ตอนที่ 2238

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,238 : ย้อนกลับไปทวีปมนุษย์

 

‘ไม่คิดเลยว่าในมรดกสถานที่เหลือทิ้งไว้โดยปรมาจารย์จารึกเซียนระดับเทียมสวรรค์นั่น พวกปีศาจที่ถูกข้าฆ่าไปส่วนมากจะมาจากเผ่าปีศาจมนุษย์ แถมยังเป็นชนชั้นอัจฉริยะของพวก 3 วัง 6ตำหนัก…’

 

หลังจากต้วนหลิงเทียนกลับไปถึงที่พักจนพร้อมหน้าพร้อมตากับเค่อเอ๋อแม่ลูกรวมถึงก่านหรูเยี่ยนแล้ว เขาก็พาทั้งหมดออกจากโรงเตี๊ยมที่พักทันที

 

ตอนนี้ไม่มีอะไรที่เขาต้องทำในเมืองเหรินโม่เชิ่งอีกต่อไป

 

ดังนั้นเขาจึงคิดพาทั้ง 3 ออกไปยังทวีปมนุษย์เพื่อตามหาบิดามารดาลี่เฟยกับลูกชายรวมถึงสหายของเขา

 

เขาลองคิดในมุมของต้วนหรูเฟิงดู ก็พบว่าหากจะหลบหนีการตามล่าของยอดฝีมือเผ่าพันธุ์ปีศาจ ก็มีแต่ต้องไปซ่อนตัวในทวีปมนุษย์!

 

ด้วยความที่สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของทวีปมนุษย์มันต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจย่อมดูแคลนและไม่มีใครอยากไปจมปลักอยู่ที่นั่น

 

ดังนั้นหากกมองไปทั่วทั้งภูมิภาคเบื้องล่างแล้ว ทวีปมนุษย์ก็สมควรเป็นสถานที่ๆปลอดภัยที่สุดเช่นกัน ไม่น่าจะมีปีศาจที่แข็งแกร่งใดอาศัยอยู่มากมาย หากจะมีก็คงเป็นพวกลูกกระจ๊อกไร้ขุมกำลังเท่านั้นที่จะไปตั้งตัวเป็นใหญ่ที่นั่น

 

เป็นธรรมดาว่าพวกปีศาจเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในสายตาต้วนหลิงเทียนเลย

 

แต่ทว่าสำหรับผู้คนในทวีปมนุษย์แล้ว…ต่อให้เป็นปีศาจที่อ่อนแอที่สุด ก็คือตัวตนอันทรงพลังเทียมฟ้า!

 

จะอย่างไรเสียในแดนเนรเทศ ปีศาจที่อ่อนแอส่วนใหญ่ ก็ถูกปีศาจตนอื่นเข่นฆ่าเพื่อดูดกลืนบ่มเพาะพลังไปหมดสิ้น! เช่นนั้นปีศาจที่ยังมีชีวิตรอดอยู่มาได้ ล้วนเป็นชนชั้นอำมหิตที่เหยียบย่ำศพปีศาจตนอื่นมาทั้งนั้น!!

 

ตัวตนแบบนั้น ไม่ใช่อะไรที่ผู้ฝึกตนในทวีปมนุษย์จะมีปัญญาต้านทานรับมืออะไรได้

 

‘ลูกชายคนเดียวของชิงหยวนป้ายอดฝีมืออันดับ 1ใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนของเผ่าปีศาจมนุษย์ถูกฆ่าตายในมรดกสถาน? พลังฝึกปรือขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน?’

