ตอนที่ 1130 บรรยากาศอันเลวร้ายป่าเถื่อน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มังกรดำน้อยที่ถูกนำตัวเข้ามาได้ถูกชะล้างร่างกายจนสะอาดหมดจด พร้อมทั้งเปลี่ยนชุดคลุมยาวสีดำที่เรียบร้อยดูดีและมัดผมอย่างเป็นระเบียบไม่ได้ยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว

เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นด้วยอยากจะมองมู่เฉียนซี

ใบหน้าที่งดงามราวกับแกะสลักได้เผยออกมา ถึงแม้ว่ายังดูละอ่อน แต่ด้วยใบหน้าที่งดงามนี้สามารถดูออกว่าต่อไปจะต้องเติบโตมามีรูปร่างหน้าตาที่งดงามอย่างแน่นอน

สัตว์เทพแปลงกายมาเป็นร่างมนุษย์ล้วนแต่ดูดีทั้งสิ้น แต่ว่ารูปร่างหน้าตาภายนอกของเด็กผู้นี้กลับรูปงามกว่ามังกรเผ่าอื่นที่นางเคยได้เห็นมา

ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นก็ตกใจผงะไปเช่นกัน นึกไม่ถึงว่ามังกรดำน้อยตัวนี้จะรูปร่างหน้าตารูปงามได้ถึงเพียงนี้

“ซี!” จิ่วเยี่ยดึงมู่เฉียนซีเข้ามาในอ้อมแขน

ต่อให้เป็นเด็กน้อยผู้หนึ่ง เขาก็ไม่อยากจะให้ซีมองนานนัก

มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงแม้พวกเจ้าจะคิดว่าเผ่ามังกรดำเคยกระทำความผิด แต่นั่นก็เป็นบรรพบุรุษเหล่านี้ของเขา ส่วนพวกเขานั้นล้วนแต่ยังไม่ถือกำเนิดออกมาเลย พวกเจ้าอติเช่นนี้ มันไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเขาเลย”

ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “เฮ้อ! ข้าก็ใช่ว่าจะเป็นคนไร้เหตุผล แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ในแดนมังกรในตอนนี้แล้วพวกเราก็ พวกเราก็…”

“เช่นนั้นต่อไปพวกเราจะทำให้เด็กผู้นี้มีชีวิตอย่างสุขสบายขึ้นมาสักหน่อยก็แล้วกัน แต่เกาะลอยฟ้านี้ท่านมังกรวารีจะอยู่นานไม่ได้เด็ดขาด พวกมันเห็นท่านแล้ว ไม่รู้ว่าท่านมังกรวารีมีความคิดเห็นเช่นไร?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าอยากไปเกาะราชามังกร”

ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “เกาะราชามังกร! ท่านมังกรวารี นี่ท่านจะไปเกาะราชามังกร นี่ท่านไม่รู้หรอกเหรอว่าสิบปีก่อนเกาะราชามังกรได้ถูกปิดผนึกไปโดยสมบูรณ์แล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าว “ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการบำเพ็ญ น้อยนักที่จะได้รู้ข่าวภายนอก เกาะราชามังกรถูกปิดผนึกแล้ว ตกลงมันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”

เรื่องราวนั้นมันจัดการได้ยากกว่าที่นางได้จินตนาการเอาไว้!

ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นกล่าว “เนื่องจากเผ่าราชามังกรได้สูญเสียสายเลือดรุ่นสุดท้ายไป จึงได้ปิดผนึก! ส่วนมันเกิดเรื่องอันใดขึ้นถึงต้องถูกปิดผนึก ท่านเจ้าเมืองเมืองเล็ก ๆ อย่างข้าก็ไม่อาจรู้ได้ ข้า…ข้า ทำให้ท่านมังกรวารีผิดหวังแล้ว”

“เกาะราชามังกรได้สูญเสียสายเลือดมังกรรุ่นสุดท้ายไป ก็เท่ากับว่าได้สูญเสียการดำรงอยู่ไปด้วย เหล่าท่านผู้อาวุโสแห่งเกาะราชามังกรก็ต้องเก็บตัวบำเพ็ญเนื่องจากเกาะราชามังกรได้ถูกปิดผนึกไป สถานการณ์ของเผ่ามังกรนับวันยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ แล้ว”

มู่เฉียนซีพึมพำ นี่มันแย่ซะที่ไหนกันเล่า! เผ่ามังกรทั้งเผ่าวุ่นวายจนเละเป็นโจ๊กเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะไปหาคลังเก็บของล้ำค่าของเผ่ามังกรได้จากที่ใดกัน!

