ตอนที่ 916 การต่อสู้อันดุเดือดเริ่มขึ้นอีกครั้ง

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

สองมือของหลิ่วหมิงทำท่าเคล็ดวิชารัวเร็ว อสนีบาตสีทองรอบร่างทยอยพังทลาย หลังจากนั้นแสงรัศมีของตราประทับสายฟ้าห้าสีตรงหน้าอกก็กะพริบวูบหนึ่งก่อนจะหม่นแสง แก่นเสมือนที่ก่อตัวขึ้นใหม่ในทะเลจิตวิญญาณสั่นไหวแผ่วเบาไม่กี่หนก็ฟื้นกลับมานิ่งสงบโดยสมบูรณ์

สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าที่ใหญ่กว่าเดิมสี่ห้าเท่าก้อนนี้ ในที่สุดก็ถูกหลิ่วหมิงฝืนผนึกไว้ได้ใหม่อีกครั้ง

ทว่าเขาในเวลานี้ก็ค่อนข้างสะบักสะบอม ร่างกายเกินครึ่งไหม้เกรียม เสื้อผ้าบนร่างขาดรุ่งริ่ง

เขาทั้งตกตะลึงทั้งยินดี เมื่อเห็นว่ารอบด้านยังคงมีเสียงอสนีบาตฟาดอย่างบ้าคลั่งและยังมีอสรพิษสายฟ้าสีทองตัวแล้วตัวเล่าโถมเข้ามาหา เขาก็ตะโกนลั่นออกมาอีกครั้งอย่างไม่ลังเลสักนิด ทันใดนั้นสองแขนพลันขยายขึ้นหลายเท่าพร้อมกับที่ปราณดำเวียนวน เขาต่อยกระหน่ำเข้าใส่ลูกแก้วสีทองขมุกขมัวซึ่งลอยอยู่กลางอากาศลูกนั้นอีกครั้งดั่งสายฟ้าแลบ

เสียงเปรี้ยงดังขึ้นครั้งหนึ่ง ห้องลับทั้งห้องสั่นไหวแผ่วเบา ทว่าลูกแก้วกลมสีทองกลับส่ายไหวเพียงครู่เดียวแต่ไม่แตก

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึง อสรพิษสายฟ้ามากมายรอบด้านโถมลงบนร่างเขาอีกครั้ง แต่ถูกแสงเปลวเพลิงจากชุดเกราะบนร่างเขาบีบให้กระเจิงไปบางส่วน

หลิ่วหมิงฉวยโอกาสนี้กัดฟันแล้วพลิกมือข้างหนึ่งเรียกมุกพลังวารีลูกหนึ่งออกมากรอกพลังเวทเข้าไปด้านในอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นจึงต่อยออกมาอย่างรุนแรงอีกหนึ่งหมัด

เสียง “ฟุบ” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง

มุกพลังวารีหลุดออกจากมือแล้วกลายเป็นเงาภูเขาขนาดเล็กลูกหนึ่ง ถูกเขวี้ยงเข้าใส่จุดที่ลูกบอลกลมสีทองลอยอยู่กลางอากาศตรงกลาง พร้อมกันนั้นปราณสีดำพลุ่งพล่านก็บินออกจากกำปั้นกลายเป็นมังกรหมอกสีดำที่เกือบจะเหมือนมีร่างจริงตัวหนึ่ง แยกเขี้ยวสะบัดกรงเล็บโถมออกมา

เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นครั้งหนึ่ง!

ลูกบอลกลมสีทองอ่อนลูกนั้นถูกเงาภูเขากับมังกรหมอกโจมตีต่อเนื่องกันจนในที่สุดบนผิวก็เกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วน ชั่วครู่ต่อมาก็ระเบิดตัวเอง

ชั้นจำกัดอสนีบาตหกเหลี่ยมทั้งหมด รวมถึงกำแพงอสนีบาตหกด้านฉับพลันสลายกลายเป็นความว่างเปล่า

แสงอสนีบาตสีทองที่เหลือฟาดบ้าคลั่งกลางอากาศอยู่พักหนึ่งก็พากันหายไปไร้ร่องรอย

เวลานี้หลิ่วหมิงถึงโล่งอกอย่างแท้จริงแล้วหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

มนุษย์ปีศาจทั้งหลายเห็นหลิ่วหมิงทำลายชั้นจำกัดได้แล้วก็ล้วนเผยสีหน้ายินดีออกมา หญิงสาวผู้สวมชุดนางในก็เผยสีหน้าคิดไม่ถึงกับสีหน้าพึงพอใจออกมาเช่นกัน นางเอ่ยขึ้นว่า