 

หลังออกจากโรงเตี๊ยม ระหว่างทางแน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินข่าวทำนองนี้มากมาย

 

‘มันเป็นหนึ่งในพวกปีศาจที่ข้าฆ่ากลืนพรสรสวรรค์รากวิญญาณในมรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนครึ่งก้าวเซียนอมตะสินะ…’

 

ในนั้นมีปีศาจมากมายเกินจะนับที่ตกตายด้วยน้ำมือของต้วนหลิงเทียน

 

ในสายตาเขาพวกมันไม่ได้แตกต่างกันเลย จะชนชั้นอัจฉริยะของ 3 วัง 6 ตำหนัก หรือพวกไก่กาอะไรก็แล้วแต่ เขาล้วนฆ่าพวกมันได้ง่ายดายราวตัดหญ้าฆ่าไก่ ดังนั้นแล้วพวกมันจะด่านพลังอะไรก็เท่านั้น ล้วนเปราะบางทั้งสิ้น…

 

‘ถ้าจำไม่ผิด…ดูเหมือนในบรรดาพวกที่ถูกข้าฆ่าไป จะมีขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนอยู่ 2-3 ตน แม้พลังฝีมือของพวกมันจะไม่ได้ด้อยไปกว่าหวงเหวินจิ้งสักเท่าไหร่ แต่ก็เท่านั้น…’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

‘อย่างไรก็ตามชิงหยวนป้าผู้นี้เห็นว่ามันร้ายกาจนัก เป็นรองจ้าววังวิญญาณอสุรา…แถมพลังฝีมือยังร้ายกาจเป็นอันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนของเผ่าปีศาจมนุษย์อีก…’

 

เรื่องชิงหยวนป้าต้วนหลิงเทียนเองก็ได้ยินมาบ้าง อย่างไรเขาก็ตระเวนหาข่าวในเมืองเหรินโม่เชิ่งอยู่พักหนึ่ง

 

‘ไม่รู้ว่าชิงหยวนป้าผู้นี้กับเหาฉ่วงในภูมิภาคเบื้องบน ใครมันจะแน่กว่ากัน…’

 

เหาฉ่วงนั่นคือยอดฝีมือที่ได้รับว่าเป็นอันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนของภูมิภาคเบื้องบน

 

ครั้งสุดท้ายที่มันปะทะกับต้วนหลิงเทียน ก็ถูกต้วนหลิงเทียนใช้กระบี่นิลสวรรค์ทำลายร่างเนื้อ แต่มันอาศัยการถอดจิตลี้ร่างหลบหนีไป…

 

‘แต่…ว่ากันว่าในบรรดา 3 วัง 6 ตำหนัก นอกจากชนชั้นจ้าววังทั้ง 3 แล้ว ชนชั้นจ้าวตำหนักทั้ง 6 ล้วนมีพลังฝึกปรือแค่เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนเท่านั้นนี่นา…’

 

‘ถ้างั้นชิงหยวนป้าที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ก็ถือว่าแข็งแกร่งเหนือจ้าวตำหนักทั้ง 6 งั้นสิ?’

 

‘ในเมื่อชิงหยวนป้ามันสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง…แล้วไฉนมันต้องไปรับใช้วังวิญญาณอสุราด้วยล่ะ?’

 

ต้วนหลิงเทียนไม่อาจเข้าใจเรื่องนี้ได้

 

หลังคิดไปพักหนึ่ง แต่ยังหาคำตอบไม่ได้ ต้วนหลิงเทียนก็คร้านคิดให้เสียเวลาสืบไป

 

“ท่านพ่อ พวกเรากำลังจะไปหาท่านปู่กับท่านย่ากันหรือ?”

 

ต้วนซือหลิงที่ถูกต้วนหลิงเทียนอุ้มไว้ในอ้อมอก สองตากลมใสกระพริบปริบๆถามออกเสียงจื้อยแจ้วขณะเดินทาง

 

“ใช่แล้ว พ่อจะพาซือหลิงคนเก่งของเราไปหาท่านปู่ท่านย่า”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ากล่าวตอบเสียงอ่อน “แล้ว ซือหลิง อยากเจอท่านปู่กับท่านย่ารึเปล่า?”

 

“อยากเจอๆ! ซือหลิงอยากเจอ!”

