เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1403
จักรพรรดินีประเทศหลิงเหมือนจะดีใจเป็นอย่างมาก ปรบมือและพูดขึ้นว่า: “ถูกต้อง ก็คือนายนั่นแหละ รีบขึ้นมาโดยเร็ว! ”
ลู่ฝานงุนงงไปหมด ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรกันแน่
หลิงเหยาเองก็ขมวดคิ้วขึ้น ดึงไปที่ชายเสื้อของลู่ฝาน และพูดเบา ๆ ว่า: “ลู่ฝาน เกิดอะไรขึ้นเหรอ! ”
ลู่ฝานตอบกลับเบา ๆ ว่า: “ไม่รู้เหมือนกัน! ”
ขณะที่พูดนั้น ลู่ฝานก็เดินขึ้นไปข้างหน้าด้วย
เท้าของลู่ฝานเหยียบลงไปบนพื้นที่อ่อนนุ่ม แล้วเดินขึ้นไปข้างบน จนมาถึงเบื้องหน้าของจักรพรรดินีประเทศหลิงแล้ว
จักรพรรดินีประเทศหลิงยิ้มอย่างเริงร่า แล้วก็เดินอ้อมมาที่ด้านหลังของลู่ฝาน และเริ่มที่จะลูบคลำไปที่แผ่นหลังของลู่ฝาน
“นายไม่มีปีกจริง ๆ ด้วย พระเจ้า อย่างนั้นนายก็บินไม่ได้น่ะสิ? ช่างน่าสงสารจริง ๆ”
จักรพรรดินีประเทศหลิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เสียดาย
ในสายตาของเธอแล้วหากว่าไม่มีปีก ก็เท่ากับว่าเป็นคนพิการ ทำให้ลู่ฝานถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลย
เวลานี้ ก็มีชายชราคนหนึ่งบินออกมาจากเกสรดอกไม้ และพูดขึ้นว่า: “ฝ่าบาท ระมัดระวังในคำพูดและการกระทำของตนเองด้วย”
น้ำเสียงค่อนข้างเข้มงวด เหมือนกับว่ากำลังอบรมเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อได้ยินเสียงของชายชราผู้นี้แล้ว จักรพรรดินีประเทศหลิงก็ร่างกายสั่นเทาขึ้น เหมือนว่าเธอจะกลัวชายชราผู้นี้อย่างมาก แล้วก็ก้มหน้าลงและพูดว่า: “รู้แล้ว”
จากนั้นก็กลับไปนั่งลงอย่างเรียบร้อยเหมือนเดิม
มหาเสนาบดีหลินที่ยืนอยู่ด้านหน้าของธิดาเทพนั้น ก็ได้ส่งสายตาที่โกรธแค้นไปยังชายชราผู้นั้น
ลู่ฝานค่อย ๆ เดินลงมา และถอนหายใจยาว
เขาเกือบจะนึกว่า จักรพรรดินีประเทศหลิงคนนี้จะชื่นชอบในตัวเขาตั้งแต่แรกเห็นแล้ว
แม้ว่าเขารู้ว่าตนเองหล่อเหลา……
แต่ก็คงจะไม่ถึงกับทำให้ผู้คนชื่นชอบหลงรักตั้งแต่แรกเห็นขนาดนี้หรอก ที่จริงแล้วสาวน้อยคนนี้นั้น ก็แค่อยากจะลูบคลำที่แผ่นหลังของเขาเท่านั้นเอง
หลิงเหยาพูดไปที่ข้างหูของลู่ฝานว่า: “นายนี่ช่างเป็นคนที่ใครเห็นใครก็หลงรักเลยนะ ดูเหมือนจะต้องควบคุมดูแลนายให้เป็นอย่างดีแล้ว”
ลู่ฝานแกล้งยิ้ม เวลานี้ แกล้งทำเป็นงุนงงคือทางออกที่ดีที่สุด
ชายชราเห็นว่าจักรพรรดินีประเทศหลิงเชื่อฟังแล้ว จึงได้บินกลับไปบนเกสรดอกไม้อีกครั้ง
จักรพรรดินีประเทศหลิง พูดขึ้นว่า: “พวกนายมาทำอะไรที่นี่เหรอ? ”
ธิดาเทพพูดขึ้นว่า: “กราบทูลฝ่าบาท ที่หานเยียนมาในครั้งนี้ เพราะได้รับคำสั่งมาจากหอเทวาลัยประเทศเป่ยเสิน ให้ท่องตระเวนใต้หล้า แสวงหาคู่พรหมลิขิต จึงต้องการที่จะสร้างสังเวียนการประลองยุทธขึ้น ในประเทศของท่าน เพื่อทำการประลองยุทธกับชายหนุ่มภายในประเทศแห่งนี้ หวังว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาต”
จักรพรรดินีประเทศหลิงไม่ได้ตอบกลับ เพียงแค่แอบหันมองไปยังชายชราคนนั้นที่อยู่บนเกสรดอกไม้
ชายชราไอเบา ๆ และพูดว่า: “ธิดาเทพหอเทวาลัย ในเมื่อเธอมาเพื่อแสวงหาคู่พรหมลิขิต อย่างนั้นก็แสวงหาได้เลย ทำไมจะต้องจัดตั้งสังเวียนประลองยุทธขึ้นด้วยล่ะ ฉันว่า ธิดาเทพบอกคนที่ต้องการจะตามหาตัวมาให้กับฉัน พวกเราจะไปตามหาแทนเธอเอง ก็ได้แล้ว”
ธิดาเทพยิ้มและตอบกลับว่า: “ก็เป็นเพราะไม่รู้ว่าจะต้องไปตามหาใครยังไงล่ะ ดังนั้นจึงต้องจัดสังเวียนประลองยุทธขึ้น ขอบังอาจถามหน่อยว่า ท่านคือ……”
ชายชราพูดขึ้นว่า: “ฉันคือราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งประเทศหลิง หลินเฟยอวี่! ”
ธิดาเทพพูดขึ้นว่า: “ท่านราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ การประลองยุทธนั้นคือเรื่องเล็ก แสวงหาคู่พรหมลิขิตต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่ ฉันหานเยียนได้ตระเวนไปทั่วหลากหลายประเทศแล้ว โดยต่างก็ได้จัดสังเวียนประลองยุทธขึ้น ขอให้ฝ่าบาทประเทศหลิงทรงอนุญาตด้วย”
หลินเฟยอวี่สีหน้าย่ำแย่ลงเล็กน้อย และพูดว่า: “ธิดาเทพ ฉันไม่สนว่าเธอจะไปตระเวนมากี่ประเทศแล้ว เพียงแต่ตอนที่อยู่ในประเทศของฉัน ก็จะต้องปฏิบติตามกฎระเบียบของประเทศหลิงของพวกเรา พวกเราประเทศหลิงหากจัดสังเวียนประลองยุทธก็จะเกิดคนตาย เมื่อถึงตอนนั้นหากทำให้ธิดาเทพบาดเจ็บแล้วล่ะก็ คงจะไม่ดีเป็นแน่ ซึ่งหากว่าธิดาเทพตายลงในประเทศหลิงของพวกเรา อย่างนั้นก็จะทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งกันระหว่างของทั้งสองประเทศไม่ใช่เหรอ”
ธิดาเทพพูดเสียงดังว่า: “ท่านราชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์วางใจได้ การประลองยุทธบนสังเวียนนั้น จะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา หากว่าวิทยายุทธของฉันไม่เพียงพอ แล้วตายลงด้วยฝีมือของนักบู๊ประเทศหลิง อย่างนั้นก็เท่ากับว่าโชคชะตาของฉันสิ้นสุดลง ไม่มีทางเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองประเทศได้ ท่านสามารถจดบันทึกคำพูดเหล่านี้ของฉันเอาไว้ได้เลย”