ตอนที่ 816 ปฏิเสธ

หมอดูยอดอัจฉริยะ

“ฉันขอลองดูได้มั้ย?”

“เธอมองดูเหรียญนั้นด้วยความอยากลอง ความรู้ที่เยี่ยเทียนสอนให้เหมือนเป็นประตูบานใหม่ มันทำให้เธอได้พบกับสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน”

“ได้สิ ลองทำหกเหยาทำนายที่ฉันสอนเมื่อครู่!”

เยี่ยเทียนพยักหน้า และยื่นเหรียญให้เธอ กล่าวต่อว่า“เธอเพิ่งหัดเรียน สามารถทำเครื่องหมายขีดเส้นแนวนอนในสมุด เมื่อโยนเหรียญทั้งหกครั้งเสร็จแล้ว รูปนั้นจะปรากฏรูปแบบกว้าที่เธอต้องการทำนาย”

ด้วยระดับของเยี่ยเทียน เขาสามารถจำตำแหน่งเหรียญทั้งหกครั้งได้แม่นยำ พร้อมทั้งวิเคราะห์รูปแบบกว้าได้ทันที แต่เจียงซานยังทำไม่ได้ แม้เธอจะมีพรสวรรค์แค่ไหน เธอต้องทำเครื่องหมายขีดเส้นแนวนอนในสมุดก่อน

“หืม? ถนนตันสะพานขาด เป็นกว้าข่านเกิ้น วันนี้จะเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? ทำไมถึงเป็นกว้ามหันต์ภัย?”

ตอนที่เจียงซานโยนเหรียญ เยี่ยเทียนแอบทำนายอยู่ในใจ เมื่อทำการโยนแล้วหกครั้ง สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันทีที่รูปแบบกว้าปรากฏขึ้นในสมอง เริ่มเกิดความสงสัยและความไม่แน่ใจ

ก่อนหน้าที่ทดสอบความรู้การทำนายกว้าของเจียงซาน รูปแบบกว้าที่เขาถามแต่ละอัน ล้วนเป็นกว้าไม่เป็นมงคล แล้วเหรียญที่เจียงซานโยนยังเป็นเช่นนั้นอีก โบราณกล่าวไว้ว่าหากมีสิ่งผิดปกติจักต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น ผนวกกับความรู้สึกว้าวุ่นใจเมื่อตอนขึ้นเครื่อง เยี่ยเทียนเริ่มไม่สบายใจ

ขณะเดียวกันกับที่เยี่ยเทียนรู้ความหมายของกว้า เจียงซานเงยหน้าขึ้นมองกล่าวว่า

“คุณ…อาเยี่ย กว้านี้ไม่ค่อยดีเลยใช่มั้ยคะ?”

เยี่ยเทียนถามเธอว่า

“เจียงซาน เธอทำนายได้ว่าอย่างไร?”

การทำนายสามารถทำนายได้หลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องการแต่งงาน หรือการเงิน ความหมายของกว้าแต่ละรูปแบบก็จะแตกต่างกันไปตามความต้องการ

“ฉันทำนายว่าเมื่อไหร่จะถึงฮ่องกงค่ะ”

สีหน้าตึงเครียดของเยี่ยเทียนทำให้เจียงซานตกใจ เธอพูดด้วยเสียงโทนต่ำว่า

“ได้ยินว่าต้องนั่งเครื่องบิน 20 กว่าชั่วโมง ฉัน…ไม่เคยนั่งนานขนาดนี้มาก่อน ก็เลยอยากรู้ว่าจะถึงเร็วขึ้นไหม?”

“ท่านเยี่ย จะเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” เหลยหู่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าตกใจตาม ในความทรงจำของเขาเยี่ยเทียนเป็นคนนิ่งมาโดยตลอด แม้ตอนประลองกับพ่อของเขา ก็ไม่เคยเห็นเครียดขนาดนี้

“ไม่มีอะไร ไปพักต่อเถอะ” เยี่ยเทียนส่ายหัว กวักมือเรียกแอร์โฮสเตสตรงข้ามทางเดิน

“คุณเยี่ยคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” แอร์โฮสเตสเดินมาหา โน้มตัวลงราวกับว่า เพื่อความสะดวกในการสนทนา ความเว้าลึกนั่นปรากฏขึ้นต่อหน้าเยี่ยเทียนอีกครั้ง

เยี่ยเทียนชี้ไปที่โทรศัพท์ข้างที่นั่งถามว่า “ใช้โทรศัพท์บนเครื่องบินนี้ได้ใช่ไหม?”

