เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 2064 ถูกจับ
เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยเสียงของผู้คน
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“เจ้าไม่รู้งั้นหรือ?มีประกาศติดอยู่ที่ประตูเมืองมาระยะหนึ่งแล้วในช่วงเวลานี้จะมีปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นมากมาย พวกเขาบอกว่าไม่จําเป็นต้องตื่นตระหนก”
“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับประกาศนี้เช่นกันแต่ไม่คิดว่ามันจะเกิดปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้”
ชาวเมืองพูดคุยกันอย่างสงบโดยไม่สร้างความวุ่นวาย
ทางเหนือของเมือง
“หงอี้ไปอยู่ที่ใด?”เกาอวี่ถอนหายใจขณะเดินออกจากตรอกเล็กๆ เขามาพร้อมกับเซี่ยหลาน
ทั้งสองเป็นศิษย์ของนิกายครอบจักรวาล พวกเขาได้รับคําสั่งให้ออกตามหาหงอี้ที่หายตัวไป
พวกเขาอยู่ในเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มาสองสามเดือนแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
เซี่ยหลานขมวดคิ้ว “เราค้นหาเกือบทั่วทั้งเมืองแล้วแต่ยังไม่ได้รับข่าวใดๆเกี่ยวกับหงอี้นี่อาจเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด”
ดวงตาของเกาอวี่เบิกกว้าง “เจ้ากําลังจะบอกว่าหงอี้อยู่ในโลกภาพวาดงั้นหรือ?มันจะเป็นไปได้อย่างไร?”
เซี่ยหลานมองไปรอบๆและลดเสียงลง “เบาๆ นี่เป็นข่าวซุบซิบที่แพร่กระจายไปทั่วเมืองเมื่อเร็วๆนี้ โลกภาพวาดเป็นการจัดเตรียมของเทพอมตะบัวสวรรค์พวกมันสามารถนําชาวเมืองเข้าไปและส่งออกมาหลายวันที่ผ่านมาผู้ใช้วิญญาณหลายคนมาที่เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เพื่อแสวงหาโอกาสอมตะ”
เกาอวี้ถาม “หากหงอี้อยู่ในโลกภาพวาดจริงๆ แล้วเราจะไปหาเขาได้อย่างไร?” เซี่ยหลานเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าว“หากเป็นกรณีนี้เราก็ทําได้เพียงรอคอยเท่านั้น”
ทิศตะวันออกของเมือง
“ท่านอาจารย์ โปรดรักษาตัวด้วย” ผู้ใช้วิญญาณหญิงส่งอาจารย์ของนาง
หญิงผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่มีชื่อเสียง นางเป็นหนึ่งร้อยอันดับแรก
ของการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แต่นางกลับแสดงออกอย่างสุภาพต่อหน้าผู้
ใช้วิญญาณที่ไร้ชื่อเสียง นี่ทําให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกประหลาดใจ
ผู้ใช้วิญญาณที่ไร้ชื่อเสียงผู้นี้อยู่ในชุดคลุมยาวและซ่อนใบหน้าไว้ใต้หมวกฟาง
เขาเคลื่อนที่อย่างระมัดระวังและหายตัวไปในมุมถนน
“มันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่? ผู้อมตะกําลังทําสิ่งใดอยู่?” ผู้ใช้วิญญาณไร้ชื่อเสียงเดินอยู่ในตรอกที่
ว่างเปล่าและเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“เห้อ…ข้าไม่ได้คาดหวังว่าจะพบปัญหาเช่นนี้ในการเดินทางมาที่นี่ในครั้งนี้ข้าหวังเพียงว่าตัว
ตนของข้าจะไม่ถูกเปิดผย”
“ข้าควรอยู่ในโรงเตี้ยมที่ห่างไกลจนกว่าประตูเมืองจะเปิดอีกครั้ง”
ผู้ใช้วิญญาณไร้ชื่อเสียงรู้สึกกังวล
เขาคือเพ่ยเต๋าอี้ที่เคยสอนทักษะการหลอมรวมให้กับผู้อมตะหยูมู่ฉาน
เขาเป็นมนุษย์ขนที่ซ่อนรูปลักษณ์ที่แท้จริงของตนเองโดยการใช้วิญญาณเขาต้อง
เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังในสถานที่ที่เต็มไปด้วยมนุษย์เช่นนี้
มีผู้คนทุกประเภทอาศัยอยู่ในเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์รวมถึงผู้อมตะระดับหก
แต่ไม่มีผู้ใดสามารถจินตนาการว่าเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กําลังเดินทางไปยังนรกใต้พิภพเพื่อ
ต่อสู้กับปีศาจอมตะฉีเจียและแท่นบูชาแห่งโชค
ท่าไม้ตายอมตะระเบิดปราณใหญ่!
