“ที่แท้ก็เป็นวิชาแปลงกายนอกกายนี่เอง มันช่างน่าลึกลับจริงๆ แต่ว่าข้าเองก็สงสัยนิดหน่อย ด้วยสถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ สามารถคงสภาพเดิมได้กี่ส่วน” สายตาของวานรยักษ์ตัวนั้นก็มองขึ้นลงไปที่ร่างของบรรพชนอู๋โก้วอย่างละเอียด จากนั้นสีหน้าก็ฉายแววความแปลกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า

“เจ้า…หมายความว่าอย่างไร?” รูม่านตาของบรรพชนอู๋โก้วที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามก็หดเล็กลง และพูดขึ้นเป็นครั้งแรก คำพูดของเขาดูเข้าใจยากมาก ราวกับว่าเขาไม่ได้พูดมาหลายปีแล้ว แต่สีหน้าของเขาก็ยังดูแข็งทื่ออย่างมาก

“สหายคงไม่รู้สินะ หากเนตรวิญญาณของผู้น้อยแซ่หานคู่นี้ถูกใช้งานอย่างเต็มที่ สามารถมองเห็นทุกอย่างในระยะหมื่นลี้ของเก้าเมฆาได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเจ้าจะใช้วิชาลับปกปิดกลิ่นศพบนร่างกาย แต่ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดั่งคนทั่วไป กล้ามเนื้อที่เน่าเปื่อยก็ไม่สามารถหลบพ้นจากสายตาของข้าได้ ผู้น้อยแซ่หานจึงสงสัยอย่างมากว่า สหายกลายมาเป็นดั่งเช่นตอนนี้ได้อย่างไร ทำด้วยความเต็มใจหรือว่าใครบังคับมา” คำพูดที่ดังออกมาจากปากของวานรยักษ์ ทำให้ม่านตาของร่างบรรพชนอู๋โก้วหดเล็กลงอีกครั้ง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายค้นพบจุดอ่อนของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เพียงครู่เดียวก็สามารถมองออกได้เลยหรือ?

เสียงของวานรยักษ์ตนนั้นดังมาก จนทำให้มหาเมธีคนอื่นๆ ได้ยินอย่างชัดเจน คนอื่นๆ ที่ได้ยินล้วนมีสีหน้าตกใจ มีเพียงหวาซีเซียนจื่อเท่านั้น ที่หลังจากได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนสีทันที จู่ๆ เขาก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง

“อู๋โก้ว เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ทำไมต้องไปฟังเขาพูดไร้สาระด้วย รีบฆ่าเขาเร็วๆ เข้าสิ”

เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นใช้วิชาอะไร วงแหวนขนาดใหญ่ที่รัดยอดเขาเอาไว้ก็สว่างขึ้น หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นคริสตัลเม็ดทราย หลังจากที่มันพวยพุ่งออกมา มันก็เข้าไปปกคลุมภูเขาลูกนั้นอย่างแน่นหนา จนกลายเป็นเหมือนลูกบอลคริสตัลลูกกลมๆ ขนาดใหญ่ พร้อมลอยอยู่กลางอากาศนิ่งๆ ไม่ขยับไปไหน

จากนั้นหวาซีเซียนจื่อก็กลายร่างเป็นสายรุ้งพุ่งตรงมาทางนี้ เพียงแค่ครู่เดียวนางก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านข้างของบรรพชนอู๋โก้วแล้ว นางจ้องมองวานรยักษ์ตนนั้นด้วยแววตาดุร้าย

“วางใจเถอะ คำพูดเหลวไหลของเขา ไม่มีทางทำให้ข้ารู้สึกวุ่นวายใจได้หรอก หึหึ ข้าทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว ส่วนเรื่องที่ทำให้ข้ากลายเป็นครึ่งคนครึ่งศพเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะใครทำร้ายข้า แต่เป็นเพราะการฝึกวิชาผิดพลาดต่างหาก เพื่อปกป้องชีวิตเอาไว้ ข้าจึงต้องคงสภาพร่างกายเช่นนี้เอาไว้ ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว เริ่มลงมือกันเลยเถอะ” บรรพชนอู๋โก้วเหลือบตามองหวาซีเซียนจื่อที่อยู่ด้านข้าง แววตาของเขาเหมือนจะมีความเยาะเย้ยอยู่ในนั้นด้วย แต่ปากกลับไม่พูดอะไรออกไป