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เกาะราชามังกรถูกปิดผนึก นั่นเป็นเพราะว่าไม่มีผู้ใครสามารถหาตำแหน่งของมันเจอใช่หรือไม่?”

“ใช่! โลกภายนอกมันช่างวุ่นวายยิ่งนัก ท่านมังกรวารี ก่อนที่ยังไม่ได้เลื่อนขั้นเป็นสัตว์เทพ ข้าว่าท่านรีบกลับไปยังเผ่ามังกรวารีก่อนเถอะ!”

ทว่า การจะเลื่อนขึ้นเป็นสัตว์เทพมันช่างยากเสียนี่กระไร!

เผ่ามังกรของพวกเขาไม่ได้กำเนิดสัตว์เทพตัวใหม่มานานมากแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “ขอบใจคำแนะนำดี ๆ ของท่านเจ้าเมืองอวิ๋นมาก”

ข่าวที่ได้รู้มาจากท่านเจ้าเมืองอวิ๋นนั้นไม่เลวเลย มู่เฉียนซีมองไปที่มังกรดำน้อยผู้นั้นและกล่าวว่า “มังกรดำน้อย เจ้าชื่ออะไรล่ะ?”

มังกรดำน้อยมองมู่เฉียนซีด้วยความสับสนก่อนจะกล่าวว่า “ชื่อ ขะ ข้าไม่มีชื่อ”

นับตั้งแต่ได้กำเนิดเกิดออกมาก็ดูเหมือนจะถูกเรียกว่าผู้กระทำกรรมชั่วมาโดยตลอด ไร้ญาติสนิทมิตรสหายอยู่ข้างกาย แต่ไหนแต่ไรมาไม่ผู้ใดตั้งชื่อให้เขาเลย

เขามองหน้ามู่เฉียนซีตาปริบ ๆ พลางกล่าวว่า “ท่านมังกรวารี ทะ ท่าน ท่านตั้งชื่อให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”

แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังคู่นั้นดูเหมือนว่าจะทำให้คนไม่สามารถปฏิเสธได้

“เฮยเย้า”

เผ่ามังกรดำมีเกียรติ! คงต้องมีสักวันหนึ่งที่เผ่ามังกรทุกเผ่าจะได้รู้ความจริง

อู๋ตี้กับเสี่ยวหงได้หัวเราะขึ้นแล้ว!

“ฮ่า ๆ ๆ! เจ้าเด็กโง่ นึกไม่ถึงเลยว่าจะให้นายท่านของข้าตั้งชื่อให้!”

อู๋ตี้กล่าว “แต่เฮยเย้าชื่อนี้ก็ฟังดูดีกว่าชื่อเจ้าหมูขี้เกียจของเจ้ามากเลยนะ อย่างน้อยก็ไม่ได้ชื่อเสี่ยวเฮย”

เสี่ยวหงโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว “เจ้าแมวโง่ พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด! ข้าจะฆ่าเจ้า!”

มังกรดำน้อยได้ยินชื่อนี้ก็ตกตะลึงไม่น้อย “เฮยเย้า!”

เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเขามีชื่อเป็นของตัวเองแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เป็นอะไรไปล่ะ ไม่ชอบเหรอ!”

“ชอบขอรับ ชอบมาก!” ใบหน้าของมังกรดำน้อยเผยความตื่นเต้นออกมา

ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นเห็นเช่นนี้แล้วก็รู้สึกประหลาดใจมาก ท่านมังกรวารีดีกับมังกรดำน้อยผู้นี้อย่างน่าแปลกประหลาด

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าชอบก็ดีแล้ว!”

เผ่ามังกรในตอนนี้มีทั้งศึกภายในและศึกภายนอก ทำให้การเคลื่อนไหวของนางในครั้งนี้ไม่สามารถสำเร็จได้

มู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยเริ่มปรึกษากัน “จิ่วเยี่ย ทำเช่นไรดี เกาะราชามังกรถูกปิดผนึกแล้ว แล้วเราจะไปหาคลังเก็บของล้ำค่าของเผ่ามังกรที่ไหนกันล่ะ!”

“จะต้องหาเจอแน่นอน! ซีก็คิดเสียว่ามาผ่อนคลายกับข้าก็แล้วกัน ไม่จำเป็นต้องกดดัน!”