ปีศาจอมตะฉีเจียโจมตีเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และทําให้แสงสีเขียวสั่นไหวเล็กน้อย
‘นี่อาจเป็นคหสาน์วิญญาณอมตะอันดับหนึ่งของโลกยุคปัจจุบัน!’ แม้แต่ปีศาจอมตะฉีเจียยังรู้สึกท้อแท้
พลังการต่อสู้ในปัจจุบันของเขาไม่สามารถคุกคามเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
“ดังนั้นไพ่ตายของฉินติงหลิงก็คือเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!” การแสดงออกของปิงชายฉวย
กลายเป็นเคร่งเครียดโชค
เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กีดขวางเส้นทางการหลบหนีของปีศาจอมตะฉีเจียและแท่นบูชาแห่ง
ขณะเดียวกันฉินติงหลิงนําคฤหาสน์วิญญาณอมตะของวังสวรรค์รวมถึงหอพิพากษาปีศาจไล่ล่ามาจากด้านหลัง
การต่อสู้ที่ดุเดือดปะทุขึ้น เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยแสงสีเขียวออกมาและสร้างเป็นวังวนแสงขนาดใหญ่
วังวนแสงสีเขียวกลืนกินปีศาจอมตะฉีเจียเข้าไป
ปีศาจอมตะฉีเจียทําได้เพียงนําแดนซี่ที่ได้รับความเสียหายออกมาต่อสู้แต่มันไม่สามารถต่อ
ต้านการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม สุดท้ายปีศาจอมตะฉีเจียก็ถูกดูดเข้าไปในเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
“เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จับปีศาจอมตะฉีเจียไปแล้ว!” ภายในแท่นบูชาแห่งโชคปิงชายฉวน
และคนอื่นๆตกตะลึง
แม้แดนซี่ของปีศาจอมตะฉีเจียจะได้รับความเสียหายอย่างหนักแต่เขาก็มีพลังการต่อสู้กึ่ง
ระดับเก่า พวกเขาไม่คาดหวังว่าเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จะสามารถจับกุมเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
พลังอํานาจของเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทําให้หัวใจของผู้อมตะจากถ้ำสวรรค์นิรันดรสั่นไหว
“เหตุการณ์ฉุกเฉิน!” ปิงชายฉวนอุทานด้วยความตกใจและกระตุ้นใช้วิธีการที่ทรงพลังที่สุดของแท่นบูชาแห่งโชคโดยไม่ลังเล
แสงสีทองส่องประกายออกมาจากแท่นบูชาแห่งโชคและนําพวกเขาพุ่งทะยานออกไป
“ถ้ำสวรรค์นิรันดร พวกเจ้าจะไปที่ใด!” ฉินติงหลิงตระหนักว่านี่เป็นช่วงเวลาสําคัญนางเร่งโจมตีทันที
นางบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งโชคและต่อต้านเทพอมตะตะวันเดือดมาตลอดชีวิตนางเข้าใจ
แท่นบูชาแห่งโชคอย่างลึกซึ้ง
วิธีการของแท่นบูชาแห่งโชคถูกรบกวนโดยฉินติงหลิง
วังวนแสงสีเขียวปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“เราจะถูกจับงั้นหรือ?” หัวใจของไห่ลั่วหลันจมดิ่งลงเมื่อนางตระหนักถึงสถานการณ์เลวร้าย
ในช่วงเวลาคับขัน ปรมาจารย์ห้าธาตุลังเลเล็กน้อยก่อนจะเปิดปากกล่าว “ข้าจะหยุดพวกเขาเอาไว้ พวกเจ้ารีบจากไป!”
“ไม่ เจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งค่ายกลเจ้าจะมีประโยชน์อย่างมากในอนาคตท่านปู่ผู้นี้เหมาะสมกับงานนี้ที่สุด!”เหมาลี่ชิวผลักปรมาจารย์ห้าธาตุออกไป
“ท่านปู่เหมา…” ปรมาจารย์ห้าธาตุตะลึง สถานะของเหมาลี่ชิวในถ้ำสวรรค์นิรันดรสูงกว่าเขา เขาคิดว่าการเสียสละตัวเองของเขาสมเหตุสมผลที่สุดในสถานการณ์นี้ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่า
เหมาลี่ชิวจะหยุด
ภายใต้สถานการณ์นี้วังสวรรค์จะไม่ยอมแพ้โดยง่าย
เหมา ชิวอาจเสียชีวิตหากมันออกไป
ปิงชายฉวนมองเหลาลี่ชิวอย่างลึกซึ้งแต่เหมาลี่ชิวกลับเปิดปากกล่าวอย่างไม่เป็นทางการ
“ปิงชายฉวน ข้าจะฝากถ้ำสวรรค์นิรันดรไว้กับเจ้า อย่านําความอับอายมาสู่ท่านปู่ผู้นี้เจ้าต้องหนีไปอย่าทําให้นายท่านผิดหวังมิฉะนั้นแม้ข้าจะเป็นผีข้าก็จะกลับมาหลอกหลอนเจ้า!”ปิงชายฉวนกัดฟัน “ฮีมไร้สาระต่อให้ตายก็จงตายอย่างฉลาด!”
เขาเคยต่อสู้เคียงข้างเหมาลี่ชิวมาหลายครั้งทั้งสองถือเป็นสหายร่วมรบแต่พวกเขาเป็นคนเหนือพวกเขามักแสดงออกด้วยภาษาที่หยาบกระด้าง
เหมาลี่ชิวหัวเราะ“เช่นนั้นเจ้าก็วางใจได้ ข้าเชี่ยวชาญเรื่องนี้ที่สุด!”
ปิงชายฉวนเปิดประตูคฤหาสน์วิญญาณอมตะและปล่อยเหมาลี่ชิวพุ่งออกไป
“วังสวรรค์ มาสู้กับข้า!” เหมาลี่ชิวพุ่งเข้าหาศัตรูอย่างกล้าหาญ
หอพิพากษาปีศาจถูกส่งลอยกลับหลังในชั่วพริบตาโดยเหมาลี่ชิว
เหมาลี่ชิวต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง ในไม่ช้าร่างกายของมันก็เปียกโชกไปด้วยเลือด
อย่างไรก็ตามมันยังหัวเราะเสียงดัง
เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ใช้วังวนแสงสีเขียวเพื่อจับแท่นบูชาแห่งโชคแต่เหมาลี่ชิวพุ่งเข้าไป
กีดขวาง ด้วยเหตุนี้มันจึงถูกดูดเข้าไปในเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับปีศาจอมตะฉีเจีย
ในช่วงเวลาสําคัญแท่นบูชาแห่งโชคกลายเป็นลําแสงสีทองพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง
โลกภาพวาดของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์
“บึม!”
“บึม!”
ภายในช่วงเวลาสั้นๆ เสียงของการระเบิดครั้งใหญ่สองครั้งก็ดังไปทั่ว
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ไปเซี่ยและคนอื่นๆตกใจและงุนงน พวกเขากําลังฝึกฝนอยู่ในโลกภาพวาด
และไม่ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนอกเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
“เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว” เฉินซานเข้าไปหาฟางตี้เฉิง
ชิ้นเล็กชิ้นน้อย และมีชามหักๆวางอยู่ด้านหน้า
ฟางตี้เฉิงขดตัวอยู่ที่หัวมุมของตรอกแห่งหนึ่ง เขาดูสกปรกเลอะเทอะเสื้อผ้าของเขาขาดเป็น
เขาเงยหน้าขึ้นมองเฉินซาน “นายท่าน โปรดมอบอาหารให้ข้าด้วย ข้าไม่ได้กินสิ่งใดมาสามวัน
สามคืนแล้ว”
ในเวลาเดียวกันเขาก็ลอบถ่ายทอดเสียงไปหาเฉินซานอย่างลับๆ “พี่เฉินเกิดสิ่งใดขึ้น?”เฉินซานตอบกลับ“ข้าไม่แน่ใจในรายละเอียด แต่มีภาพวาดขนาดใหญ่สองภาพเพิ่มขึ้นมา
กระแสลมปราณอาละวาดอยู่ในภาพหนึ่งขณะที่อีกภาพมีเสียงคํารามของสัตว์ร้ายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
ดวงตาของฟางตี้เฉิงส่องประกายขึ้น เขารู้สึกสนใจมาก
ฟางตี้เฉิงไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นภายนอกแต่สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกบางทีพวกเขาอาจพบความลับสําคัญบางอย่างผ่านสิ่งนี้
ไม่กี่วันต่อมา
บางแห่งของภาคใต้
หมอกในหุบเขาจางหายไปขณะที่สองคนเดินออกมา
หนึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาและมีเขามังกรอยู่บนศีรษะเขาเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่ง
ทาส อู๋ส่วยอีกหนึ่งอยู่ในชุดคลุมสีขาว เขามีเส้นผมสีดํายาวลงมาถึงเอวดวงตาของเขามืดมิด
ราวกับบ่อนําลึก เขาก็คือฟางหยวน
“ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์มากกว่าสามพันร่องรอยถูกปรับแต่งแล้วตอน
นี้เราจะทําสิ่งใดต่อไป?” อู๋ส่วยถาม“เราควรไปพบลั่วเว่ยหยินหรือไม่?”
อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับแสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อน
จากนั้นริมฝีปากของเขาก็ม้วนตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มขณะที่เขาตอบสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับคําถาม
“ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์ช่างน่าอัศจรรย์นัก!”