ในฐานะเครื่องบินส่วนตัว การใช้โทรศัพท์ได้เป็นฟังก์ชั่นหนึ่งที่ต้องมี แอร์โฮสเตสยิ้มและตอบว่า

“ได้ค่ะ สามารถโทรได้ 127 ประเทศ ไม่ทราบว่าคุณต้องการโทรไปที่ไหนคะ?”

“ฮ่องกงครับ คุณช่วยกดเบอร์นี้ให้ผมหน่อยครับ!”

เยี่ยเทียนยื่นกระดาษเบอร์โทรให้กับเธอ ซึ่งเป็นเบอร์โทรบ้านที่ฮ่องกงของถังเหวินหย่วน ด้วยความหนาแน่นของปราณวิเศษ สัญญานสถานที่ตรงนั้นได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก มีเพียงโทรศัพท์บ้านเท่านั้นที่ใช้ติดต่อกับโลกภายนอกได้

“คุณเยี่ย ต่อสายติดแล้วค่ะ!”

หลังจากกดโทรออก แอร์โฮสเตสยื่นโทรศัพท์ให้เยี่ยเทียน เยี่ยเทียนไม่มองหน้าเธอเลย เธอจึงกลับไปที่นั่งด้วยความไม่พอใจ

“เหล่าถัง ผมคือเยี่ยเทียน”

เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นในสาย เยี่ยเทียนเปิดประเด็นทันที

“เล่าเรื่องที่โจฮันเนสเบิร์กให้ผมฟังหน่อย แล้วสมาชิกสมาคมหงเหมินที่ผมบอกให้คอยตามดูซ่งเสี่ยวหลงไปถึงไหนแล้ว?”

ตั้งแต่ขึ้นเครื่อง เยี่ยเทียนรู้สึกไม่สบายใจตลอดเวลา แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ลิขิตเหมือนโดนบางอย่างปิดกั้นไว้ ทำนายกี่ครั้งก็ไม่มีผล จนไม่อาจรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจึงลองหาช่องโหว่จากเรื่องแอฟริกาใต้

ส่วนซ่งเสี่ยวหลง เยี่ยเทียนแค่เกลียดเข้าไส้ แม้ว่าซ่งเฮ่าเทียนบอกว่าจะจัดการให้ แต่เยี่ยเทียนให้ถังเหวินหย่วนช่วยสืบหาข้อมูลอีกทาง ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากไปจัดการไอ้ตัวก่อปัญหาด้วยตัวเขาเอง

“เยี่ยเทียน คุณอยู่บนเครื่องบินใช่ไหม?”

เสียงของถังเหวินหย่วนแก่ไม่เปลี่ยน แต่ปริมาณลมปราณมากขึ้นกว่าเดิม

“ผลการตรวจสอบเรื่องที่โจฮันเนสเบิร์ก คาดว่าเป็นการก่อการร้ายของกองทัพสาธารณรัฐคองโก…”

ด้วยสื่อที่มีการพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าเรื่องไหนจะเกิดขึ้นที่ใดในโลก ยากที่จะหนีพ้นนักข่าว แล้วเหตุการณ์เหมืองทองคำในโจฮันเนสเบิร์กเกิดขึ้นแล้วกว่าสิบชั่วโมง ตอนนี้ก็กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งของช่องข่าวแต่ละประเทศไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งล้วนแต่เป็นข่าวที่เกี่ยวกับแอฟริกาใต้

ในเหตุการณ์นองเลือดนี้ มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเสียชีวิตทั้งหมด 238 คน 67 คนถูกลูกหลงจากกระสุนปืนบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาลเรียบร้อย มีสิบกว่าคนที่ประสบเหตุการณ์ในครั้งนี้จนเสียสติ และกำลังเข้ารักษาเฝ้าดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาล หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวชาวจีนโพ้นทะเลที่ถูกธงห่อไว้ทั้งตัว