 

ต้วนซือหลิงพยักศีรษะน้อยๆระรัวปานลูกเจี๊ยบจิกเม็ดข้าว “ท่านแม่บอกว่าถ้าท่านปู่กับท่านย่าเจอซือหลิง ท่านย่าจะทำของกินอร่อยๆให้ซือหลิง”

 

ต้วนหลิงเทียนได้ยินคำตอบก็ถึงกับพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะหันไปมองเค่อเอ๋อตาปริบๆ

 

จังหวะนี้เค่อเอ๋ออดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมา

 

ก่านหรูเยี่ยนก็มองเรื่องราวอยู่ข้างๆอย่างเงียบงัน

 

ระหว่างเดินทางออกจากเมืองเหรินโม่เชิ่ง เรียกว่าต้วนหลิงเทียนได้ยินแต่คนพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในมรดกสถานทั้งสิ้น ทำให้เขารู้ตัวทันที ว่าตอนนี้เขาสร้างเรื่องใหญ่หลวงไว้ขนาดไหน ยังแทบเลื่อยเสาพวก 2 วัง 6 ตำหนักแล้ว!

 

“ศิษย์ส่วนตัว 2 คนของรองจ้าวตำหนักขจีจรัสกงซุนจิงตกตายในมรดกสถาน…”

 

“ลูกชายบุญธรรมของจ้าววังอัคคีสีชาด กับลูกหลานอาวุโสวังอัคคีสีชาด ชนชั้นอัจฉริยะที่ออกไปแสวงโชค ตกตายอยู่ด้านในไม่เหลือรอดสักคน…”

 

“แถมในบรรดาคนวังวิญญาณอสุรา ที่ตายยังมีบุตรชายของจ้าววังวิญญาณอสุรารวมอยู่ด้วย…”

 

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะพอเดาได้บ้างตอนดูดซับพรสวรรค์รากวิญญาณ ว่าที่เขาฆ่าไปสมควรเป็นชนชั้นหัวกะทิของเผ่าปีศาจมนุษย์…

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดเลยว่าจะมากมายเหนือคาดไปแบบนี้

 

“ยกเว้นนายน้อยสวะทั้ง 3 ของวังเซียนสัญจรที่ตายก่อนที่ข้าจะเข้าไปในมรดกสถานนั่น…คนของวังเซียนสัญจรที่เข้าไปไม่มีใครตายเลย…”

 

สาเหตุของเรื่องนี้ ก็เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนเมตตาละเว้นพวกมัน

 

เหตุผลที่เขาเมตตาพวกมัน ไม่ใช่แค่พวกมันเป็นคนวังเซียนสัญจร

 

แต่ประการแรกเลยพวกมันเป็นมนุษย์เหมือนๆกันกับเขา เลือดในตัวพวกมันล้วนเป็นสายเลือดมนุษย์บริสุทธิ์

 

ประการที่ 2 เพราะการวางตัวของวังเซียนสัญจรนับว่าบ่งบอกเจตนาชัดเจน พวกมันเลือกประวิงเวลาในการเข้าสู่ภูมิภาคเบื้องล่าง เพราะไม่อยากฆ่าพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนพวกปีศาจตนอื่นๆ…

 

ในเมื่อล้วนเกิดมาจากรากเหง้าเผ่าพันธุ์เดียวกัน ไม่คิดเบียดเบียนกัน แล้วไยเขาต้องเข่นฆ่าพวกมันที่เป็นผู้บริสุทธิ์ด้วย

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงไม่ได้ฆ่าคนในวังเซียนสัญจรที่อยู่ในมรดกสถาน

 

‘ตอนนี้เกรงว่าผู้ที่รู้เรื่องทั้งหมด ว่าพวกอัจฉริยะของขุมพลังทั้ง 5 ตายตกด้วยมือข้า ก็เห็นทีจะมีแต่หวงเหวินจิ้งคนเดียว…เพราะสุดท้ายตอนที่ช่วยนางยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณ นางก็เห็นข้าไล่ฆ่าพวกมันเป็นเบือ’

 

ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ในใจ

 

