บทที่ 1101 เคล็ดวิชาวิญญาณปีศาจ

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1101 เคล็ดวิชาวิญญาณปีศาจ

สิ่งที่ทำให้นางโกรธโมโหก็คือ เสื้อผ้าหลินซือหย่วนหลุดลุ่ย บนตัวมีร่องรอยกำกวม

ผมสีดำของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวราวกับหิมะตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

ใบหน้าซีดจนไร้เลือดฝาด

แม้แต่ร่างกายของเขาก็ปราศจากเลือด

นางมีความรู้ทางการแพทย์ มองดูก็รู้ว่า เขาสูญเสียเลือดมาก

หรือจะพูดว่า เลือดในร่างกายของเขาถูกสูบจนเกือบหมด

สูบเลือดของคนคนหนึ่งจนหมด แล้วก็ทำลายเขา วิธีนี้โหดเหี้ยมอย่างมาก

กู้ชูหน่วนอดกลั้นไว้ที่จะไม่พุ่งเข้าไปอย่างวู่วาม มองดูพวกขันทีหามพวกเขาขึ้นมาใหม่อย่างหยาบคาย แล้วคลุมด้วยผ้าสีขาว

หูของนางอ่อนไหว สามารถได้ยินเสียงพวกขันทีบ่นพึมพำ

“ผู้ชายคนนี้คงยังไม่ตายมั้ง?”

“เจ้าดูผิดไปหรือเปล่า หลายปีมานี้ราชินีร่วมรักกับคุณชายมากมายขนาดนั้น มีใครไม่ตายหลังจากร่วมรักแล้วบ้าง เขาจะยกเว้นได้อย่างไร”

“ไม่ใช่ เมื่อกี้ข้าเห็นมือของเขาขยับจริงๆ หรือเราลองตรวจดูลมหายใจของเขาก่อนไหม”

“เจ้าไม่กลัวตายหรือ? เบื้องบนสั่งมาว่าให้เผาพวกเขาเสีย เอาเถ้ากระดูกโยนลงบ่อคืนวิญญาณ เราทำตามก็พอ สนใจทำไมว่าเขาจะเป็นหรือตาย”

“ก็ถูก ช่วงนี้ยิ่งอยู่อารมณ์ของราชินีก็ยิ่งแย่ เราอย่าหาเรื่องเดือดร้อนดีกว่า”

พวกขันทียกศพออกไปแล้ว

กู้ชูหน่วนยังคงมองไปยังทิศทางที่พวกเขาจากไปเป็นเวลานานอย่างไม่มีการตอบสนองใด ๆ

ขันทีที่คอยนำทางพูดขึ้นว่า “หมอจิน ท่านรักษาคุณชายเย่หายดี ราชินีจะต้องให้รางวัลท่านแน่ โรงหมออยู่ข้างหน้า รบกวนท่านเดินไปกับข้าน้อยอีกหน่อย”

“กงกง ราชินีต้องร่วมรักทุกคืนเลยหรือ…..อืม….คุณชายมากมายหรือ?”

“เลือดลมราชินีอุดมสมบูรณ์ ร่วมรักกับคุณชายมากหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ”

“ความชอบของราชินีพิเศษจริงๆ คนปกติกล้าเข้ามาถวายตัวหรือ? ไม่รู้ว่าคุณชายพวกนั้นเข้ามาในวังได้ยังไง?”

“ซูว หมอจิน ท่านเป็นหมอมาจากนอกวัง คงไม่รู้กฎภายในวัง คำพูดบางอย่างจะพูดไปเรื่อยไม่ได้ ระวังหัวจะหลุดจากบ่า”

“ข้าเพียงข้าแปลกใจ”

“ไปเถอะ ข้าน้อยพาท่านไปยังโรงหมอก่อน”

“ดี”

กู้ชูหน่วนกะพริบตา

เคลื่อนไหวฝ่ามือ ผงยาถูกโปรยออกไปอย่างไร้ร่องรอย

ขันทีคนนำทางสูดดมเข้าไป รีบเอามือกุมท้องพร้อมขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “โอ้ย….ปวดมาก….จู่ๆทำไมข้าถึงปวดท้องขนาดนี้?”

“กงกง ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม ให้ข้าช่วยท่านตรวจดู”

“คือ….รบกวนด้วย”

กู้ชูหน่วนตรวจชีพจรให้อย่างยิ้มแย้ม ขันทีนำทางเจ็บปวดจนเหงื่อแตก ปกปิดส่วนบั้นท้ายอย่างไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์

“เป็นอย่างไรบ้าง นี่ข้าเป็นอะไร…..ไอโย้…เจ็บมากเลย…..”

“ไม่มีอะไร ทานอาหารเป็นพิษเท่านั้นเอง เข้าห้องน้ำก็ดีขึ้นแล้ว”

“แต่ข้ายังต้องพาท่านไปยังโรงหมอหลวง……”

“หากเจ้ายังไม่ไปห้องน้ำ ก็จะราดใส่กางเกงแล้วนะ เอาแบบนี้ โรงหมอหลวงอยู่ที่ไหน เจ้าบอกข้ามา เดี๋ยวข้าไปเอง”

ขันทีนำทางไม่กล้าให้นางไปคนเดียว

จนใจที่ตนเองปวดท้องอย่างมาก หากยังไม่ไป ตนเองก็รับไม่ได้แล้ว

ทำได้เพียงบอกตำแหน่งโรงหมออย่างคร่าวๆ จากนั้นก็รีบไปห้องน้ำโดยเร็ว

ขันทีไปแล้ว กู้ชูหน่วนเร่งฝีเท้าตามพวกขันทีที่แบกศพออกไป

ค่ำมืดแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่เปลี่ยว กู้ชูหน่วนแปลงโฉมใหม่เป็นนางกำนัล ผ่านพวกองครักษ์ราชตระเวนไปได้สำเร็จ

เดินตามมาตลอดทาง

นางมาถึงตำหนักร้างแห่งหนึ่ง

พวกขันทีน้อยกำลังก่อกองไฟขึ้นมา กำลังจะจุดไฟเตรียมเผาศพ

ลมเย็นๆพัดมา รอบข้างตำหนักปลูกต้นหวู่ถงไว้ไม่น้อย ลมเย็นพัดผ่าน เสียงใบไม้ปลิวส่งเสียงดัง

ค่ำคืนนี้อากาศหนาว ยังมีลมด้วย

พยายามจุดไฟอยู่หลายครั้งก็ไม่ติด พวกขันทีน้อยร่างกายสั่นเทา

“น่าแปลก ทำไมวันนี้จุดไฟยังไงก็ไม่ติด คุณชายชุดเทาคนนั้นยังไม่ตายหรือเปล่า?”

“คนตายยังไม่กลัว ยังจะกลัวคนเป็นทำไม?”

“จะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้ ราชินีทารุณย่ำแย่ขนาดนั้น ยังจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร ตายอย่างอนาถจนกลายเป็นผีแล้วหรือเปล่า”

“เจ้าอย่าหลอกตนเอง รีบจุดไฟ”

“ข้ากำลังจุดอยู่ แต่ข้าจุดไม่ติด”

พวกขันทีน้อยหวาดกลัว กู้ชูหน่วนจึงแกล้งส่งเสียงผีหลอก ร้องอย่างโหยหวนขึ้นมา พวกขันทีน้อยตกใจจนสีหน้าขาวซีด ร่างกายสั่นเทา กระทั่งกอดตัวกลม

“มีผีจริงๆ มีผีจริงๆ…..เราแบกศพมาเผาทุกคืน พวกเขาจะต้องโกรธแค้นพวกเราแน่ ทำยังไงดี…..”

“เจ้ามีสติหน่อย บนโลกนี้มีผีที่ไหน?”

“ไม่มีผีได้ยังไง บ่อคืนวิญญาณอยู่ไม่ไกล ที่นอนอยู่ในนั้น ล้วนเป็นผีที่ถูกทรมานจนตาย”

“ฮู……ฮู……ฮู…….”

ลมพัดกระหน่ำ

เสียงร้องไห้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งดัง

กระทั่งมีเสียงดังแววมาเป็นครั้งคราวว่า “ข้าตายอย่างอนาถ…..ข้าตายอย่างอนาถ ทำไมพวกเจ้าจะต้องเผาข้า ทำไมแม้แต่ร่างก็ไม่ทิ้งไว้ให้ข้า……”

“อ้าก……”

ขันทีน้อยทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ร้องตะโกนขึ้นมาพร้อมวิ่งหนีไป

มั่นใจว่าไม่มีคนอยู่แล้ว กู้ชูหน่วนรีบเดินไปตรงศพ แกะผ้าขาวแต่ละผืนออก ตามหาเงาร่างที่คุ้นเคย

ในที่สุด นางก็ตามหาหลินซือหย่วนจนเจอ

กู้ชูหน่วนตรวจดูชีพจรของนาง

แล้วก็เป็นเหมือนอย่างที่นางคิด เขาถูกสูบเลือดไปจนหมดแล้ว ไม่เหลือแม้เพียงนิดเดียว

ตามร่างกายของเขายังมีร่องรอยถูกทำร้าย

รวมทั้งร่องรอยของการถูกร่วมรัก

น่าโมโห

กู้ชูหน่วนโกรธอย่างมาก

ความอำมหิตของทรราชอยู่เหนือจินตนาการของนางจริงๆ

เส้นเอ็นและเส้นเลือดของหลินซือหย่วนขาดหมดแล้ว บนก็ร่างกายก็ไม่มีเลือดหลงเหลือเลย ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

ลมหายใจของเขาแผ่วเบา ลมหายใจออกเยอะกว่าลมหายใจเข้า หากไม่สังเกตดีๆก็จะไม่สามารถรู้ได้

กู้ชูหน่วนประคองเขาลุกขึ้นมานั่ง เอามือของตนวางบนตัวเขา กำลังภายในถูกส่งเข้าไปภายในร่างกายหลินซือหย่วนอย่างต่อเนื่อง

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ลมหายใจหลินซือหย่วนค่อยดีขึ้นมาหน่อย

เขาลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้า สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือกู้ชูหน่วน

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ในวัง หญิงทรราชคนนั้นใช้วิธีอะไรสูบเลือดของเจ้าจนไม่เหลือเลยขนาดนี้”

ในใจกู้ชูหน่วนเต็มไปด้วยคำถาม

ไม่เพียงหลินซือหย่วน ผู้ชายหลายสิบคนพวกนี้ล้วนตายสภาพเดียวกันกับหลินซือหย่วน

หลินซือหย่วนมองเห็นกู้ชูหน่วน พร้อมถอนหายใจออกมายาวๆ

เขาคิดไม่ถึงว่าก่อนตาย ยังสามารถได้เห็นกู้ชูหน่วน

“คือ…คือราชินีสูบ….สูบไป…..นาง….นางกำลังฝึกพลังชั่วร้าย….ต้องสูบ…สูบเลือดเป็นจำนวนมาก…ตลอดจนสูบเอาจื้อหยาง…..พลังวิชา”

ฝึกพลังชั่วร้าย?

พลังชั่วร้ายอะไรถึงต้องสูบเลือดคนแบบนี้?

และยังเป็นจำนวนมาก?

“งาน….งานชุมนุมควบคุมสัตว์….เป็นแผนร้าย….ผู้ชายที่ค่อนข้างมีความสามารถ….ล้วน….ล้วนถูกราชินีจับตัวมา…พวกเขา…เป็นเหมือนกับข้า ล้วนถูกสูบ….สูบเลือด…..”

กู้ชูหน่วนจะพูดว่าไม่ตกใจก็เป็นเรื่องไม่โกหก

งานชุมนุมควบคุมสัตว์เป็นการรวมตัวคนหนุ่มทั่วทั้งแคว้นน้ำแข็ง กระทั่งทั่วทั้งทวีปปิงหลิง

หากทำลายพวกเขาจนหมด งั้นทวีปปิงหลิงในอีกหลายสิบปี หรือร้อยปีล้วนจะต้องตกอยู่ในสภาวะน่าเศร้า

นางวางหมากรุกใหญ่ขนาดนั้น เพียงเพื่อฝึกฝนพลังชั่วร้าย

“งั้นพวกหัวหน้าสี่ตระกูลใหญ่รู้เรื่องนี้ไหม?”

หลินซือหย่วนส่ายหัว