ทันทีที่เขาพูดประโยคสุดท้ายจบ เขาก็ก้าวเท้าใหญ่ๆ ไปด้านหน้า ร่างกายพร่าเลือน แยกจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่…. พริบตาเดียวก็มีเงาร่างที่หน้าเหมือนกันสิบกว่าคนปรากฏขึ้นมา ในขณะเดียวกัน เขาก็ปรากฏตัวอยู่รอบๆ วานรยักษ์ หลังจากนั้น จำนวนภาพมายาก็เพิ่มมากขึ้น พร้อมพุ่งโจมตีไปตรงกลาง

ในวินาทีนั้นเอง เหมือนมีคนมากกว่าร้อยคนโจมตีไปที่วานรยักษ์พร้อมกันทีเดียว

เมื่อหวาซีเซียนจื่อเห็นดังนั้น แววตาทั้งสองข้างก็เปล่งประกาย มือข้างหนึ่งแบมือกลางความว่างเปล่าโดยไม่ลังเล ในตอนนั้นเองคริสตัลจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็ลอยออกมาจากร่างกายของนาง หลังจากที่คริสตัลทรายมารวมตัวกันที่กลางฝ่ามือแล้ว ดาบเล่มยาวเล่มหนึ่ง ที่มีลักษณะโบราณก็ปรากฏขึ้นมา หลังจากที่มันส่งเสียงร้องดังลั่นแล้ว นางก็ฟันไปที่ความว่างเปล่าตรงหน้าของหานลี่

ในตอนนั้นเองหานลี่ก็กลายร่างเป็นวานรยักษ์อยู่รู้สึกว่ารอบข้างหนาแน่นขึ้นมาก การโจมตีที่รุนแรงเหลือเชื่อฟาดฟันเข้าที่ร่างกายของเขา ด้วยร่างแปลงกายของเขา การเคลื่อนไหวยังรู้สึกว่าช้าอยู่ การหลบหนีไม่สำเร็จ

ในตอนนั้นเอง ร่างเงาสีเทาของบรรพชนอู๋โก้วที่อยู่รอบๆ หานลี่ ก็พุ่งไปยังวานรยักษ์อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เขาสะบัดมือแล้ว ก็มีเสียงดัง “ตู้มๆ” ดังขึ้น กรงเล็บสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนก็โผล่ออกมา มันตรงเข้าทำร้ายวานรยักษ์แล้วจับเขาเอาไว้

เมื่อวานรยักษ์เห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจแต่อย่างใด เขากลับคำรามเสียงต่ำ ผิวหนังของเขาปล่อยแสงสีม่วงทองออกมา อักษรรูนสีเงินจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย หลังจากที่มันควบรวมกันแล้ว ทันใดนั้นก็กลายเป็นเขตอาคมอักษรสีเงิน พร้อมเสียงดังโครมคราม ทันใดนั้นพวกมันก็กลายเป็นยันต์เกราะสีเงิน ปกคลุมทั้งร่างกายของเขา

ทันทีที่กรงเล็บสีเขียวพวกนั้นโจมตีเข้ามา ก็มีเสียง “เคร้งๆ” ดังขึ้น จากนั้นๆ ก็ค่อยๆ สะท้อนกลับออกไป

ในขณะเดียวกันวานรยักษ์ตัวนั้นกลับขยายร่างเพิ่มขึ้นหลายเท่า ใบหน้าดูดุร้าย ที่ร่างกายมีเกล็ดสีม่วงทองปรากฏขึ้นมา ตอนนั้นเองเหนือศีรษะของเขาก็มีแสงสีดำส่องสว่างขึ้น จากนั้นก็มีเขาสั้นๆ สีทองโผล่ออกมา แขนทั้งสองข้างมีเกล็ดสีทองโผล่ออกมาทั่วทั้งแขน

มีเสียงคำรามดังขึ้นรอบข้าง พื้นที่ว่างเปล่าตรงนั้นบิดเบี้ยวไปหมด ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างออกมาจากด้านหลังของวานรยักษ์ตัวนั้น ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในระยะไกลออกไปดาบทรายยักษ์ในมือของหวาซีเซียนจื่อก็มีเสียงดัง “ตู้ม” ดาบเล่มนั้นสลายหายไปเป็นเม็ดทราย

ผู้หญิงคนนั้นตกใจอย่างมาก

มือข้างหนึ่งของวานรยักษ์ยกขึ้นมาร่ายคาถา ทันใดนั้นมีเสียงฟ้าผ่าดังลั่น ประจุสายฟ้าสีทองก็พวยพุ่งออกจากปากของเขา พ่นออกไปรอบข้างอย่างบ้าคลั่ง

ในเวลานั้นวานรยักษ์ตัวนั้นยืนอยู่ท่ามกลางสายฟ้าและประจุสายฟ้าสีทองที่กำลังพัวพันกันอยู่

เงาสีเทาเกือบร้อยตัวไม่สามารถเข้าใกล้วานรยักษ์ตัวนั้นได้เลย พวกมันโดนสายฟ้าโจมตีและค่อยๆ หายไป

ตอนนี้เหลือเพียงสิบกว่าตัวเท่านั้นที่สามารถรอดพ้นจากสายฟ้าเหล่านั้นได้ เขารีบถอยมาอยู่อีกด้านหนึ่ง จากนั้นก็รวมร่างเป็นบรรพชนอู๋โก้วร่างจริงอีกครั้ง

เมื่อวานรยักษ์ตัวนั้นเห็นดังนั้น เขาจึงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา พร้อมอ้าปากพ่นลูกไฟสีเงินออกมา

หลังจากที่ลูกไฟนั้นพุ่งออกไปแล้ว ก็ได้ยินเป็นเสียงนกร้องดังขึ้นมาอย่างชัดเจน ทันใดนั้นมันก็กลายร่างเป็นนกเพลิงสีเงินที่มีความยาวสิบกว่าจั้ง

หลังจากปีกใหญ่ของมันสยายขึ้น ก็มีสีทองส่องประกายวูบวาบออกมาด้วย จากนั้นก็พุ่งโจมตีไปที่หวาซีเซียนจื่อที่อยู่ห่างออกไป

สำหรับบรรพชนอู๋โก้วนั้น หลังจากที่วานรยักษ์แบมือท่ามกลางความว่างเปล่าแล้ว อากาศรอบข้างก็ดูหนาแน่นขึ้น เพราะมันถูกปกคลุมด้วยพลังมหาศาลที่มองไม่เห็นแล้ว

หัวใจของบรรพชนอู๋โก้วสั่นไหว เขาสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ส่งฟองกลมสีเขียวพุ่งออกไปทันที

ฟองกลมๆ ลูกนั้นพุ่งไปอยู่เหนือน่านฟ้าพอดี จากนั้นมันก็ขยายขนาดมากขึ้น ชั่วพริบตามันก็มีขนาดเท่ากับกงล้อแล้ว และกระแทกไปที่พลังที่มองไม่เห็นอย่างรุนแรง

เสียงสั่นสะเทือนสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น

แสงสีเขียวที่อยู่เหนือศีรษะของบรรพชนอู๋โก้วก็ปรากฏออกมา ในเวลาเดียวกันก็มีระลอกคลื่นขยายออกไปทั่วทุกสารทิศ

ไม่รู้ว่าฟองสีเขียวนี้เป็นของวิเศษชนิดใด ตอนนั้นเองก็มีแสงสว่างแสบตาออกมา ในขณะเดียวกันนั้นก็มีอักษรสีทองออกมาจากพื้นผิว จากนั้นมันก็โจมตีวานรยักษ์อย่างแรงด้วยหมัดเดียว

