ตอนที่ 728 ขอเพียงเจ้าชื่นชอบ สามีย่อมต้องขยันขันแข็งให้มาก

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตอนที่ 728 ขอเพียงเจ้าชื่นชอบ สามีย่อมต้องขยันขันแข็งให้มาก 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน ? ? ? 

 

 

ขณะที่นางกำลังมีสีหน้างงงวยอยู่นั้น หลุนจ่วนอ๋องก็ส่งกวนอิมประทานบุตรยัดใส่ในอ้อมแขนของนางอย่างเรียบร้อย 

 

 

หนักไม่น้อยทีเดียว! 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูกวนอิมประทานบุตรในอ้อมแขน แล้วก็หันไปมองดูหลุนจ่วนอ๋องอีกครั้ง กวนอิมองค์นี้ดูแล้วมีสง่าราศียิ่งนัก ลักษณะเหมือนกับตัวเขาไม่มีผิด 

 

 

เจ้านี่ก็ช่าง…เป็นถึงยมราชผู้หนึ่ง กลับเชื่อถือในพุทธศาสนาแบบตะวันออกด้วยหรือ? 

 

 

แต่ถึงจะกระนั้นก็ตาม ตู๋กูซิงหลันก็ยังนำกวนอิมประทานบุตรองค์นั้นไปเก็บรักษเอาไว้อย่างระมัดระวัง น้ำใจนี้นางจะรับอาไว้อย่างแน่นอน 

 

 

คนที่มีคุณภาพอย่างนางและเสี่ยวเฉวียนเฉวียน หากว่าไม่คลอดเจ้าตัวน้อยอออกมาเพิ่มพูนความสุขให้กับใต้หล้าให้มากๆหน่อย ก็ต้องนับว่าขาดทุนไปแล้ว 

 

 

ภายภาคหน้ายังมีเวลาอีกยาวไกล มีเจ้าตัวน้อยเยอะๆก็นับว่าน่าสนุกดี มิเช่นนั้นมิต้องเบื่อหน่ายแย่หรอกหรือ? 

 

 

ช่างบังเอิญจริงๆ หลุนจ่วนอ๋อเองก็คิดเช่นนั้น 

 

 

ก่อนหน้านี้เพียงแต่ได้ยินเสียงจากยันต์สื่อสารของฉู่เจียง มิได้มีโอกาสมาเห็นหน้าค่าตาว่าตัวจริงเป็นเช่นไร 

 

 

ตอนนี้เมื่อได้พบท่านอ๋องแล้ว ก็ยิ่งทำให้เขาร้อนใจอยากให้ทั้งสองมีบุตรไวๆ 

 

 

หมิงอ๋องที่ทรงเป็นดังต้นไม้โบราณที่พึ่งจะยอมออกดอก นี่ช่างนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีของเผ่าหมิงแล้ว 

 

 

หวังเฟยแม้ว่าจะทรงดูนุ่มนิ่มไปบ้าง แต่ว่าฝ่าบาทย่อมสามารถปกป้องนางได้อย่างดีแน่นอน 

 

 

จีเฉวียนเห็นตู๋กูซิงหลันนำกวนอิมประทานบุตรไปเก็บเอาไว้ในถุงเฉียนคุนเป็นอย่างดี อีกทั้งสองข้างแก้มของนางก็ยังแดงระเรื่อขึ้นมา เขาก็ขยับเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของนางเบาๆว่า “ขอเพียงเจ้าชื่นชอบ สามีย่อมต้องขยันขันแข็งให้มาก” 

 

 

เหล่ายมราชทั้งหลาย “! ! ! ” 

 

 

พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าท่านอ๋องเปลี่ยนไปแล้ว! 

 

 

พริบตาเดียว ใบหน้าของตู๋กูซิงหลันก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำขึ้นมา ในสมองปรากฏภาพต่างๆมากมาย แต่ว่านางก็ยังคงตอบรับว่า “ก็ดี” กลับไป 

 

 

ผู้คนทั้งหลาย “…..” 