จากการแถลงข่าวของรัฐบาลแอฟริกาใต้ กองกำลังจากสาธารณรัฐคองโกที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้จำนวน 410 คนมี 232 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุโดยกองกำลังที่กล้าหาญของแอฟริกาใต้ บ้างก็ถูกยิงตายคาที่ บ้างก็ถูกจับเป็น

รัฐบาลแอฟริกาใต้กล่าวโทษกองกำลังสาธารณรัฐคองโก ทางรัฐประกาศต่อว่าได้กำจัดกลุ่มก่อการร้ายที่เข้ามายังแอฟริกาใต้จนหมดสิ้น ไม่มีใครรอดไปได้ แสดงถึงความสามารถและความเฉียบขาดของหน่วยรักษาความปลอดภัยของประเทศแอฟริกาใต้

ขณะเดียวกันเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ ทางการสั่งปิดล้อมสนามบินนานาชาติโจฮันเนสเบิร์ก ใช้เหตุผลเพื่อปลอบขวัญผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ด้วยการรวบรวมผู้รอดชีวิตให้มาอยู่รวมกันและให้แยกห่างจากนักข่าวของแต่ละประเทศ สร้างความไม่พอใจให้นักข่าวเป็นอย่างมาก

ขณะที่ไม่พอใจ มีนักข่าวอีกหลายคนไม่เข้าใจ ภาพนักท่องเที่ยวที่ถูกฉายออกมา ในนั้นมีภาพของทหารคองโกอยู่ด้วย แล้วการตายของพวกเขาแปลกประหลาดมาก ส่วนใหญ่หัวกับร่างแยกออกจากกันเป็นการตายที่โหดเหี้ยมมาก เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เกิดจากการถูกยิง

ที่สำคัญในภาพเหล่านั้น ไม่มีแม้แต่เงาของกองกำลังจากทางการของแอฟริกาใต้เลย นักท่องเที่ยวที่ยังไม่ทันถูกกักตัว ได้เล่าเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายตายโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงกองกำลังของรัฐบาลแอฟริกาใต้จึงเพิ่งไปถึงเหมืองทองคำ

นี่จึงเป็นเหตุให้นักข่าวทั่วโลกตั้งคำถามกับรัฐบาลแอฟริกาใต้ แต่ทางการยึดมั่นในคำอธิบายของตัวเอง และจะไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับความสงสัยใดๆ

“เยี่ยเทียน เรื่องนี้เธอเป็นคนทำหรือเปล่า?”

ถังเหวินหย่วนที่อยู่ฮ่องกง รู้สึกตะลึงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโจฮันเนสเบิร์กเช่นกัน นักท่องเที่ยวกับผู้ก่อการร้ายที่เสียชีวิต รวมแล้วเกือบ 700 คน แต่ระยะนี้นอกจาก “เหตุการณ์โศกนาฏกรรม 911” แล้ว เหตุการณ์ในครั้งนี้นับว่ารุนแรงที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

“เหล่าถัง พูดอะไรอย่างนั้นเล่า เรื่องนี้จะเกี่ยวกับผมได้อย่างไร?”

เยี่ยเทียนปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ เรื่องบางเรื่องทำได้ แต่ห้ามพูด ยังไงเสีย เยี่ยเทียนก็ทำลายกล้องวงจรปิดเหมืองทองคำหมดแล้ว ไม่มีใครจับผิดเขาได้

“โอเค ฉันจะถือว่าไม่เกี่ยวกับเธอ”

ได้ยินเยี่ยเทียนตอบแบบนั้น ถังเหวินหย่วนก็พอเดาออก เขายิ้มอย่างขมขื่น กล่าวต่อว่า

“เยี่ยเทียน เธอพักสักหน่อยก็กลับมาที่ฮ่องกงก็แล้วกัน ท่านโก่วและคนอื่นรอเธออยู่นะ อย่าออกนอกลู่นอกทางอีก!”