“ดีมาก เดิมทีข้าคิดจะให้เจ้าลองดูสักหน่อยเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าเจ้ากลับทำลายชั้นจำกัดอสนีบาตที่แฝงสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้านี่ได้จริงๆ โอสถหยกโลหิตเม็ดนี้มอบให้เจ้า ประเดี๋ยวหลังจากเข้าไปแล้วจะไม่ขาดผลประโยชน์ของเจ้าแน่นอน”

หญิงสาวเอ่ยคำนี้จบก็ดีดนิ้ว โอสถสีเขียวหยกเม็ดหนึ่งพุ่งออกมา

หลิ่วหมิงเอ่ยขอบคุณคำหนึ่งแล้วรับโอสถไว้ เขามองสำรวจอย่างละเอียด เมื่อมั่นใจว่าเป็นโอสถรักษาอาการบาดเจ็บจึงกลืนลงไปอย่างไม่เกรงใจ

เวลานี้หญิงสาวจึงกวักมือมาทางเขาด้วยท่าทางสบายๆ อีกครั้ง

หลิ่วหมิงรู้สึกว่าร่างกายสั่นสะท้าน จากนั้นชุดเกราะสีทองก็กลายเป็นแสงสีทองดวงหนึ่งลอยออกจากร่างไปเอง พร้อมกับนั้นในปากก็ร้อนผ่าว ลูกแก้วกั้นอสนีบาตหลุดออกจากปากพุ่งไปหาหญิงสาวด้วย

หญิงสาวผู้สวมชุดนางในเก็บสมบัติทั้งสองชิ้นแล้วมุ่งหน้าต่อไปอย่างไม่สนใจใคร

มนุษย์ปีศาจคนอื่นเห็นเช่นนี้ก็ไม่พูดพร่ำตามไปติดๆ

ในเวลาเดียวกันนี้หลิ่วหมิงเพิ่งรู้สึกได้ถึงฤทธิ์ที่แท้จริงของโอสถหยกโลหิต เขารู้สึกว่าเลือดลมในร่างกำลังพลุ่งพล่านอยู่จึงนั่งขัดสมาธิลงไปทันที

ผลปรากฏว่าผ่านไปเพียงครู่เดียวแขนขาที่เดิมไหม้เกรียมประหนึ่งถ่านของเขาก็มีเลือดเนื้องอกออกมาใหม่อย่างรวดเร็ว กายเนื้อทั้งร่างดั่งได้เกิดใหม่ ลมปราณฟื้นคืนกลับมารวดเร็วยิ่งนัก พลังเวทในร่างเพียงชั่วครู่ก็เต็มเปี่ยม

สักพักหลังจากนั้นหลิ่วหมิงก็ขยับแขน เขาพบว่าความรู้สึกชาหนึบก่อนหน้านี้หายไปแล้ว เคลื่อนไหวได้ไร้อุปสรรค บาดแผลบนร่างก็หายดีขึ้นเจ็ดแปดส่วนแล้วเช่นกัน

ทว่าหลังจากเขากวาดจิตสัมผัสไปในร่างพบว่าชั้นจำกัดที่หญิงสาวเผ่าปีศาจผู้นั้นฝังไว้ยังคงอยู่ เขาก็อดไม่ได้หัวเราะจืดเจื่อนอีกครั้งแล้วลุกขึ้นเดินไปด้านหน้าเช่นเดียวกัน

ด้านหลังชั้นจำกัดอสนีบาตคือทางเดินทอดยาวแห่งหนึ่ง ทางเดินกว้างราวสามถึงสี่จั้ง บนกำแพงหินสีเทาขมุกขมัวสองฝั่งสลักภาพปีศาจอสูรรูปร่างต่างๆ นานาไว้แน่นขนัด

ภาพส่วนใหญ่ในนั้นล้วนเป็นปีศาจอสูรหายากที่สาบสูญไปจากโลกมนุษย์แล้ว เมื่อครั้งที่หลิ่วหมิงทำภารกิจล่าปีศาจอสูรบนป้ายประกาศภารกิจของหอลี้ลับในนิกายก่อนหน้านี้ เขาเคยอ่านตำราที่เกี่ยวข้องอยู่บ้าง ดังนั้นเวลานี้เขาจึงพอรู้จักอยู่ห้าถึงหกตัวจากสิบกว่าตัว แม้เป็นเช่นนี้เขาก็ยังอดไม่ได้จิ๊ปากชื่นชมความมหัศจรรย์