 

 

ซือหลินกับเหล่านักรบสวรรค์ทั้งหลายต่างก็รู้สึกว่าพวกตนกำลังถูกดูถูก 

 

 

ฉากในวันนี้ พวกเขากลายเป็นเพียงตัวตลกริมทางที่มาเพิ่มพูนสีสันให้กับงานแต่งงานของผู้อื่นเท่านั้น 

 

 

สีหน้าของซือหลินย่ำแย่ นางมองดูเหล่านักรบสวรรค์ที่พากันล่าถอยกลับมา แล้วก็หันไปมองดูเหล่ายมราชทั้งเจ็ด หากเป็นเช่นนี้ เกรงว่าวันนี้พวกนางคงไม่อาจล่าถอยโดยราบรื่น 

 

 

นางติดตามรับใช้ซือเป่ยมาโดยตลอด ย่อมรู้ดีว่าพวกยมราชทั้งหลายแข็งแกร่งเพียงไร 

 

 

พวกนั้นมีความสามารถพอที่จะงัดข้อกับเหล่าแม่ทัพชั้นยอดของแดนสวรรค์ได้อย่างแน่นอน 

 

 

แม้แต่นายท่านของตนเอง ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถเอาชนะพวกยมราชได้ 

 

 

ดูท่า พวกเผ่าภูติคงจจะมีการเตรียมการเอาไว้ก่อนแล้ว พวกมันคงคิดจะฟื้นฟูเผ่าขึ้นมาอีกครั้ง….. 

 

 

หากว่าสามารถรวบรวมยมราชอีกสามตนได้ครบ ซือหลินคาดว่าพวกนี้จะต้องบุกขึ้นไปบนแดนสวรรค์อย่างแน่นอน 

 

 

นางสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ คิดว่าจะอย่างไรก็สมควรจะล่าถอยก่อนดีกว่า 

 

 

ดวงตาคู่นั้นหรี่ลง มองดูมารอสูรที่กำลังเริ่มบินวนอยู่รอบกายหยวนเมิ่ง 

 

 

หยกวิญญาณที่จีเฉวียนมอบให้หยวนเมิ่ง สามารถปิดกั้นพลังมารในร่างของนางได้อย่างมิดชิด แต่ว่ามิใช่กับมารผึ้งพิษของนาง 

 

 

ตอนที่มารผึ้งพิษได้เห็นมารค้างคาวนั้น มันก็แทบจะกวักมือทักทาย แสดงตนออกไปกับอีกฝ่ายแล้ว 

 

 

แม้ว่ามารค้างคาวจะไม่รู้สึกถึงตัวตนของหยวนเมิ่ง แต่ว่ามันพบตัวมารผึ้งพิษแล้ว 

 

 

ดังนั้นจึงบินวนอยู่รอบกายหยวนเมิ่งไม่หยุด 

 

 

มันมีขนาดเล็กมาก ตัวเพียงแค่หัวแม่โป้งเท่านั้นเอง จึงทำให้ยากจะเป็นที่สังเกตของผู้อื่น อย่าว่าแต่ตอนนี้ความสนใจของผู้คนทั้งหมดก็พุ่งไปที่จีเฉวียนและตู๋กูซิงหลันอีกด้วย 

 

 

คราวนี้ สายตาของซือหลินจึงไปหยุดอยู่ที่ร่างของหยวนเมิ่ง 

 

 

เป็นนาง? 

 

 

ซือหลินแปลกใจอยู่บ้าง แต่นางก็รีบจดจำลักษณะของหยวนเมิ่งเอาไว้ในใจ 

 

 

แม้ว่าจะเจอตัวองค์หญิงของเผ่ามารแล้ว แต่ว่าหากจะนำกลับไปในตอนนี้ เกรงว่าคงจะค่อนข้างยากลำบาก 

 

 

นางรีบสั่งให้เหล่านักรบสวรรค์ทั้งหมดล่าถอยอย่างรวดเร็วกว่าเดิม 

 

 

นางจะต้องนำสิ่งที่ตนเองพบเห็นกลับไปบอกนายท่าน พละกำลังของนางสู้จีเฉวียนและตู๋กูซิงหลันไม่ได้ สมควรนำเรื่องทั้งหมดกลับไปเรียนนายท่านพิจารณาด้วยตนเองจึงจะถูก 

