ตอนที่ 2205 ผมยอมแพ้…

อัจฉริยะสมองเพชร

พูดให้ง่ายเข้าก็คือ นักรบสามเครากำลังจะจบเห่ เห็นได้ชัดว่าเขาสู้จางเซวียนไม่ได้

ว่าแต่…จางเซวียนเพิ่งศึกษาเกมหมากรุกเมื่อครู่นี้เองไม่ใช่หรือ?

เป็นไปได้หรือไงที่ใครสักคนจะเก่งกาจไร้เทียมทานขนาดนี้ได้ทั้งที่เพิ่งเล่นเป็นครั้งแรก?

ตัวหมากรุกคาอยู่ในมือของนักรบสามเครา สุดท้ายเขาก็โยนมันทิ้งและส่ายหน้าอย่างท้อใจ “ผมแพ้แล้ว…”

เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ทุกเส้นทางของเขาถูกสกัดกั้นไว้หมด และชายหนุ่มก็ไม่เปิดช่องให้เขาเลยสักนิด หากดันทุรังเล่นต่อไปก็มีแต่จะอับอายขายหน้ากว่าเดิม

“ขอบคุณที่ออมมือให้ผม อันที่จริง ผมก็เพิ่งเรียนรู้เกมนี้ ยังไม่เข้าใจกติกาทั้งหมดของมันอย่างถ่องแท้เสียทีเดียวหรอก” จางเซวียนตอบพร้อมกับประสานมือ

พูดกันตามตรง เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่ แค่ทำตามกลวิธีอันสมบูรณ์แบบที่หอสมุดเทียบฟ้าบอกไว้ วางหมากลงไปตัวแล้วตัวเล่าตามข้อมูลที่มันให้มา

และยังไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว…คู่ต่อสู้ของเขาก็ยกธงขาวไปแล้วเรียบร้อย!

เพราะเอาชนะได้อย่างง่ายดายแบบนี้ จึงอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคงออมมือให้

“ออมมือให้คุณ?” นักรบสามเคราคิดว่าจางเซวียนเยาะเย้ย ใบหน้าของเขาแดงก่ำขณะตอบโต้ “สหาย คุณกำลังใช้คำพูดเชือดเฉือนให้ผมอับอายนะ อันที่จริง ตั้งแต่เดินหมากตาที่สิบ ผมก็รู้แล้วว่าต้องแพ้แน่ สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นน่ะเป็นแค่การดิ้นรนหาทางเอาตัวรอด ผมพ่ายแพ้ยับเยินขนาดนี้ คุณควรจะสงวนคำพูดไว้บ้าง ถ้าคนที่มีฝีมือระดับคุณยังไม่เข้าใจกฎกติกาทั้งหมดของมันอย่างถ่องแท้ล่ะก็ ผมก็ไม่รู้แล้วว่าผมควรทำตัวอย่างไร…”

ถ้าเขาพ่ายแพ้เพียงไม่กี่ตา ก็พอเข้าใจได้หากจางเซวียนจะพูดว่าเขาออมมือให้ แต่นี่ก็เห็นกันชัดๆว่าทั้งคู่อยู่คนละชั้น ตัวเขาคือเทพเจ้าขั้นต่ำที่กำลังเผชิญหน้ากับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ!

ต่อให้อยากเย้ยหยัน ก็ควรมีเหตุผลกว่านั้นหน่อย!

“คุณก็เกรงอกเกรงใจเกินไป” จางเซวียนตอบอย่างกระอักกระอ่วน

“เอาเถอะ ในเมื่อผมยอมแพ้แล้ว คุณก็บอกมาเลยว่าอยากร้องขออะไรจากผม” นักรบสามเคราตัดบทพร้อมกับโบกมือ

“ผู้อาวุโส ผมอยากขอซื้อยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางที่คุณมีอยู่ หวังว่าคุณจะยอมขายให้ผมสักหน่อย” จางเซวียนตอบ

“คุณแค่อยากซื้อยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางจากผม?” นักรบสามเคราถึงกับผงะ

เห็นชายหนุ่มลงทุนมาที่นี่พร้อมกับทายาทตระกูลฉี เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายคงจะร้องขอเรื่องยากๆ ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการคือเรื่องง่ายแบบนี้?

ถึงยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางจะไม่มีวางขายตามท้องตลาดให้นักรบทั่วไปได้ซื้อหา แต่ใครก็ตามที่พอมีเส้นสายในเมืองแสงสนธยาก็ย่อมหาได้ พ่อค้าและตระกูลผู้มั่งคั่งส่วนใหญ่ก็มักมีเก็บไว้ในครอบครอง

เซียนหมากรุกคนนี้มาท้าทายเขาเพียงเพื่อเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เองหรือ?

จางเซวียนพยักหน้า

“คุณไม่ต้องซื้อหรอก ผมจะมอบยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางทั้ง 30 เม็ดที่ผมมีอยู่ให้คุณ”

นักรบสามเคราสะบัดข้อมือ จากนั้นก็ยื่นขวด 3 ใบให้จางเซวียนโดยไม่ลังเล

“คุณให้ผม? ผมจะรับของล้ำค่าแบบนี้ได้อย่างไร?” จางเซวียนรีบโบกมือปฏิเสธ

เขาสำรวจราคาของยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางมาแล้ว ดูเหมือนจะมีราคาสูงกว่ายาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นต่ำเป็นร้อยเท่า อีกอย่าง ยานี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ซื้อหาได้ทั่วไปตามท้องตลาด การรับของกำนัลมูลค่าสูงขนาดนี้ไว้ง่ายๆคงไม่เหมาะสมแน่

“ผมหลอมมันด้วยตัวเอง และก็ไม่ได้แพงลิบลิ่วอย่างที่คุณคิด แต่ถ้าคุณไม่สบายใจล่ะก็ ทำไมไม่ดวลกับผมอีกสัก 2-3 ตาล่ะ?” นักรบสามเคราเสนอ

“ผมน่ะยิ่งกว่าเต็มใจที่จะเล่นกับคุณ เพียงแต่…ผู้อาวุโส เมื่อครู่นี้คุณบอกว่าคุณสาบานไว้ไม่ใช่หรือว่าจะเล่นหมากรุกแค่สามตาต่อวัน?” จางเซวียนถาม

“นั่นเป็นเพราะผมไม่เจอคู่ต่อสู้ที่คู่ควรต่างหาก ถ้าเป็นบรมครูระดับคุณล่ะก็ สามสิบตาก็ไม่พอ!” นักรบสามเคราตอบพร้อมกับหัวเราะหึๆ

จางเซวียนยิ้ม

การจะเล่นหมากรุกกับชายชราอีก 2-3 ตาเพื่อแลกกับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางจำนวนมากขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือเดินตามเส้นทางที่หอสมุดเทียบฟ้าบอก ไม่ต้องใช้สมองสักนิด

ทั้งคู่รีบเคลียร์กระดานหมากรุกและเริ่มเกมใหม่

5 นาทีต่อมา นักรบสามเคราหน้าแดงก่ำ เขาอุทาน “อีกตา!”

4 นาทีต่อมา “อีกตาเดียวน่ะ!”

3 นาทีต่อมา “เอาอีก…”

1 นาทีต่อมา “ก็ได้ ผมยอมแพ้…”

หลังจากแพ้ติดต่อกันหลายตา ในที่สุดนักรบสามเคราก็เริ่มจะคลางแคลงใจตัวเอง

เขาเคยคิดว่าการที่ชายหนุ่มเล่นหมากรุกได้เหนือชั้นขนาดนี้คงเพราะอาศัยดวงดีเข้าช่วย ใครจะไปรู้ว่าไม่ว่าจะเริ่มเล่นใหม่อีกกี่หน เปลี่ยนสไตล์การเล่นอีกกี่ครั้ง เขาก็ยังต้องหลังชนฝา ไม่มีช่องทางให้คว้าชัยชนะได้เลย

“ในโลกนี้ มีคนไม่มากนักหรอกที่เล่นหมากรุกได้อย่างคุณ คุณเข้าร่วมการประลองหมากรุกเพื่อชิงรางวัลได้เลยนะ…” นักรบสามเครามองจางเซวียนด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย

“ตอนนี้ผมยังไม่มีแผนจะเข้าร่วมกับอะไรแบบนั้นหรอก” จางเซวียนตอบ

ในสมองของจางเซวียน เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่คนนอกที่เข้ามาเล่นหมากรุกโดยพึ่งพาหอสมุดเทียบฟ้า ไม่ได้มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมการประลองแบบนั้น

“น่าเสียดาย…” เห็นชายหนุ่มไม่คิดจะเดินตามเส้นทางที่เขาแนะ นักรบสามเคราส่ายหัว

จางเซวียนรีบกล่าวอำลาอีกฝ่าย แล้วทั้งกลุ่มก็มุ่งหน้ากลับสู่ถนน

ฉีหลิงเอ๋อชำเลืองมองจางเซวียน “หาที่เงียบๆเพื่อซึมซับยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าก่อนไหม?”