เมื่อหานลี่เห็นดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย แต่เขาก็รีบเอามือที่มีขนยาวๆ คว้าสายฟ้าเอาไว้

ครั้งนี้ เหนือศีรษะของบรรพชนอู๋โก้วมีระลอกคลื่นเกิดขึ้น ประจุสายฟ้าสีทองจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา หลังจากที่มันเกิดการควบแน่นอีกครั้ง มันก็กลายเป็นฝ่ามือสีทองม่วงข้างหนึ่ง เสียงดังลั่นราวกับเสียงฟ้าผ่า และมันก็โจมตีมาตรงกลางลูกบอลนั้นอย่างพอดิบพอดี

ลูกบอลถูกประจุสายฟ้าจำนวนมากนับไม่ถ้วนห่อหุ้มเอาไว้ ด้านนอกมีอักขระปรากฏออกมา แต่ทันใดนั้นมันก็ถูกทำลายและหายไปอย่างรวดเร็ว

ลูกบอลลูกนั้นยังคงสั่นไหวไม่หยุด จากนั้นมันก็เริ่มหล่นลงพื้นอย่างช้าๆ

บรรพชนอู๋โก้วที่ยืนอยู่ด้านล่างร้องหึออกมา เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นกลางอากาศ

เดิมทีลูกบอลนั้นหดเล็กลงแล้วนิดหน่อย และมีเสียงนกร้องดังออกมา จากนั้นแสงสว่างขึ้น พร้อมเปล่งแสงสีทองจางๆ ในขณะเดียวกันแสงสีทองนั้นก็กลายเป็นม่านห่อหุ้มมันอีกครั้งหนึ่ง

ประจุสายฟ้าสีทองยังคงโจมตีมันเรื่อยๆ แต่ลูกบอลสีทองกลับลอยอยู่ด้านบนอย่างมั่นคง

ในตอนนั้นเองหานลี่ที่กลายร่างเป็นวานรยักษ์ ก็ก้าวเท้าใหญ่ๆ ไปด้านหน้า พร้อมเคลื่อนย้ายตัวจากที่เดิมไปประมาณหนึ่งร้อยจั้ง ทันใดนั้นเขาก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของบรรพชนอู๋โก้ว ทันทีที่แขนขาของเขาขยับขึ้น หมัดใหญ่ที่ปกคลุมด้วยอักษรสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็โจมตีลงมาอย่างรุนแรง

เหนือศีรษะของบรรพชนอู๋โก้วก็เกิดเสียงระเบิดดังลั่น พลังนี้แข็งแกร่งกว่าพลังไร้รูปร่างเมื่อครั้งก่อนหลายเท่าตัวเลยทีเดียว ลูกบอลที่ขวางเอาไว้ก็สั่นไหวไปมาอย่างบ้าคลั่ง เขาก็ถอยห่างออกไปอีกครั้ง

เมื่อบรรพชนอู๋โก้วเห็นดังนั้น สายตาของเขาสว่างวาบ เขาสะบัดแขนอีกครั้ง ราวกับจะแสดงพลังอะไรสักอย่างที่มาต่อต้านหานลี่อีก

แต่ว่าในตอนนั้นเอง หวาซีเซียนจื่อที่อยู่ห่างออกไปกลับตะโกนร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้น

“อู๋โก้ว รีบมาที่นี่หน่อย ข้าจะต้านทานมันไม่ไหวแล้ว”

ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องเสียงแหลมขึ้น ราวกับว่ากำลังหวาดกลัวอย่างมาก

หัวใจของบรรพชนอู๋โก้วสั่นไหว รีบมองไปทางนั้นอย่างรีบร้อน

เขาไม่รู้ว่าหวาซีเซียนจื่อตกอยู่ทะเลเพลิงสีเงินตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกทั้งนกเพลิงสีเงินตัวนั้นยังบินวนรอบๆ ผู้หญิงคนนั้นอยู่ด้วย

