ตอนที่ 2204 การเดินหมากตานั้น

อัจฉริยะสมองเพชร

บ้าแล้ว! ในเมื่อเป็นเกมที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ก็ควรจะใช้คนละชื่อ! ทำแบบนี้ก็เข้าใจผิดกันไปใหญ่!

เห็นชายหนุ่มไม่นั่งสักที สุดท้ายชายชราก็เงยหน้าขึ้นตั้งคำถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง “มีอะไร?”

“ผู้อาวุโส ขอเวลาผมสักครู่ได้ไหม? สำหรับผม หมากรุกไม่ได้เป็นแค่งานอดิเรก แต่เป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ผมเคารพการเดินหมากรุกทุกตา เพราะฉะนั้น…จะต้องใช้เวลาปรับสภาวะจิตและเตรียมตัวสักครู่หนึ่ง” จางเซวียนพูดโดยไม่แสดงความกระอักกระอ่วนสักนิด

ชายชราตาโตเมื่อได้ยิน

เซียนหมากรุกตัวจริงเท่านั้นถึงจะเข้าใจความลึกซึ้งของเกมหมากรุกและให้ความเคารพสูงสุด

แม้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาจะอายุยังน้อย แต่ก็น่าชื่นชมที่อีกฝ่ายให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับสิ่งที่คนอื่นๆมองว่าเป็นแค่เกม

จางเซวียนยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างสุภาพ จากนั้นก็หลับตาและสูดหายใจลึก ท่าทีสงบสุขุมของเขาดูไม่ต่างอะไรกับบรมครูตัวจริง

แต่เรื่องจริงก็คือจางเซวียนกำลังส่งโทรจิตหาฉีหลิงเอ๋อกับจางเจี้ยอย่างเอาเป็นเอาตาย

“พวกคุณรู้กติกาของเกมหมากรุกชนิดนี้ไหม?”

“ฮะ?” ฉีหลิงเอ๋อกับจางเจี้ยถึงกับตกตะลึง

ทั้งสองเพิ่งได้ยินกับหูว่าชายหนุ่มคุยโม้เรื่องทักษะการเล่นหมากรุกของเขา แต่ลงท้ายก็กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายไม่รู้แม้แต่กติกาของมัน!

พี่ชาย*…ไม่สายไปหน่อยหรือที่จะมาถามเรื่องกฎกติกากับพวกเราในเวลานี้?*

โดยเฉพาะจางเจี้ย มันงงเสียจนยืนตัวแข็งราวกับรูปปั้น

ตอนที่เจ้านายคุยโวเรื่องความเก่งกาจในศิลปะการเล่นหมากรุกของเขาที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ มันก็รู้สึกว่าเจ้านายคือผู้มีความสามารถหลากหลายด้าน หากเป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ ก็คงไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้

ไม่มีคำไหนจะบรรยายความตกตะลึงของมันได้เมื่อได้ยินเจ้านายถามว่ามันรู้กติกาของเกมนี้ไหม?

คุณคงไม่คิดว่าจะเอาชนะบรมครูหมากรุกตัวจริงได้ด้วยการเรียนรู้แค่กฎกติกาหรอกนะ*?*

ถึงมันจะเป็นแค่อสูรสวรรค์ แต่ก็เคยศึกษาวิธีการเล่นเกมนี้ในสมัยที่มันปลอมตัวเป็นมนุษย์เดินท่องไปตามถนนสายต่างๆของเมืองตะวันรอน บางครั้ง เมื่อรู้สึกเบื่อมากๆขณะที่อยู่ในถ้ำ ก็จะศึกษากลวิธีการเล่นหมากรุกด้วยความใฝ่รู้

หมากรุกที่นักรบสามเคราเล่นเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ‘หมากรุกของเทพธิดาหลัวแห่งสรวงสวรรค์’ เป็นหมากรุกที่ซับซ้อนกว่าโกะ

กติกานั้นเรียบง่ายและไม่มีอะไรมาก แต่จำนวนรูปแบบของความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นทำให้การจะเชี่ยวชาญเกมชนิดนี้เป็นไปได้ยาก มันคือเกมที่ใช้ทดสอบความยืดหยุ่นของความคิดและไหวพริบของผู้เล่น

คนจำนวนหนึ่งใช้เวลาทั้งชีวิตจมดิ่งอยู่กับหมากรุกชนิดนี้ แต่ก็ประสบความสำเร็จไม่มากนัก อันที่จริง ขนาดราชันย์เทพเจ้าหลายคนก็เป็นแฟนตัวยงของเกมหมากรุก แต่ฝีมือก็ถือว่าธรรมดา

การที่ชายชราปราบผู้เชี่ยวชาญทุกคนในเมืองได้ก็แปลว่าเขาคือบรมครูด้านหมากรุกตัวจริง

จางเจี้ยรู้สึกว่านี่คือความหุนหันพลันแล่นอย่างหนักของเจ้านายที่ท้าทายชายชราและวางเดิมพันใหญ่โตทั้งที่ไม่รู้แม้แต่กติกาการเล่น

นายท่าน เราหยุดแขวนชีวิตไว้บนเส้นด้ายเสียทีได้ไหม*? ผมรู้สึกว่าหัวใจผมคงอัดแน่นจนระเบิดเหมือนลูกโป่งเข้าสักวัน…*

หลังจากอึ้งไปครู่ใหญ่ ในที่สุดฉีหลิงเอ๋อก็เริ่มตอบคำถามของจางเซวียน “กติกาของเกมนี้คือ…”

ไม่นานเธอก็พูดจบ

หัวใจของเกมหมากรุกไม่ได้อยู่ที่ความซับซ้อนของกติกา แต่เป็นความสามารถในการทำนายและคาดเดาการเดินหมากของคู่ต่อสู้ หากทั้งสองฝ่ายอ่านใจของกันและกันได้ล่วงหน้าหลายขั้น ก็จะกลายเป็นการประลองสติปัญญาอย่างแท้จริง เกิดเป็นความพิเศษที่เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นศิลปะ

ส่วนใครก็ตามที่ทำไม่ได้ถึงระดับนั้นก็ย่อมลงเอยด้วยการเป็นมดที่ถูกยักษ์ปักหลั่นเหยียบย่ำ

“ผมเข้าใจแล้ว” จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอกหลังจากได้ฟังกติกาทั้งหมด

โชคดีที่กติกาไม่ได้ซับซ้อนอะไร ไม่อย่างนั้นคงกลายเป็นปัญหาใหญ่หากเขาต้องคอยขบคิดมันระหว่างที่เกมกำลังดำเนินไป

เมื่อชายชราเห็นว่าในที่สุดจางเซวียนก็ลืมตา เขาตั้งคำถาม “เราจะเริ่มกันได้หรือยัง?”

 

“ได้สิ!” จางเซวียนพยักหน้าขณะทรุดตัวลงนั่ง เขาใช้มือซ้ายหยิบตัวหมากและผายมือไปที่กระดานหมากรุก “เชิญ”

นักรบสามเคราไม่พูดไม่จา เขาหยิบตัวหมากรุกขึ้นมาตัวหนึ่งและวางลงไป

จางเซวียนยิ้มน้อยๆ เขาเพ่งสมาธิเข้าสู่หอสมุดเทียบฟ้าซึ่งมีหนังสือเล่มหนึ่งปรากฏ

สิ่งที่บันทึกไว้ในหนังสือคือรายละเอียดของกระดานหมากรุก รวมทั้งข้อบกพร่องและตำแหน่งการวางหมากจุดต่างๆบนกระดานแผ่นนั้น

ทุกตำแหน่งบนกระดานหมากรุกมีข้อบกพร่องของมัน บางจุดมีมากกว่าจุดอื่นๆ และมีเพียงจุดเดียวที่ไม่มีข้อบกพร่องเลย

ใช้การได้จริงๆ จางเซวียนคิดอย่างยินดีปรีดา

หลังจากได้เรียนรู้กติกา เขาก็ประมวลความรู้ที่ได้เข้ากับรายละเอียดของกระดานหมากรุกที่อยู่ตรงหน้า ด้วยเหตุนี้ จึงค้นพบข้อบกพร่องทุกข้อของการเดินหมากทุกตา ขอแค่ทำตามการคิดคำนวณอันแม่นยำไร้ที่ติของหอสมุดเทียบฟ้า ก็น่าจะได้ผลลัพธ์อย่างงาม

“การเดินหมากตานั้น…ดูดีทีเดียว”

จางเจี้ยกับฉีหลิงเอ๋อเฝ้ามองการเดินหมากของจางเซวียนอย่างใจจดใจจ่อก่อนจะพากันถอนหายใจเฮือกใหญ่

พูดตามตรง ทั้งคู่หมดหวังอย่างสิ้นเชิงแล้วหลังจากได้ยินจางเซวียนถามเรื่องกติกาเมื่อครู่ก่อน ทั้งหมดที่พอหวังได้ก็คือหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำให้พวกเขาอับอายขายหน้าจนเกินไป

แม้ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายจะเดินหมากกันไปเพียงคนละตาเดียว แต่มันคือการเคลื่อนไหวที่ก่อเกิดเป็นจุดเริ่มต้นของค่ายกล เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ไม่ใช่มือใหม่

การเดินหมาก 2-3 ตาแรกคือการตั้งต้นวางโครงสร้างของค่ายกลบนกระดานหมากรุก จึงไม่จำเป็นต้องใคร่ครวญมากมาย เพียงแค่ประสบการณ์ก็เกินพอจะช่วยให้ผู้นั้นตัดสินใจได้แล้วว่าควรเดินหมากไปทางไหน

นักรบสามเคราวางหมากตัวแล้วตัวเล่าอย่างรวดเร็ว มีจางเซวียนตามไปติดๆ ดูเหมือนทั้งคู่เล่นหมากรุกด้วยสัญชาตญาณ แทบไม่ต้องเสียเวลาครุ่นคิดใดๆ

ภายใน 5 นาที ทั้งสองก็เดินหมากไปคนละ 30 ตา

“เอ่อ…”

จางเจี้ยกับฉีหลิงเอ๋อจับตามองสถานการณ์บนกระดานหมากรุกอย่างใกล้ชิด ทั้งคู่ผงะไปเล็กน้อย

การเดินหมากของจางเซวียนเรียบง่ายและเป็นแบบที่ใช้กันทั่วไป ไม่ต่างกับมือสมัครเล่น ไม่มีกลยุทธที่ซับซ้อนหรือการวางกับดักเพื่อล่อฝ่ายตรงข้ามให้ตกหลุมพราง แต่การเล่นแบบเรียบง่ายนี้กลับสร้างความเดือดร้อนอย่างหนักให้กับผู้ที่ต้องรับมือ

การเดินหมากแต่ละตาของเขาดูจะผ่านการคิดคำนวณอย่างไร้ที่ติเพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดและสูญเสียน้อยที่สุด ลงท้าย ตัวหมากของฝ่ายตรงข้ามจึงจนมุม หาทางออกไม่ได้

ในฐานะคู่ต่อสู้ของจางเซวียน นักรบสามเครางุนงงจนทำอะไรไม่ถูก

ทำไมถึงไม่มีทางออกให้เขาเลย?

แม้เกมจะเพิ่งเริ่มได้ไม่นาน แต่เขาก็ดูออกว่านี่คือเกมที่สร้างความปั่นป่วนใจได้มากที่สุดเกมหนึ่งตั้งแต่ที่เคยเล่นมา

เกมนี้ไม่มีแผนการซับซ้อนหรือยุทธศาสตร์น่าทึ่งใดๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คืออีกฝ่ายคำนวณทุกอย่างได้อย่างแม่นยำและสกัดกั้นการเดินหมากของเขาได้ทุกตา

ถ้าเปรียบเทียบหมากรุกนัดนี้เป็นสนามรบและพวกเขาคือแม่ทัพที่นำกองกำลังเข้าต่อสู้ ก็บอกได้เลยว่าค่ายกลและยุทธศาสตร์ของเขาถูกอีกฝ่ายมองทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว ไม่ว่าเขาจะพยายามทำอะไรก็จะถูกสกัดไว้ล่วงหน้า ด้วยเหตุนี้ ทั้งตัวเขาและกองกำลังจึงค่อยๆหมดสภาพไป

และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือแม้เขาจะมองเห็นทุกอย่าง แต่ก็ทำอะไรให้ดีขึ้นไม่ได้เลย!

นักรบสามเคราเริ่มเหงื่อตก เขารีบเปลี่ยนสไตล์การเล่นให้ซับซ้อนและเหนือชั้นกว่าเดิม พยายามงัดเอาทุกกลวิธีที่เคยใช้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาออกมาใช้ ซึ่งหากเป็นคู่ต่อสู้คนอื่น การเปลี่ยนสไตล์การเล่นอย่างปุบปับแบบนี้จะต้องทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอน

แต่ชายหนุ่มกลับวางหมากตัวแล้วตัวเล่าด้วยทีท่าที่ดูเหมือนไม่ได้ใช้ความคิดอะไร

ราวกับเขากำลังเล่นหมากรุกกับหุ่นกระบอก ไม่ใช่มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ!

บ่อยครั้งที่นักรบสามเครารู้สึกว่าทิศทางการวางหมากของชายหนุ่มออกจะสิ้นคิดและไม่ส่งผลดี แต่อีกสามตาต่อมา ก็กลับกลายเป็นว่าการวางหมากของอีกฝ่ายอยู่ในตำแหน่งที่ชาญฉลาดเสียจนต้อนเขาให้จนมุมได้

เขารู้สึกเหมือนมีก้างติดคอ กลืนไม่ได้ คายก็ไม่ออก ทำให้คับอกคับใจอย่างหนัก

แบบนี้เป็นไปไม่ได้*…*

ชายชราเริ่มใช้นิ้วเคาะม้าหินอย่างหมดความอดทน

เขามั่นใจเต็มเปี่ยมในทักษะการเล่นหมากรุกของตัวเอง เขาคือผู้ที่ไม่มีใครปราบได้ทั่วทั้งเมืองแสงสนธยา หรือต่อให้เป็นเมืองหลวง ก็มีเซียนหมากรุกไม่ถึงหยิบมือที่สู้กับเขาได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ!

แม้บรมครูหมากรุกผู้โด่งดังเหล่านั้นจะเอาชนะเขาได้ แต่ส่วนใหญ่ก็ต้องเดินหมากอย่างน้อยกว่าร้อยตา นี่เขาเพิ่งเล่นกับชายหนุ่มไปเพียง 40 ตาเท่านั้น แต่ก็จนมุมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่เขาจนปัญญาขนาดนี้

แต่สิ่งที่ทำให้นักรบสามเคราสิ้นหวังยิ่งกว่าก็คือเขามองไม่เห็นหนทางที่จะเอาชนะการดวลหมากรุกนัดนี้ได้เลย

คู่ต่อสู้ของเขาไม่เปิดช่องใดๆทั้งสิ้น การเดินหมากทุกครั้งมีแต่จะทำให้เขาเข้าใกล้หน้าผามากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะร่วงลงไปได้ทุกขณะและหมดทางเลือก

นักรบสามเคราปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้วเดินหมากต่อไปอีกสองสามตา

ซึ่งก็เหมือนเดิม จางเซวียนยังคงวางหมากต่อไปโดยไม่ได้คิดอะไรมาก

ไม่นาน การวางหมากของนักรบสามเคราก็ช้าลงเรื่อยๆ เขาใช้เวลานานขึ้นกว่าจะเดินหมากได้แต่ละครั้ง

แบบนี้ไม่ดี*…แบบนั้นก็ไม่ได้…*

นักรบสามเคราถือตัวหมากไว้ในมือและเริ่มลังเล ไม่รู้ว่าควรวางหมากต่อไปหรือไม่

“ฝีมือการเล่นหมากรุกของนายน้อย…”

ถึงจางเจี้ยจะไม่ได้เชี่ยวชาญหมากรุกเท่าไหร่ แต่ก็ดูออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ มันสบตาฉีหลิงเอ๋อ เห็นอีกฝ่ายตาโตจนแทบทะลุออกจากเบ้า

มันคิดว่านายน้อยคงสร้างหายนะแน่เพราะเพิ่งจะเรียนรู้กฎกติกาไปเมื่อครู่ แต่ดูเหมือนมันจะประเมินความสามารถของนายน้อยต่ำไป

การวางหมากทุกตาของเขาดูเหมือนผ่านการใคร่ครวญมาแล้วหลายครั้งจนแน่ใจว่าไม่เหลือจุดอ่อนใดๆให้คู่ต่อสู้เล่นงานได้ แม้นักรบสามเคราจะช่ำชองเกมหมากรุก แต่สุดท้ายก็ตกอยู่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ถูก

“เขาเพิ่งเรียนรู้วิธีเล่นหมากรุกเมื่อกี้เองนี่?” ฉีหลิงเอ๋อกระพริบตาปริบๆขณะจับจ้องภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ

ด้วยความที่เป็นอสูรสวรรค์ ความสามารถในการอ่านเกมหมากรุกของจางเจี้ยจึงยังอ่อนด้อย แต่สำหรับเธอซึ่งมาจากตระกูลผู้ทรงเกียรติ แม้จะไม่ได้สนใจการเล่นหมากรุกมากนัก แต่ก็พอจะคุ้นเคยกับมันอยู่บ้าง

ทักษะและความเจนจัดของนักรบสามเครานั้นมากพอจะรับมือกับเซียนหมากรุกของตระกูลฉีได้เลยทีเดียว แต่เขากลับจนปัญญาเมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่ม…