นอกจากซ่งเฮ่าเทียน คงไม่มีใครรู้จักเยี่ยเทียนได้ดีเท่าถังเหวินหย่วนอีกแล้ว เหตุการณ์ที่รัสเซียเพิ่งผ่านไปไม่กี่เดือน เหตุการณ์ยังไม่ทันสงบ เยี่ยเทียนก็ก่อเรื่องที่แอฟริกาใต้อีก เรื่องแล้วเรื่องเล่าจนถังเหวินหย่วนไม่รู้จะพูดกับเยี่ยเทียนยังไงอีก

“ไว้ค่อยว่ากันอีกที”

เยี่ยเทียนเปลี่ยนประเด็นถามว่า “เหล่าถัง เรื่องกองกำลังแม่ม่ายดำสืบได้ความว่ายังไงบ้าง?”

“ได้ความว่า กองกำลังนี้เกิดขึ้นจากการก่อตั้งโดยคน 5 คน หัวหน้าชื่อเจอร์รี รับผิดชอบวางแผนและสั่งการ รองลงมาชื่อบรูกแมน เป็นผู้สั่งการกองกำลังกลุ่มนี้ ได้รับสมญานามว่าเป็นราชาของทหารรับจ้าง!”

ถังเหวินหย่วนไม่เคยชักช้ากับสิ่งที่เยี่ยเทียนสั่งให้ทำ มือหนึ่งถือโทรศัพท์ อีกมือหนึ่งอ่านข้อความในกระดาษต่อว่า

 “ในห้าคนนี้ เคลวินรับผิดชอบการดักฟังและการเจาะรหัสคอมพิวเตอร์ เขาคือแฮ็กเกอร์อันดับต้นๆ ที่เคยเจาะเข้าระบบของเพนตากอน ไคลด์เป็นผู้ผลิตระเบิด มีชื่อเสียงพอสมควร คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นบุคคลอันดับต้นของวงการทหารรับจ้าง”

“สี่คน? แล้วอีกคนละ?”

เมื่อเห็นว่าถังเหวินหย่วนหยุดพูด เยี่ยเทียนรีบถามต่อ

“ใจเย็นสิ ให้ฉันได้หายใจหายคอหน่อย…”

ถังเหวินหย่วนไอเพื่อให้โล่งคอ และพูดต่อ

“คนสุดท้ายชื่อแคโรล รับผิดชอบข่าวกรองให้กับกองกำลัง คนๆนี้ไม่ค่อยโผล่หน้าออกมา และไม่เข้าร่วมกระบวนการโดยตรง แต่การเคลื่อนไหวต่างๆ ของเจอร์รีล้วนแต่มาจากข่าวกรองที่เขาหามาให้”

“แคโรล? มีคนคนนี้อยู่ด้วยเหรอ? ”

เยี่ยเทียนเงยหน้าขึ้น และมองเหลยหู่ที่กำลังแอบฟังอยู่ ถามไปว่า

“เหลยหู่ แกรู้จักกองกำลังแม่ม่ายดำแค่ไหน เคยได้ยินชื่อแคโรลบ้างไหม?”

“ท่านเยี่ย ผม…ผมไม่รู้แผนการของเหมียวจื่อหลง นอกจากเจียงซาน ที่ผมเป็นคนพาเธอมาเอง เรื่องอื่นผมไม่รู้เลยครับ!”

หลังจากได้ยินคำสนทนาของเยี่ยเทียน เหลยหู่แทบจะร้องไห้ เนื่องจากพูดสายผ่านสัญญาณดาวเทียม เสียงจากสายไม่ค่อยชัดเจนมากนัก แต่เหลยหู่ก็ได้ยินบทสนทนาของเยี่ยเทียนกับถังเหวินหย่วนทั้งหมด

เขาฟังจนถึงเมื่อครู่ เหลยหู่เพิ่งรู้ว่าเยี่ยเทียนทำอะไรไปบ้างที่แอฟริกาใต้ ใจของเขาชาไปหมด หลังของเขาเหงื่อไหลเปียกโชกจนเสื้อชุ่มไปทั้งตัว

…………………….