หวาซีเซียนจื่อหลบอยู่หลังเกราะคริสตัลทรายที่มีความหนาอย่างมาก

แต่ทรายเหล่านั้นกำลังถูกเปลวเพลิงสีเงินละลายอย่างรวดเร็ว เพลิงสีเงินพวกนี้มันแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งมากกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก

นางทำได้แค่ป้องกันเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถต้านทานการหลอมละลายเพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นได้เลย ของวิเศษเจ็ดแปดชิ้นถูกเอาออกมาภายในพริบตาเดียว

แต่ที่น่าอันตรายไปมากกว่านั้น คือนกเพลิงสีเงินตัวนั้นมันบินวนขึ้นลงรอบๆ นาง จนทำให้เกิดระลอกคลื่น ราวกับว่าพื้นที่รอบข้างอยู่ในเขตอาคมต้องห้าม จึงทำให้นางไม่กล้าใช้คาถาแยกตัวออกมา จึงจำเป็นต้องยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน

ตอนนั้นเกราะทรายของนางไม่สามารถป้องกันอะไรได้แล้ว ทำได้เพียงตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างรีบร้อน

เมื่อบรรพชนอู๋โก้วมองไป เขาก็เข้าใจถึงสถานการณ์ของฝั่งนั้นอย่างชัดเจนแล้ว เขามีความลังเลเล็กน้อย สายตามีประกายแสงขึ้นมา จากนั้นเขาก็ตัดสินใจได้ทันที

เมื่อเห็นว่าเขาคำรามเสียงดัง พร้อมระเบิดตัวเองออก ทันใดนั้นรอบๆ ก็มีเงามายานับร้อยปรากฏขึ้นมา

สีหน้าของวานรยักษ์ยังคงเหมือนเดิม เขายกแขนข้างหนึ่งขึ้นมา จากนั้นกรงเล็บขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็สามารถทำลายเงานั้นได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

เงามายาเหล่านั้นสั่นไหวไปสองสามครั้ง จากนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่ที่บริเวณใกล้ๆ กับทะเลเพลิงสีเงิน หลังจากที่พวกมันรวมตัวในที่ที่ห่างออกไปแล้ว ร่างของบรรพชนอู๋โก้วก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง

เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา เปลวเพลิงสีทองก็ไหลออกมาจากร่างกาย จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปทะเลเพลิงอย่างไม่ลังเล

เขาเห็นหุ่นเชิดสีทองอยู่กลางทะเลเพลิงสีเงิน ทันทีที่ลมพัดไป มันก็ปรากฏตัวอยู่ด้านข้างของหวาซีเซียนจื่อ

หวาซีเซียนจื่อดีใจอย่างมาก นางก็สาดทรายในมือออกไป จนทำให้มีช่องว่างปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของเขา

บรรพชนอู๋โก้วขยับตัวอีกครั้ง เขาก็มายืนอยู่ที่ข้างกายของผู้หญิงคนนั้นแล้ว

“รีบลงมือเร็วเข้า ทรายจักรพรรดิของข้าอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว มีแค่เปลวเพลิงปราณแท้ของเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถต่อต้านเปลวเพลิงวิญญาณได้” หวาซีเซียนจื่อมองที่นกตัวใหญ่นั้นอย่างดุร้าย จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างรีบร้อน

ในตอนนั้นเอง หานลี่ที่กลายร่างเป็นวานรยักษ์ก็เดินเข้ามาเสียงดัง “ตึง ตึง”! จึงทำให้ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกวิตกมากขึ้น

“ได้ เจ้าเก็บทรายจักรพรรดิไปเสีย ข้าจะปล่อยเปลวเพลิงปราณแท้ออกมา”

บรรพชนอู๋โก้วตอบรับโดยไม่แสดงอารมณ์ เขาพลิกมือด้านหนึ่งขึ้น จากนั้นก็มีเสียง “ฟู่ๆ” เปลวเพลิงสีทองพวยพุ่งออกมา โอบล้อมรอบแขนของเขาไว้ แต่ทันใดนั้นเอง แขนนั้นก็พุ่งเข้าหาหวาซีเซียนจื่อที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยความเร็วที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้