสิ่งนี้ เขาต้องทําภารกิจจับเชลยให้สําเร็จ

‘ฟางเจิ้ง เจ้ามีวิธีจับพวกเรางั้นหรือ? หากหอพิพากษาปีศาจมีวิธีการบางอย่าง เจ้าคงใช้มันไปแล้วในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าต้องออกมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะและใช้วิธีของตัวเจ้าเอง เท่านั้น!’ ไป่หนิงปิงไม่ได้กล่าวนางเพียงคิดอยู่ในใจ

หากพวกนางแพ้ พวกนางจะถูกจับ เมื่อคุณค่าของพวกนางถูกดึงออกไปจนหมดพวกนางจะถูกสังหารและกลายเป็นเหยื่อสังเวยเพื่อยกระดับชื่อเสียงของวังสวรรค์

ฟางเจ๋งจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง

ไป่หนิงปิงชนะการเดิมพันครั้งนี้!

ฟางเจ๋งไม่มีวิธีจับพวกนาง

เว้นเพียงเขาจะนําผู้อมตะหญิงทั้งสามเข้าสู่คฤหาสน์วิญญาณอมตะ

แต่หากฟางเจิ้งท่าเช่นนั้น มันจะเป็นเรื่องที่โง่เขลามาก เพราะนั่นหมายถึงการนําศัตรูเข้าสู่

อาณาเขตของตนเอง ฟางเจิ้งเพียงผู้เดียวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้อมตะหญิงทั้งสาม

“ช่างเจ้าเล่ห์นัก แต่แล้วอย่างไร?” ฟางเจิ้งกัดฟันกล่าว “หากข้าจับพวกเจ้าพวกเจ้าจะยังสามารถทําชั่วได้อีกระยะหนึ่งแต่ตอนนี้พวกเจ้าจะตายขอแสดงความยินดีด้วยความพยายามของพวกเจ้าได้รับรางวัลใหญ่!”

ฟางเจิ้งกล่าวประชดประชันก่อนจะละทิ้งกลุ่มของไป่หนิงปิงและออกจากเส้นโลหิตปฐพี

เมื่อไม่ได้รับการปกป้องจากหอพิพากษาปีศาจ ไป่หนิงปิงและคนอื่นๆก็ตกอยู่ในอันตราย

“บางทีฟางเจิ้งอาจกล่าวถูก” เทพธิดาเมี่ยวหยินเผยรอยยิ้มขมขื่น

ไป่หนิงปิงสูดหายใจลึก

“ดูนั่น!” แต่ในจังหวะนี้นางเสือดํากลับตะโกนออกมาอย่างกะทันหัน

หลุมด่าปรากฏขึ้นด้านหน้า

“ไป!” ผู้อมตะหญิงทั้งสามไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเข้าไปในหลุมดํา

แทบจะในเวลาเดียวกัน เทพธิดาจื่อเว่ย อิงอู๋เซี่ย และเฒ่าเจิ้งหยวนกําลังเดินทางอยู่ในป่าทึบ

“ที่นี่ยังไม่ปลอดภัย เรายังต้องเดินทางต่อ” เทพธิดาจื่อเว่ยเห็นการเคลื่อนไหวของอิงอู๋เซี่ยช้าลงดังนั้นนางจึงต้องแจ้งเตือน

อิงอู๋เซี่ยกล่าวด้วยความโศกเศร้า“ร่างหลักตายแล้ว พวกเราจะทําอย่างไร…”

เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวอย่างจริงจัง “แม้ร่างหลักจะตายแต่เรายังมีเจ้า อิงอู๋เซียเจ้าคือดวงวิญญาณแยกของนายท่าน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าคือเจ้านายของเรา!”

“แต่…” อิงอู๋เซี่ยไม่รู้สึกมีความสุขแม้แต่น้อย “ร่างหลักตายในการต่อสู้ตอนนี้ไม่ใช่ยุคของ

เทพปีศาจจิตวิญญาณอีกต่อไป

เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย นางกําลังจะปลอบใจเขาแต่เฒ่าเจิ้งหยวนชิงกล่าว “มีบางอย่างเกิดขึ้น อย่าขยับ!”