 

 

การล่าถอย เป็นการทางเลือกที่ดีที่สุด 

 

 

ทันทีที่ซือหลินออกคำสั่ง เหล่านักรบสวรรค์ก็รีบกลับมารวมตัวกันที่ข้างกายของนาง 

 

 

แต่ว่ายังไม่ทันกลับมาถึงข้างกายของซือหลิน ก็เห็นว่าในพายุสีดำนั้นมีไอปีศาจสีแดงและขาวที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวกำลังพวยพุ่งออกมา 

 

 

ทันใดนั้น ก็มีจิ้งจอกเก้าหางที่มีสีแดงราวเปลวเพลิงขนาดใหญ่และเล็กปรากฏตัวขึ้นมา! 

 

 

จิ้งจอกเก้าหางตัวใหญ่นั้น มีความเร็วประดุจสายฟ้า เพียงพริบตาเดี๋ยวก็สกัดทางหลบหนีของพวกเขาเอาไว้แล้ว 

 

 

“เอ๋? พวกเทพบนสวรรค์ก็รู้จักเป็นทหารหนีทัพเหมือนกันหรือนี่?” 

 

 

พอจิ้งจอกตัวใหญ่ตัวนั้นเอ่ยปาก ก็ส่งเสียงดังกังวานออกมา 

 

 

ทันทีที่นางเอ่ยจบ ปลายหางอันใหญ่โตทั้งเก้าหางก็กวาดเข้าใส่นักรบสวรรค์ ตบพวกมันจนร่วงจากบนฟ้าลงมาบนพื้น 

 

 

เหล่านักรบเทพยังไม่ทันได้ตอบโต้ก็ตกลงมากระแทกกับพื้นด้วยความเร็วดุจลูกกระสุน 

 

 

แผ่นหินแกรนิตสีเขียวอมฟ้าที่ปูพื้นถึงกับแตกเป็นหลุมลึกไปหลายแห่ง 

 

 

ทำเอาตู๋กูซิงหลันที่อยู่บนกำแพงสูงชักจะร้อนใจขึ้นมา “พี่สาวต๋าจี่ เบาได้ก็เบาด้วย พื้นของเรา…” 

 

 

ถึงอย่างไรก็เป็นพื้นที่ของตนเอง ตู๋กูซิงหลันย่อมปวดใจอยู่บ้าง 

 

 

นางคิดไม่ถึงเลยว่า แม้แต่พี่สาวต๋าจี่ก็ยังมาแล้ว 

 

 

หากตู๋กูซิงหลันจำได้ไม่ผิดละก็ นับตั้งแต่ที่ตี้ซินทรยศนางในครั้งนั้น ต๋าจี่ก็ไม่เคยก้าวออกมาจากหุบเขาหมื่นปีศาจอีกเลย เพื่อมาร่วมงานแต่งงานของตน นางถึงกับยอมแหกกฎที่จะไม่ออกจากหุบเขาหมื่นปีศาจ เดินทางมาด้วยตนเองกระนั้นหรือ? 

 

 

ตู๋กูซิงหลันปลาบปลื้มใจยิ่งนัก 

 

 

พอนางเอ่ยปากยับยั้ง จิ้งจอกตัวใหญ่ถึงได้หยุดมือ ส่วนจิ้งจอกตัวเล็กก็เล่นงานพวกมันต่อไป 

 

 

พอพี่สาวน้องชายคู่นี้ระเบิดพลังปีศาจออกมา ก็ทำเอานักรบสวรรค์ทั้งหลายถึงกับรับมือไม่ทัน 

 

 

ซือหลินถึงกับตาค้าง 

 

 

ไอปีศาจนั่น…. 

 

 

พอซูจี่และซูเยาเป็นร่างเป็นมนุษย์ ร่อนลงไปที่ข้างกายตู๋กูซิงหลัน สมองของซือหลินค่อยคิดถึงสองคนขึ้นมาได้ 

 

 

ตี้ซินกับซูต๋าจี่ 

 

 

ตี้ซินเป็นถึงเสด็จอาเล็กของตี้เสีย ตอนที่ลงมาบนโลกเพื่อฝึกฝนตนเอง กลับได้เจอกับจิ้งจอกเก้าหางซูต๋าจี่โดยบังเอิญ…. 