แต่เป็นธรรมดาที่เขาจะเชื่อว่าหวงเหวินจิ้งไม่มีทางแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป

 

ถึงแม้เขาจะไม่ได้อยู่กับนางนานสักเท่าไหร่ แต่นิสัยใจคอของนางเขาพอประเมินได้คร่าวๆ ว่านางเป็นคนฉลาด ย่อมไม่ใช่ชนชั้นเบาปัญญาคิดหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวอะไรแบบนั้น

 

เพราะสุดท้ายแล้วหากนางแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ไม่เพียงแต่เขาจะเดือดร้อนเท่านั้น แต่ตัวนางยังต้องเดือดร้อนหนักไม่แพ้เขาด้วยซ้ำ

 

‘สำหรับหวงฉี่หลิงคงรู้แค่ว่าข้าฆ่าปีศาจเพื่อช่วยชีวิตมันไม่กี่ตัว…แถมข้าไม่ได้เผยตัวออกไป แถมในบรรดาคนที่ตายก็ไม่มีคนของวังเซียนสัญจรแบบนี้มันย่อมไม่ขายข้าแน่นอน’

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงเชื่อว่า ต่อให้ 2 วัง 6ตำหนักจะเดือดดาลเป็นฟืนไฟมากแค่ไหน ก็ไม่มีวันหาตัวเขาเจอ

 

‘โชคดีนักที่ไม่มีผู้ฝึกเต๋าในเผ่าพันธุ์ปีศาจ…ไม่งั้นข้าได้ถูกเปิดโปงแน่’

 

ด้วยไม่มีผู้ฝึกเต๋า ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจไร้สิ่งของอำนวยความสะดวกอย่างยันต์เต๋าไว้ใช้งาน

 

เมื่อไม่มียันต์เต๋า แน่นอนว่าย่อมไม่มียันต์กระจกเงาสะท้อนลักษณ์ รวมถึงยันต์กระจกเงาแม่ลูก

 

ไม่งั้นขอแค่ในบรรดาอัจฉริยะปีศาจสักตนที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าตายมียันต์กระจกเงาลูกอยู่ พวกมันคงรู้กันทั่วแล้วว่าเขาคือฆาตกร!

 

‘ไม่รู้ว่าครั้งต่อไปที่ข้ามาเมืองเหรินโม่เชิ่งจะเป็นยังไง…’

 

หลังออกมาด้านนอกเมืองเหรินโม่เชิ่ง ต้วนหลิงเทียนก็หันมองย้อนไปครู่หนึ่ง ลูกตาเขาหรี่ลงเผยประกายชืดชา

 

และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลย

 

ว่าไม่ไกลจากประตูเมืองทางทิศตะวันออก ปรากฏร่างเผ่าปีศาจมนุษย์ตนหนึ่งลอยล่องอยู่ในอากาศ เป็นชายวัยกลางคนที่ส่ายตาจับจ้องมองสำรวจไปทั่ว

 

มันสามารถแลเห็นทุกคนที่ผ่านเข้าออกเมืองชัดถนัดตา ยังแลเห็นครอบคลุมทุกประตู!

 

และในขณะที่มันกวาดตามองไปทั่วๆ สายตาของมันก็ตั้งใจมองสำรวจทั้งรูปร่างหน้าตาของผู้คน คล้ายกำลังมองหาใครบางคน

 

“ไปกันเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกกสาวน้อยใหญ่ทั้ง 3 ก่อนที่จะเหินร่างออกจากประตูเมืองทิศใต้ของเมืองเหรินโม่เชิ่ง หมายมุ่งหน้าไปยังทวีปมนุษย์

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพาทั้ง 3 เหาะข้ามฟ้าไปนั้น

 

“เป็นมัน!”

 

ชายวัยกลางคนที่ลอยร่างเพ่งมองผู้คนเหนือฟ้าปานรูปปั้น พอสังเกตเห็นร่างต้วนหลิงเทียน สองตามันก็หดหยีลงเผนประกายเรืองวูบ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน

 

“โผล่หัวออกมาเสียที…ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวออกมาเสียที!!”