ในเวลาต่อมาเขาก็กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะและปลดปล่อยแสงสีขาวออกไปปกคลุมร่างของ

ทุกคนเอาไว้

หลังจากชั่วครู่แผ่นดินก็เกิดการสั่นสะเทือน ความโกลาหลปะทุขึ้นในป่า เสียงดังมาจากระยะไกล

ผู้อมตะทั้งสามเงยหน้าขึ้น พวกเขาเห็นท้องฟ้าถูกย้อมด้วยแสงสีเขียวขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังหนึ่งปรากฏขึ้น

มันเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด ภายในคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้เต็มไปด้วย

เสียงโห่ร้อง ดูเหมือนมันจะบรรลุมนุษย์จํานวนมากเอาไว้

“นี่คือ…เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!?” อิงอู๋เซี่ยตกตะลึง

“เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เกิดจากการรวมตัวกันของเมืองจักรพรรดิและวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

มันควรตั้งอยู่ที่จุดศูนย์รวมของเส้นโลหิตปฐพี เหตุใดมันจึงอยู่ที่นี่?” เฒ่าเจิ้งหยวนรู้สึกตกใจเช่นกัน

เทพธิดาจื่อเว่ยไตร่ตรอง “คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะบัวสวรรค์มันต้องมีเหตุผลสําหรับการเคลื่อนไหวนี้แปลกเหตุใดฉินติงหลิงไม่ใช้มันในการต่อสู้ที่วัง

ปัจจุบัน!” เฒ่าเจิ้งหยวนถอนหายใจด้วยความชื่มชมสวรรค์?”

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ทรงพลังมาก มันเป็นจุดศูนย์รวมของเส้นทางมนุษย์วิธีการของเทพอมตะบัวสวรรค์น่าทึ่งเกินไป มันน่าจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะอันดับหนึ่งในโลกยุค

“น่าเสียดายที่เทพอมตะบัวสวรรค์คําานวณผิด เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถทําสิ่งใดใน

เทพธิดาจื่อเว่ยส่ายศีรษะเบาๆ “แผนการของเขาไม่ได้ล้มเหลว มีความลับซ่อนอยู่เบื้องหลัง

สงครามชะตากรรม” อิงอู๋เซี่ยกล่าว

เรื่องนี้ เราไม่สามารถด่วนสรุป

ผู้อมตะทั้งสามซ่อนตัวอยู่ในป่าขณะที่เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เคลื่อนที่ผ่านพวกเขาไปยังนรกใต้พิภพ

“ไปกันเถอะ” เทพธิดาจื่อเว่ยเตรียมตัวออกเดินทาง

แต่เฒ่าเจิ้งหยวนกลับเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าไม่สามารถตามพวกเจ้าไปได้อีก”

อิงอู๋เซี่ยประหลาดใจ “เพราะเหตุใด?”

เฒ่าเจิ้งหยวนถอนหายใจ “เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เป็นจุดศูนย์รวมของเส้นทางมนุษย์ตั้งแต่ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางมนุษย์ ข้าก็ถูกสะกดข่มโดยมันก่อนหน้านี้มันอาจตระหนักถึงการคงอยู่

ของข้า แต่เพราะเหตุผลสําคัญบางอย่าง มันจึงเลือกที่จะเพิกเฉยต่อข้าเป็นการชั่วคราวข้าควร

แยกทางกับพวกท่านที่นี่”

การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นมืดมน พวกเขาพบความสูญเสียอีกครั้งก่อนหน้านี้นิกายเงาเต็มไปด้วยผู้คนและเจริญรุ่งเรืองมาระยะหยิ่ง แต่ตอนนี้มันเหลือเพียงตัวเขากับเทพธิดาจื่อเว่ยเท่านั้น

น่าสมเพชมาก!

‘บางทีการพยายามฆ่าฟางหยวนอาจเป็นความผิดพลาดร้ายแรง!’ อิงอู๋เซี่ยรู้สึกขมขื่น