 

 

เรื่องในตอนนั้น สามารถพูดได้ว่าเหล่าเทพในแดนสวรรค์ไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้เรื่อง 

 

 

เพียงเมื่อผ่านวันคืนเนิ่นนานเข้า ชื่อของต๋าจี่นี้ก็ถูกลืมเลือนไปบ้างแล้ว 

 

 

คิดไม่ถึงว่าวันนี้นอกจากนางจะได้เจอยมราชทั้งเจ็ดแล้ว ก็ยังได้พบกับซูต๋าจี่อีกด้วย! 

 

 

ซือหลินชักจะสงสัยแล้วว่าโชคชะตาของตนตอนนี้ออกจะไม่ค่อยดีใช่หรือไม่! 

 

 

เหล่าราษฎรต่างก็ยิ่งตกตะลึงกว่าเดิม! 

 

 

พวกเขากำลังได้เห็นคนที่เคยอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์! 

 

 

วันนี้ไม่เพียงแต่ได้เห็นเทพบนสวรรค์ มังกรผงาดบนฟ้า ตอนนี้แม้แต่กระทั่งจิ้งจอกเก้าหางก็ยังได้พบเห็นถึงสองตัว! 

 

 

จิ้งจอกเก้าหางได้รับความเคารพนับถือในดินแดนโบราณมาช้านาน เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและความรุ่งเรือง ฝูงชนพอได้เห็นต่างก็อยากจะกราบกราน 

 

 

อีกด้านหนึ่งซูจี่แลซูเยาสองพี่น้องแปลงร่างกลายเป็นมนุษย์ยืนอยู่บนกำแพงสูง 

 

 

ยังดีที่กำแพงสูงของพระราชวังแห่งนี้ช่างกว้างขวาง จึงสามารถจุผู้คนได้จำนวนมากมาย 

 

 

“อาหลัน!”  

 

 

พอซูเยาได้เห็นตู๋กูซิงหลันสวมใส่ชุดแต่งงาน น้ำตาก็พาลจะไหลลงมา 

 

 

ทั้งโศกเศร้าและดีใจ 

 

 

เป็นความรู้สึกที่แสนจะซับซ้อน 

 

 

ที่เขาโศกเศร้า ก็เพราะจนถึงนาทีสุดท้าย ตัวสำรองอย่างตนเองก็ยังไม่มีโอกาส…. 

 

 

ที่ดีใจก็คือ ในที่สุดอาหลันก็จะได้พบความสุขที่ตนเองต้องการ 

 

 

เขาทางหนึ่งก็แสนเสียดาย อีกทางก็อยากอวยพรให้นางมีความสุข หัวใจที่ขัดแย้งในตนเองนี้ทำเอาเขาต้องทรมานอยู่ไม่น้อย 

 

 

นับตั้งแต่ที่นางถอดจิตวิญญาณขึ้นไปบนแดนสวรรค์ พวกเขาก็ยังไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย 

 

 

ใครจะไปคิดว่า พอได้พบกันอีกครั้ง นางก็สวมใส่ชุดสีแดงเพลิง ตระเตรียมจะกลายเป็นภรรยาของผู้อื่นแล้ว 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูสองพี่น้องคู่นี้ ด้วยนัยตาที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม 

 

 

“พี่สาวต๋าจี่ เจ้าจิ้งจอกน้อย เห็นพวกท่านสามารถมาได้ ข้ารู้สึกดีใจมากจริงๆ” 

 

 

ว่าแล้ว นางก็คิดจะเข้าไปกอดคนทั้งสอง 

 

 

หากมิใช่เพราะว่า….จีเฉวียนไม่ยอมปล่อยมือ นางก็คงจะเข้าไปกอดจริงๆ 

 

 

สำหรับจีเฉวียนแล้ว เจ้าจิ้งจอกสองตัวนี้ คือศัตรูความรัก หืม จะประมาทมิได้โดยเด็ดขาด 

 

 

………….