เธอดูออกว่าเหตุผลที่จางเซวียนอยากได้ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางก็เพื่อมายกระดับวรยุทธของตัวเอง ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น เรื่องต่อไปที่เขาอยากทำก็น่าจะเป็นการหาที่สงบๆเพื่อฝึกฝนวรยุทธ

“ไม่ต้องหรอก” จางเซวียนตอบ

คำตอบนั้นทำให้ฉีหลิงเอ๋องุนงง

แบบนี้หมายความว่าอย่างไร?

เขาต้องการยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางเพื่อเหตุผลอื่น ไม่ใช่นำมายกระดับวรยุทธของตัวเองหรือ?

ขณะที่เธอกำลังสงสัยว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ก็เห็นชายหนุ่มนำยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางทั้ง 30 เม็ดที่เพิ่งได้รับออกมา จากนั้นก็โยนเข้าปากทีละเม็ดเหมือนกินลูกอม

ฉีหลิงเอ๋อเลิกคิ้วด้วยความอัศจรรย์ใจ

ยาเม็ดแก่นสารเทพเจ้าขั้นกลางเป็นยาที่มีฤทธิ์รุนแรงแม้แต่กับเทพเจ้าสวรรค์สร้าง นักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูงทั่วไปต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนในการฝึกฝนวรยุทธเพื่อซึมซับพลังงานที่อยู่ในยานั้น แต่หมอนี่กินเอาๆราวกับเป็นขนม!

เขาไม่กลัวว่าตัวจะพองจนระเบิดหรือไง?

แต่แล้วรังสีของจางเซวียนที่เจิดจ้าขึ้นอย่างรวดเร็วก็ตอบข้อสงสัยของเธอ

เทพเจ้าขั้นสูง ขั้นต้น!

เทพเจ้าขั้นสูง ขั้นกลาง!

เทพเจ้าขั้นสูง ขั้นสูง!

เทพเจ้าขั้นสูง ขั้นสูงสุด!

เพียงไม่ถึง 2 อึดใจ จางเซวียนก็ยกระดับวรยุทธไปถึง 3 ขั้นย่อย ทำให้เหลืออีกเพียงขั้นเดียวก็จะได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง

ฉีหลิงเอ๋อตัวสั่น

ในฐานะทายาทของตระกูลใหญ่ เธอได้พบเจออัจฉริยะและผู้เชี่ยวชาญมากมาย

แต่ใครคนหนึ่งที่กินยาเม็ดโดยไม่ดูตาม้าตาเรือและฝ่าด่านวรยุทธได้ง่ายดายขนาดนี้…นี่คือสิ่งที่เธอได้เห็นเป็นครั้งแรก!

อย่างกับเขาไม่ใช่มนุษย์!

สายเลือดจอมราชันย์น่าสะพรึงขนาดนี้เชียวหรือ?

จางเจี้ยก็ยืนงง ตอนนั้นเองที่มันเพิ่งรู้ว่าเมื่อครั้งที่นายท่านบ่นว่าตัวเขาฝึกฝนวรยุทธได้ช้าเกินไปนั้นไม่ใช่ความพยายามคุยโวโอ้อวด

ระดับการพัฒนาวรยุทธโดยปกติของเขารวดเร็วแบบนั้นจริงๆ!

นักรบส่วนใหญ่จะต้องปรับสภาวะร่างกายและทบทวนเทคนิควรยุทธของตัวเองก่อนจะพยายามทำลายด่านคอขวด แต่ชายหนุ่มคนนี้ไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นเลย เขาแค่ถ่ายทอดพลังงานเพื่อการฝ่าด่านวรยุทธในเวลาไหนก็ได้ตามแต่ต้องการ

จู่ๆจางเซวียนก็โพล่งออกมา “เจี้ยน้อย มานี่หน่อย ใช้หมัดของคุณโจมตีผม!”