ระหว่างที่หลิ่วหมิงมองสำรวจผนังหินสองฝั่งอย่างละเอียดอยู่นั่นเอง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าสุดปลายทางเดินยาวมีคลื่นพลังวิญญาณรุนแรงลอยมาและมีเสียงต่อสู้ดังปึงปังลอยมาด้วย

สีหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันใด แทบจะในเวลาเดียวกันนี้ชั้นจำกัดที่หญิงสาวผู้สวมชุดนางในฝังไว้ในร่างเขาก็เริ่มขยับดิ้นรน มีทีท่าจะไม่มั่นคงอยู่เล็กน้อย

หลิ่วหมิงตกใจไม่น้อย ชั้นจำกัดนี่แฝงวิญญาณปีศาจเสี้ยวหนึ่งของอีกฝ่ายไว้ เชื่อมต่อกับดวงจิตของหญิงสาวอยู่ หรือหญิงสาวนางนี้จะพบสิ่งที่ไม่คาดคิดอันใดขึ้น

หลิ่วหมิงครุ่นคิดดั่งสายฟ้าแลบ สิบนิ้วบนสองมือทำท่าเคล็ดวิชาอย่างต่อเนื่อง พลังเวทบริสุทธิ์สายแล้วสายเล่าทะลักออกมาจากผลึกพลังเวททรงกลมหนึ่งร้อยห้าสิบสามเม็ดในทะเลจิตวิญญาณ กลายเป็นปราณสีม่วงสายแล้วสายเล่ารัดบนยันต์ชั้นจำกัดแผ่นนั้น ฝืนกดปราณปีศาจที่ปั่นป่วนด้านในแผ่นยันต์ลงไป

จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจลึกยาวอีกเฮือกหนึ่ง หมอกสีดำพวยพุ่งออกมาทั่วร่างกลายเป็นเงาเลือนรางสายหนึ่งเหาะเร็วรี่ไปยังสุดปลายทางเดินยาว

ทางเดินยาวทั้งเส้นยาวราวสองถึงสามร้อยจั้ง ด้วยความเร็วของหลิ่วหมิงในตอนนี้ เวลาเพียงสองสามลมหายใจก็มาถึงสุดปลายทางเดินยาวแล้ว

ผลปรากฏว่าภาพเบื้องหน้ากลับทำให้เขาตกตะลึง!

เวลานี้มนุษย์ปีศาจห้าคนที่มีบุรุษชุดเทาเป็นหัวหน้ากำลังล้อมวงโจมตีหญิงสาวผู้สวมชุดนางในอยู่อย่างสุดชีวิต

พวกเขาแปลงกายจนร่างกายขยายใหญ่ไปถึงสองจั้งกว่า แต่ละคนล้วนมีเพลิงมารสีเขียวเทาหุ้มไว้ เสื้อผ้าบนร่างหายไปหมดสิ้นเผยให้เห็นผิวบนร่างซึ่งมีลวดลายจิตวิญญาณสีดำเขียวสองสีแผ่อยู่ทั่ว ใบหน้าที่เดิมทีเกลี้ยงเกลาหมดจดก็กลายเป็นสีเทาดำและบิดเบี้ยวอย่างที่สุด สองแขนเวลานี้หนากว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า เส้นเอ็นปูดนูนบนผิวเหมือนไส้เดือนกำลังคืบคลาน เล็บบนนิ้วทั้งสิบที่ยาวถึงครึ่งฉื่อกว่าและแหลมคมอย่างยิ่งกำลังสะบัดใส่อากาศกลายเป็นเงากรงเล็บเต็มท้องฟ้าล้อมโจมตีหญิงสาวผู้สวมชุดนางใน

“อย่าลืมว่าในร่างพวกเจ้ามีชั้นจำกัดวิญญาณปีศาจที่ข้าฝังไว้ ต่อให้พวกเจ้าใช้วิชาสะกดมันไว้ได้ชั่วคราวแต่จะฝืนไว้ได้อีกนานเท่าไร” มือของหญิงสาวผู้สวมชุดนางในถืออาภรณ์สีแดงผืนนั้นสะบัดเกิดเป็นแสงเรืองรองแถบแล้วแถบเล่าออกมาขวางเงากรงเล็บทั้งหมดไว้แล้วเอ่ยขึ้นอย่างนิ่งสงบ

“สหายหลิ่วยังไม่รีบมาช่วยข้าอีก! เมื่อครู่นางปีศาจตนนี้ลงมือลอบโจมตีพวกเราหมายจะยึดครองสมบัติในที่แห่งนี้ไว้คนเดียว! ขอเพียงพวกเราสังหารนางเสีย ชั้นจำกัดที่นางฝังไว้ก็จะสลายไปเอง” มนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าคนนั้นสัมผัสได้ว่าหลิ่วหมิงมาถึงแล้วจึงคำรามเบาๆ เอ่ยบอกทันที

ลำแสงของหลิ่วหมิงกะพริบวูบหนึ่ง เขาก็ปรากฏกายใกล้กับวงต่อสู้ เมื่อได้ยินคำนี้ดวงตาของเขาก็ทอประกายเล็กน้อย

“อย่างพวกเจ้าคิดจะทำลายชั้นจำกัดของข้า น่าขำจริง เจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้มีพลังแข็งแกร่งระดับดาราพยากรณ์รึ” หญิงสาวผู้สวมชุดนางในเพียงกวาดสายตามองหลิ่วหมิงแล้วหัวเราะหยันเอ่ยตอบ จากนั้นริมฝีปากแดงก็ขยับแผ่วเบา เสียงท่องมนต์ประหลาดดังออกมาอย่างอ้อยอิ่ง

หลิ่วหมิงยังไม่ทันเอ่ยปากพูดอะไรก็รู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่ยากจะกดข่มไว้จู่โจมเข้ามาที่หน้าอก สองขาคุกเข่าล้มลงไปบนพื้น สีหน้าทุกข์ทรมานสุดจะทนในทันใด

มนุษย์ปีศาจห้าคนนั้นที่ล้อมหญิงสาวผู้สวมชุดนางในอยู่ก็เห็นชัดว่าได้รับผลกระทบจากพลังของชั้นจำกัดเช่นเดียวกัน ร่างกายพวกเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง แต่หลังจากคำรามทุ้มต่ำอย่างโกรธเกรี้ยวออกมา พวกเขากลับไม่ถอยแต่รุกคืบเข้าไป ร่างกายลอยขึ้นจากพื้นโถมเข้าใส่หญิงสาวผู้สวมชุดนางใน

ทั้งห้าคนลอยอยู่กลางอากาศพลางยื่นสองแขนไปด้านหน้า ฝ่ามือสองข้างเลือนหายไปแล้วโจมตี ชั่วพริบตาเกิดเป็นเงาฝ่ามือยักษ์เลือนรางไม่ชัดผืนหนึ่ง ทรงพลังและน่าตะลึงจนทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว

หญิงสาวผู้สวมชุดนางในเห็นเช่นนี้ ในดวงตาเหมือนจะฉายแววคาดไม่ถึงอยู่จางๆ ข้อมือขาวผ่องข้างหนึ่งสะบัด อาภรณ์สีแดงพลันคลายตัวออกกลายเป็นพายุหมุนสีแดงสดแผ่ขยายไปรอบด้าน พุ่งเข้าใส่เงาฝ่ามือสีดำที่โถมเข้ามาจากสี่ด้านแปดทิศ

“ฟู่” “ฟู่” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นต่อเนื่อง

เมื่อเงาฝ่ามือมากมายสัมผัสถูกพายุหมุนสีแดงสดต่างทยอยแหลกสลายจมหายไปด้านใน แต่พายุหมุนสีแดงสดก็หม่นแสงลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ในเวลาเดียวกันนี้ผิวบนร่างของหญิงสาวผู้สวมชุดนางในพลันเปล่งแสงสีขาวแวววาววูบหนึ่ง ร่างกายพุ่งผ่านลมหมุนที่ยื้อไว้ไม่ไหวอยู่บ้างขึ้นไปบนท้องฟ้า

ครู่ต่อมาเสียงแควกประหนึ่งผืนผ้าขาดก็ดังขึ้นหลายครั้ง พายุหมุนสีแดงแตกสลายอย่างสมบูรณ์กลายเป็นอาภรณ์สีแดงที่พลังจิตวิญญาณเสียหายลอยร่วงลงไปเบื้องล่าง

มนุษย์ปีศาจที่มีเพลิงมารสีเทาเขียวหุ้มอยู่ห้าคนกระโจนขึ้นท้องฟ้าในทันใด พวกเขาเงยศีรษะมองอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นตะปบมือข้างหนึ่งไปเบื้องหน้าฉีกรอยแยกเส้นหนึ่งแล้วมุดเข้าไปด้านใน

หลิ่วหมิงในเวลานี้เหงื่อท่วมศีรษะ มือข้างหนึ่งค้ำพื้น ฝืนอดกลั้นความเจ็บปวดจนยืนขึ้นมาได้อย่างหวุดหวิด

ตอนนี้เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่ายันต์จิตวิญญาณปีศาจแผ่นนั้นในทะเลจิตวิญญาณไม่มั่นคงขึ้นทุกที ปราณปีศาจที่แผ่ออกมาสูญเสียการควบคุมไปแล้ว หากตนไม่กระตุ้นพลังจิตวิญญาณใช้ผลึกพลังเวทป้องกันไว้อย่างแน่นหนา เกรงว่าคงถูกโจมตีจนแก่นเสมือนแตกเป็นชิ้นๆ ระดับพลังลดไปแล้ว

ขณะที่เขาเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้านั่นเอง เขาก็เห็นเปลวเพลิงสีเขียวดวงแล้วดวงเล่าพุ่งออกมาจากความว่างเปล่าใกล้ๆ หญิงสาว เงาร่างสีเขียวมหึมาห้าร่างพุ่งออกมาล้อมนางไว้ตรงกลางอย่างแน่นหนาอีกครั้ง

“ก๊ากๆ เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว!”

มนุษย์ปีศาจทั้งห้าส่งเสียงหัวเราะประหลาดฟังดูโหดเหี้ยมออกมาคนละทีสองที เพลิงมารสีเทาเขียวที่เสกออกมาจากร่างพองขยายในทันใด

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในใจพลันตกตะลึง ลอบเอ่ยคำหนึ่งว่า “แย่แล้ว” จากนั้นฝืนอดทนต่อความไม่สบายในร่าง กระทืบเท้าพุ่งรวดเร็วออกไปด้านหลัง

หญิงสาวผู้สวมชุดนางในที่ร่างกายอยู่กลางอากาศขมวดคิ้วงามเล็กน้อย จากนั้นอ้าปากคายลูกแก้วกลมสีขาวใสแวววาวลูกหนึ่งออกมา สิบนิ้วขยับทำท่าเคล็ดวิชาไม่หยุดอย่างเร็วไวประหนึ่งกงล้อ

ลูกแก้วกลมสีขาวทอแสงสีเงินสว่างจ้าพักหนึ่ง แสงเรืองรองสีเงินซึ่งแทบจะโปร่งใสหลายสายก็พุ่งออกมาจากด้านใน พวกมันวนขดเป็นวงอย่างรวดเร็วประหนึ่งม้วนไหม พริบตาเดียวเกิดเป็นรังไหมสีเงินรังหนึ่งปกป้องหญิงสาวไว้ด้านใน

เมื่อหญิงสาวผู้สวมชุดนางในทำทั้งหมดนี้เสร็จสิ้น เสียงบึ๊มดังสนั่นก็ลอยมาจากบนท้องฟ้า

เพลิงมารสีเทาเขียวที่มนุษย์ปีศาจห้าคนเสกออกมาระเบิดตามต่อกัน ท้องฟ้าฉับพลันถูกไอหมอกสีเทาเขียวหนาทึบกินพื้นที่ถึงสิบกว่าจั้งเข้าปกคลุม แรงสั่นสะเทือนรุนแรงทำให้ทางเดินยาวทั้งหมดด้านหลังหลิ่วหมิงสั่นไหวโคลงเคลงไปพักหนึ่ง เสียงสะเทือนดังกึกก้องครั้งแล้วครั้งเล่า

เงาคนสีขาวร่างหนึ่งบินถอยออกมาจากกลางหมอกหนาทึบแล้วตกกระแทกหนักหน่วงดังปึกข้างตัวหลิ่วหมิงพอดี

นางก็คือหญิงสาวผู้สวมชุดนางในนั่นเอง ทว่าเวลานี้ดวงเนตรงามของนางปิดสนิท ทั้งร่างตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าโชกเลือด หัวไหล่ซ้ายยังถูกทะลวงเป็นรูใหญ่ยักษ์ เพลิงมารสีเทาเขียวสายแล้วสายเล่ายังคงลุกโชนอยู่บนบาดแผล