 

สาเหตุที่มันกล่าวออกเสียงเคียดแค้นถึงขีดสุดนั้น

 

เพราะชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ สมควรเป็นคนที่มันกำลังเฝ้ารอหาตัวอยู่!

 

คนที่ฆ่าลูกชายคนเดียวของมัน!!

 

“หืม?”

 

เมื่อชายวัยกลางคนเพ่งมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยจิตสังหาร ต้วนหลิงเทียนที่ไวต่อสัมผัสประเภทนี้ก็พบได้ทันทีว่ามีคนกำลังมองมา ยังหันไปเห็นชายวัยกลางคนดังกล่าวที่ลอยอยู่ไกลๆทันที

 

“หือ?”

 

เพียงมองปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกว่าชายวัยกลางคนผู้นั้นคุ้นตาอยู่บ้าง แต่ทว่าเขามั่นใจว่าพึ่งเคยเห็นหน้ามันครั้งแรก

 

‘ดูเหมือนข้าจะเคยเห็นคนที่หน้าตาคล้ายๆกับมันมาก่อน…’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

พอเห็นสายตาที่ชายวัยกลางคนจ้องมองเขาอย่างดุร้ายแฝงจิตสังหารแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายสมควรมีความแค้นกับเขาถึงขั้นจะฆ่ากันให้ตาย

 

‘สายตาเคียดแค้นนั่น ทำอย่างกับข้าไปฆ่าบิดาถล่มมารดามันมา…’

 

ทันทีที่คิดถึงจุดนี้ สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอแสงวาบหนึ่งขึ้นมาทันที ด้วยเขานึกออกได้แล้วว่าเคยเห็นคนที่หน้าตาคล้ายชายวัยกลางคนผู้นี้ที่ไหน!

 

‘ก็ว่าอยู่ว่าเคยเห็นคนหน้าตาคล้ายมันที่ไหน…ที่แท้เป็น 1 ใน 3 นายน้อยสวะของวังเซียนสัญจร ที่มีพลังฝึกปรือเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนที่ข้าฆ่าไปคนสุดท้ายคนนั้นนี่เอง’

 

ต้วนหลิงเทียนนึกออกแล้ว

 

ตอนนั้นก่อนที่เขาจะเข้าไปในมรดกสถานที่ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับเทียมสวรรค์ทั้งยังบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะทิ้งไว้นั้น ในบรรดานายน้อยที่เป็นอริของหวงฉี่หลิงและมาหาเรื่องเขา คนที่มีพลังฝึกปรือเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนที่ตายคนสุดท้ายหน้าตาของมันแทบจะถอดพิมพ์เดียวกับชายวัยกลางคนผู้นี้มาเลย!

 

‘ศิษย์วังเซียนสัญจรที่มีพลังฝึกปรือเซียนสวรรค์ 5เปลี่ยนคนนั้น ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเรียกว่าเหอเซินเจี๋ยสินะ…เช่นนั้นนี่ก็สมควรเป็นอาวุโสของวังเซียนสัญจรที่หนุนหลังมัน…’

 

ต้วนหลิงเทียนคาดเดาความเป็นมาอีกฝ่ายได้ทันที

 

อาวุโสวังเซียนสัญจร

 

‘เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนงั้นเหรอ…’

 

สองตาต้วนหลิงเทียนกระพริบวาบหนึ่ง ก่อนที่จะใช้พลังคลุมคนข้างกายทั้ง 3 ค่อยใช้ออกด้วยเวทย์พลังปีกอีกาทองคำ พุ่งร่างไปทางทิศใต้ด้วยความเร็วสูงสุดทันที! ทำราวกับกำลังเร่งรุดหลบหนี!!

 

แน่นอนว่าความเร็วสูงสุดที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก ก็คือความเร็วที่เขาบรรลุถึงได้โดยไม่ใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน!