เทพปีศาจหวนคืนบทที่ 2065 ท่าไม้ตายผสม
เสือดาวสีเหลืองสามตัวพุ่งออกมาจากพุ่มไม้หนาทึบ
เสือดาวตัวเมียสองตัวกับตัวผู้หนึ่งตัวคํารามและแสดงเขี้ยมอันแหลมคมที่มีเศษเนื้อเปื้อนเลือดติดอยู่
เย่ฟานถูกสามเสือดาวปิดล้อม หัวใจของเขาสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย ‘เสือดาวเหล่านี้มีความสามารถในการซ่อนตัวที่ยอดเยี่ยมข้าสัมผัสถึงการคงอยู่ของพวกมันได้เพียงเมื่อพวกมันเริ่มเคลื่อนไหว สําหรับพลังการต่อสู้ข้าจะรู้หลังจากต่อสู้’
เมื่อคิดได้เช่นนี้เย่ฟานก็โยนวิญญาณหลายดวงออกไป
“บึ้ม บึ้ม บึ้ม”
ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาขณะที่นักรบสามคนปรากฏตัวขึ้นรอบๆเย่ฟาน
วิญญาณบนเส้นทางมนุษย์นักรบพเนจร!
“ไป!”ด้วยคําสั่งของเย่ฟานนักรบพเนจรสามคนแยกย้ายกันไปจัดการเสือดาวแต่ละตัวหลังจากต่อสู้มากกว่าสิบรอบนักรบพเนจรสองคนชนะขณะที่หนึ่งคนแพ้
เย่ฟานพยักหน้าเล็กน้อยขณะประเมินอยู่ในใจ’นักรบพเนตรเป็นวิญญาณระดับสามที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้กับศัตรูที่คล่องแคล่ว เสือดาวเหล่านี้มีความเร็วและพลังการต่อสู้ระดับสาม’ตั้งแต่การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเย่ฟานฝึกฝนอยู่ในโลกภาพวาดมาตลอดนอกจากวิญญาณวีรบุรุษระดับห้าเขายังมีวิญญาณนักรบพเนตรระดับสามท่าไม้ตายที่เกี่ยวข้องตลอดจนวิธีการบ่มเพาะที่เหมาะสมด้วยเหตุนี้เขาจึงมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังขมวดคิ้วเล็กน้อยในเวลานี้
“ข้าพึ่งเข้ามาในโลกภาพวาดสัตว์อสูรคํารามแต่กลับพบศัตรูที่แข็งแกร่งถึงระดับนี้ทันทีดู
เหมือนระดับของภาพวาดนี้จะค่อนข้างสูง’
“ข้าสงสัยว่าหงอี้กําลังทําสิ่งใดอยู่ที่นั่น ถึงเวลาแล้ว ข้าควรกลับไปรวมตัวกับเขา’
เย่ฟานมาที่นี่เพื่อตรวจสอบข้อมูลบางอย่างเท่านั้น เขารับผิดชอบโลกภาพวาดสัตว์อสูรค่าราม
ขณะที่หงอี้ไปสํารวจโลกภาพวาดปราณคลั่ง
เย่ฟานพบหงอี้ระหว่างทาง
ทั้งสองเป็นเหมือนอัจฉริยะที่ชื่นชมซึ่งกันและกัน พวกเขาสาบานเป็นพี่น้องในช่วงเวลาที่
ฝึกฝนอยู่ในโลกภาพวาด พวกเขายิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น
หลังจากเรียนรู้สถานกาณ์ของอีกฝ่าย พี่น้องร่วมสาบานคู่นี้ก็เดินไปพร้อมกับครุ่นคิด“เรื่องนี้มีมากกว่าที่เห็น”
“เหตุใดภาพวาดทั้งสองจึงปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน เป็นไปได้หรือไม่ที่โลกภาพวาดสามารถเติบโตต่อไป?”
“วิธีการของเทพอมตะบัวสวรรค์ช่างลึกลับนัก”
“เราไม่สามารถสํารวจภาพวาดทั้งสองได้ด้วยกําลังของเราสองคน เราต้องยืมความแข็งแกร่งของคนอื่นๆ”
“ถูกต้อง”
ภาพวาดใหม่ที่ปรากฏขึ้นส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อโลกภาพวาดทั้งหมดโลกภาพวาดมีพื้นที่จํากัดขณะที่ภาพวาดใหม่มีพื้นที่กว้างใหญ่และดึงดูดความสนใจของทุกคนนั่นทําให้ผู้คน
ต้องการสํารวจพวกมัน
เย่ฟานและหงอี้เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนี้พวกเขารวมตัวอยู่ในฝูงชนและกําลังจะกลับเข้าเมืองแต่ทั้งสองไม่รู้ว่าที่ประตูเมืองมีบางคนกําลังเฝ้ามองพวกเขาอยู่
เฉินซานนั่งอยู่บนชั้นสองของโรงน้ำชาใกล้กับประตูเมืองและเฝ้าสังเกตเย่ฟานกับหงอี้
เขาถ่ายทอดเสียงไปยังฟางตี้เฉิง “ดูสองคนนั้น พวกเขาก้าวหน้าขึ้นอีกครั้งร่างกายของพวกเขาปลดปล่อยปราณมนุษย์ที่หนาแน่นออกมาพวกเขาจะประสบความสําเร็จและกลายเป็นตัวตนที่โดดเด่นในอนาคตอย่างแน่นอนน้องฟางหากวันหนึ่งเจ้าสามารถกลับไปหาร่างหลักของเจ้าเจ้าควรสอบถามเกี่ยวกับคนทั้งสองเจ้าอาจสามารถใช้ประโยชน์จากพวกเขา”
ฟางตี้เฉิงนั่งอยู่ข้างถนนในลักษณะของขอทาน เขาตอบกลับอย่างลับๆ “โลกภาพวาดไม่มีช่องว่างระหว่างผู้อมตะและผู้ใช้วิญญาณ พวกเขาเหมือนปลาที่อยู่ในน้ำพลังการต่อสู้ของพวก เขาอาจกล่าวได้ว่าอยู่บนจุดสูงสุดของที่นี่ การสํารวจครั้งนี้ของพวกเขาค่อนข้างสั้น ข้าคิดว่าพวก เขาอาจสํารวจเพียงรอบนอกของภาพวาดทั้งสองเท่านั้น จากจุดนี้เราสามารถอนุมานได้ว่าโลก
ภาพวาดทั้งสองใหญ่โตมาก แม้แต่เย่ฟานและหงอี้ก็ยังไม่สามารถเข้าไปในส่วนลึกของมันได้ อย่างง่ายดาย”
เฉินซานหัวเราะเบาๆ “สมกับเป็นอดีตผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของตระกูลฟาง เจ้า
สามารถมองเห็นภาพรวมโดยใช้เบาะแสเพียงเล็กน้อย เย่ฟานและหงอี้ต้องหยิบยืมกําลังจาก ภายนอก เราอาจประหยัดพลังงานในครั้งนี้ ดู บุตรทั้งสิบแห่งมนุษยชาติอยู่ที่นี่แล้ว” ในความเป็นจริงแม้จะไม่มีการแจ้งเตือนจากเฉินซาน ฟางตี้เฉิงก็สามารถมองเห็นความ
โกลาหลจากอีกฟากหนึ่งของถนน
เซียวฉีซิง ไปเซี่ย ซุนหยวนฮัว ซุนเหยา อิงเฉิงจื่อ เส้นต้าเจียง และคนอื่นๆปรากฏตัวขึ้น พร้อมกัน นี่ทําให้เกิดความวุ่นวายขึ้นทันที
ผู้สัญจรไปมามองพวกเขาด้วยสายตาชื่นชม
ฟางตี้เฉิงหรี่ตามอง กลุ่มของเซียวฉีซิงเป็นกลุ่มคนที่เฉินซานเรียกว่าบุตรทั้งสิบแห่งมนุษย์
ชาติ เด็กทั้งสิบคนมีปราณมนุษย์ที่หนาแน่นแต่ยังด้อยกว่าเย่ฟานและหงอี้ อย่างไรก็ตามพวกเขา ยังเหนือกว่าคนธรรมดาและจะกลายเป็นตัวตนที่สง่างามในอนาคต
นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ
หลังจากทั้งหมดพวกเขาเป็นเมล็ดพันธุ์อมตะที่ได้รับการคัดเลือกมาจากสิบนิกายโบราณเพื่อ
บ่มเพาะและกลายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางมนุษย์
หลังจากภัยพิบัติทหารถั่วศักดิ์สิทธิ์ พวกเขากลายเป็นคนมีชื่อเสียงในโลกภาพวาดและได้รับ การยอมรับจากตัวตนระดับสูงของเมือง
โลกภาพวาดกําลังเกิดความโกลาหลจากภาพวาดใหม่ทั้งสองที่ปรากฎขึ้น ดังนั้นเด็กหนุ่มสาว
ทั้งสิบจึงได้รับคําสั่งให้เป็นกําลังหลักในการสํารวจพวกมัน
‘นอกจากเจตจํานงของเทพอมตะบัวสวรรค์ สิบคนนี้ยังบังคับให้ข้าระเบิดตัวเอง อย่าให้ข้ามี โอกาส มิฉะนั้นข้าจะไม่รังเกียจที่จะลดจํานวนของพวกเจ้า!’ ฟางตี้เฉิงคิด
แม้ฟางตี้เฉิงจะเหลือเพียงเจตจํานงแต่พลังการต่อสู้ของเขาก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดต้องขอบคุณความลึกลับของเส้นทางมนุษย์
ฟางตี้เฉิงลอบบ่มเพาะอย่างลับๆ เขาได้รับความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับเส้นทางมนุษย์
ลักษณะเด่นที่สุดของเส้นทางมนุษย์คือการเปลี่ยนวิญญาณเป็นมนุษย์
ตัวอย่างเช่นวิญญาณนักปราชญ์ของหงอี้หรือวิญญาณวีรบุรุษของเย่ฟาน
หลังจากเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ วิญญาณเหล่านั้นจะมีสติปัญญา บุคลิก ความคิด และวิธีการทํา สิ่งต่างๆแตกต่างกันไปตามประเภทของพวกมัน
สิ่งสําคัญที่สุดคือเมื่อวิญญาณเหล่านี้กลายเป็นมนุษย์ พวกมันสามารถใช้วิญญาณดวงอื่น!
นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัว
ฟางตี้เฉิงคิดไปถึงวิญญาณทารกอมตะของร่างหลัก
ความสามารถของวิญญาณทารกอมตะคล้ายคลึงกับวิญญาณบนเส้นทางมนุษย์เหล่านี้เป็น
อย่างมาก
หลังจากเฝ้ามองกลุ่มเด็กหนุ่มสาวเดินทางออกจากประตูเมือง ฟางตี้เฉิงก็กลับไปที่ตรอกร้าง
และโบกมือ “ทุกคน”
ทันใดนั้นขอทานหลายคนก็รีบวิ่งเข้ามาและทําความเคารพ “ท่านผู้นํา โปรดออกคําสั่ง”
“ส่งพี่น้องของเราตามคนกลุ่มนั้นไปและรวบรวมข้อมูล” ฟางตี้เฉิงสั่ง
แม้ร่างในปัจจุบันของเขาจะถูกสร้างขึ้นโดยวิญญาณขอทานแต่เขาก็เป็นขอทานระดับห้า
ด้วยความช่วยเหลือจากเฉินซาน เขาสามารถซื้อวิญญาณขอทานจํานวนมากและใช้พวกมัน
สร้างพรรคกระยาจกขึ้นมา
ปัจจุบันขอทานส่วนใหญ่ในเมืองแห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้ว!
ท่าไม้ตายอมตะน้ำตกดาบแห่งปัญญา!
“ครีน…”
เสียงน้ำตกดังขึ้น น้ำตกสีเงินตกลงมาจากท้องฟ้าสู่เนินเขา
น้ำทุกหยดคือความคิดที่มีลักษณะเหมือนดาบ
ภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจ เนินเขาก็ถูกทําลายล้าง
ฟางหยวนหยุดท่าไม้ตาย เนินเขาหายไปอย่างสมบูรณ์และมีแอ่งน้ำตื้นปรากฏขึ้นแทนที่น้ำที่
เจิ่งนองอยู่คือความคิดดาบ
“พลังอํานาจของท่าไม้ตายเพิ่มขึ้นหลายเท่า การทํางานของมันก็ราบรื่นขึ้นเช่นกัน”ฟางหยวน
กําลังสังเกตผลกระทบที่เกิดจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์
หลังจากก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติ ฟางหยวนยังไม่รีบร้อนไปพบลั่วเว่ยหยินแต่เลือกที่จะพักผ่อน
และจัดระเบียบของตนเอง
เหตุผลที่เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะน้ำตกดาบแห่งปัญญาเพราะนี่ไม่ใช่ท่าไม้ตายทั่วไป
ท่าไม้ตายส่วนใหญ่มักเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางสายเดียวแต่ท่าไม้ตายพิเศษมักเป็นการผสม
ผสานระหว่างเส้นทางสองสายขึ้นไปตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะน้ำตกดาบแห่งปัญญาที่เป็นการ
รวมตัวของเส้นทางแห่งปัญญาและเส้นทางแห่งดาบ
ท่าไม้ตายผสมทรงพลังกว่าท่าไม้ตายบนเส้นทางสายเดียวเนื่องจากศัตรูต้องพิจารณาเส้นทางทั้งสองเพื่อหาวิธีรับมือ
ท่าไม้ตายผสมมักถูกใช้โดยผู้อมตะที่บ่มเพาะหลายเส้นทาง ตัวอย่างเช่นฉินไป่เฉิงที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและเส้นทางแห่งโลหะหรือจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าที่บ่มเพาะบนเส้น
ทางแห่งจิตวิญญาณและเส้นทางแห่งสายฟ้า
เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋าทําให้ผู้อมตะประสบปัญหาในการบ่มเพาะหลายเส้นทาง ดังนั้นท่าไม้ตายผสมจึงหาได้ยาก
ฟางหยวนมีร่างทารกอมตะ เขาสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง ดังนั้นเขาจึงมีท่าไม้ตายผสมจํานวนมาก
อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายเหล่านั้นแทบไม่สามารถปลดปล่อยพลังอํานาจบนจุดสูงสุดของพวกมันออกมา
แม้ร่างทารกอมตะจะไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าแต่ท่าไม้ตายผสมที่เคลื่อนที่ด้วยตัวเองจะเกิดแรงต้านทานภายในทําให้มันสูญเสียพลังงาน “แต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์ทําให้สถานการณ์นี้ดีขึ้นมาก” ฟางหยวน
ตระหนักถึงเรื่องนี้
ตอนนี้เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะน้ำตกดาบแห่งปัญญาโดยที่แรงต่อต้านภายในลดลงอย่างมาก นี่เป็นเหตุผลที่ทําให้พลังอํานาจของมันเพิ่มขึ้นหลายเท่า
“จากการอนุมานของข้า หากข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบภูตมังกรตอนนี้ ข้าจะสูญเสียร่องรอย ของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณน้อยลงมาก นี่เป็นเพราะความขัดแย้งภายใน
ของมันลดลง ข้าไม่จําเป็นต้องใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเพื่อสร้างสมดุลของพวกมัน”
“ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์สามพันร่องรอยยังไม่สามารถขจัดปัญหาความขัดแย้งภายในได้อย่างสมบูรณ์ แต่หากจํานวนของมันเพิ่มขึ้น มันจะแตกต่างออกไป”
“ในอนาคตข้าจะสามารถใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสวรรค์เพื่อสร้างท่าไม้ตายผสมของทุกเส้นทางได้หรือไม่?”
เมื่อถึงจุดนี้ฟางหยวนไม่สนใจท่าไม้ตายบนเส้นทางสายเดียวอีกต่อไป
ตอนนี้เขามองเห็นโลกใบใหม่ที่กว้างใหญ่กว่ารออยู่ตรงหน้าแล้ว