รู้ดีว่านายน้อยอยากทดสอบพละกำลังที่ได้มาใหม่หลังจากการฝ่าด่านวรยุทธ จางเจี้ยก้าวออกไป “ได้เลย”

มันก็อยากรู้ว่าตอนนี้นายท่านจะแข็งแกร่งทรงพลังแค่ไหน

นับตั้งแต่มันได้เป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้าง ก็ไม่ได้ย่อหย่อนสักนิด มันตั้งใจฝึกฝนเทคนิควรยุทธที่นายท่านถ่ายทอดให้ และสามารถเยียวยาอาการบอบช้ำพร้อมกับแก้ไขข้อบกพร่องส่วนใหญ่ในวรยุทธของมันได้เกือบหมด แม้จะผ่านไปเพียงวันเดียว แต่จางเจี้ยก็รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาได้มากกว่าที่เคยทำได้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเสียอีก

พลั่ก!

กำปั้นขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่จางเซวียนด้วยพละกำลังหนักหน่วงราวกับพายุ เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องจนหนวกหู

ภาพนี้ทำให้ฉีหลิงเอ๋อหรี่ตาด้วยความตกใจ

เธอดูออกว่าอสูรเกราะเรืองแสงสำเร็จวรยุทธระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดนี้ อีกอย่าง มันก็เพิ่งฝ่าด่านคอขวดมาได้หมาดๆ จึงน่าจะยังต้องการเวลาระยะหนึ่งกว่าจะคุ้นเคยกับพละกำลังที่ได้มาใหม่

แต่พละกำลังที่อสูรเกราะเรืองแสงสำแดงออกมาถือว่าเหนือความคาดหมายของเธอมาก ด้วยความแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อและประสิทธิภาพการป้องกันตัวอันไร้เทียมทานของมัน อย่าว่าแต่นักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำ มันน่าจะรับมือได้แม้แต่กับนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นกลาง!

เธอนึกภาพไม่ออกว่าจางเซวียนที่เป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าขั้นสูง-สูงสุด จะต้านทานหมัดที่มีอานุภาพทำลายล้างนั้นได้อย่างไร ฉีหลิงเอ๋อมองภาพตรงหน้าอย่างหวั่นใจ เธอเห็นชายหนุ่มยกมือขึ้นโบกเบาๆ

พลั่ก!

จางเจี้ยถูกสอยกระเด็น ตัวมันกระแทกกับลำต้นของต้นไม้ใหญ่ จากนั้นก็ลอยละลิ่วไปอัดกำแพงก่อนที่แรงส่งของการโจมตีจะค่อยๆจางไป มันล้มกลิ้งอยู่กับพื้นขณะอ้าปากหอบหายใจฟืดฟาด

“นายน้อย…” จางเจี้ยไม่มีทางเลือก ต้องยอมจำนนให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของจางเซวียน

มันเคยคิดว่าการพัฒนาวรยุทธครั้งใหม่ของมันน่าจะอุดช่องว่างระหว่างวรยุทธของตัวมันกับนายท่านได้ แต่เท่าที่เห็น ไม่ว่ามันจะพากเพียรฝึกฝนสักแค่ไหน ความเหลื่อมล้ำของทั้งคู่ก็มีแต่จะห่างกันออกไปเรื่อยๆ!

จางเซวียนหันไปถามฉีหลิงเอ๋อ “คุณคิดว่าพละกำลังที่ผมมีอยู่ตอนนี้พอจะทำให้ผมเอาชนะสามคนนั้นได้หรือยัง?”

เหตุผลที่เขาท้าทายจางเจี้ยเมื่อครู่ก่อนก็เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของตัวเอง และอยากฟังจากปากฉีหลิงเอ๋อด้วยว่าผู้ท้าชิงตำแหน่งเจ้าเมืองทั้งสามคนทรงพลังแค่ไหน

“คุณน่าจะเอาชนะนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นต่ำส่วนใหญ่ได้สบาย แต่สำหรับนักรบระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นกลาง คุณก็ยังถือว่าอ่อนด้อยไปสักหน่อย…ฉันจะไม่พูดหรอกนะว่าคุณไม่มีโอกาส แต่คงเป็นการต่อสู้ที่ลำบากทีเดียว” ฉีหลิงเอ๋อตอบอย่างลังเล