เขามีลางสังหรณ์อยู่อย่างหนึ่งว่าเมื่อวันใดที่หาคัมภีร์หมื่นคำสาปเจอ วันนั้นก็คงไม่ใช่วันที่จะมาดีใจ มีโอกาสเป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเหมือนตอนนี้แล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้ป่วยระยะสุดท้ายเช่นเจ้าไม่รีบร้อนกระวนกระวายเอาซะเลย”

“มีซีอยู่ด้วย ไม่ว่าจะป่วยเป็นอะไร ซีก็สามารถรักษาให้หายได้”

เนื่องจากท่านเจ้าเมืองอวิ๋นเห็นแก่ฐานะของมู่เฉียนซี ดังนั้นเฮยเย้าจึงถูกดูแลเป็นอย่างดี

วันต่อมา เมืองหมอกพิรุณที่อยู่ถัดจากเมืองหมอกเมฆา หรือก็คือเมืองที่มาโจมตีเมืองหมอกเมฆาได้ส่งคนมาแล้ว

ท่าทางของพวกเขาดูนอบน้อมและจริงใจมาก บอกอยากจะขอพบท่านมังกรวารีผู้สูงศักดิ์ ต้องการจะเชิญท่านมังกรวารีไปเป็นแขกที่เมืองหมอกพิรุณ และยังบอกอีกว่าเมืองหมอกพิรุณของพวกเขานั้นดีกว่าเมืองหมอกเมฆามาก

อย่างไรก็ตามมันก็เป็นแค่คำพูดคุยโวที่น่าฟัง แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องจริง ทำให้ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นกลัวว่าท่านมังกรวารีผู้ไร้เดียงสาจะถูกหลอก

“ท่านมังกรวารี ท่านอย่าได้หลงเชื่อพวกเขาเป็นอันขาด!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ไปบอกท่านเจ้าเมืองของพวกเจ้าว่าข้าไม่ไป! คิดจะวางแผนเล่นงานข้า ใช้ประโยชน์จากข้า ช่างไม่รู้จักประเมินตนเอาซะเลย!”

พวกเขาได้ยินเช่นนี้ต่างก็ผงะไป สมกับที่เป็นท่านมังกรวารีจริง ๆ!

ผู้ที่เย่อหยิ่งต้องให้ผู้อื่นเงยหน้ามองตนเช่นนี้ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยิ่งอยากจะเชิญไปอยู่ดี

“ท่านมังกรวารี…”

พวกเขายังจะกล่าววาจาต่อ แต่ถูกมู่เฉียนซีกล่าวแทรกเสียก่อนว่า “ช่างน่าเบื่อเสียจริง! ทุกคนลากพวกมันออกไป! รับมือกับศัตรูไม่จำเป็นต้องเกรงใจ!”

“ขอรับ!”

ปัง ปัง ปัง!

ตูม ตูม ตูม!

ครั้นแล้วมังกรของเมืองหมอกพิรุณเหล่านี้ก็ถูกโจมตีออกไป

นึกไม่ถึงเลยว่าท่านมังกรวารีผู้อ่อนโยนจะด้านที่เย่อหยิ่งเช่นนี้ด้วย สิ่งนี้ทำให้มังกรทุกตัวต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น

อย่างไรเสียก็ยังมีสายเลือดสูงศักดิ์อยู่ ต่อให้อ่อนโยนมากเพียงใด แต่สายเลือดความสูงศักดิ์ที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกนั้นก็ไม่มีทางยอมให้ผู้ใดมาล่วงเกินได้แน่นอน

มู่เฉียนซีกล่าวกับท่านเจ้าเมืองอวิ๋นว่า “ข้าอยากจะทำความเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับแดนมังกรสักหน่อย ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นมีบันทึกเกี่ยวกับแดนมังกรหรือไม่?”

“มี! มีแน่นอน! ต่อไปท่านมังกรวารีสามารถเข้าออกหอตำราได้ตามใจเลย”

มู่เฉียนซีเข้าไปหาข้อมูลในหอตำรา ส่วนจิ่วเยี่ยก็ออกไปจัดการเรื่องบางอย่างแล้ว

ถึงแม้ว่าเขาจะชอบอยู่กับซีเพียงลำพังสองคน แต่เผ่ามังกรที่บรรยากาศเลวร้ายป่าเถื่อนเช่นนี้ไม่อาจอยู่นานได้!

หลังจากที่มู่เฉียนซีเข้าไปในหอตำราก็พบว่ามีคนอยู่ด้านใน หอตำราของเผ่ามังกรทุกที่ล้วนแต่เต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่ ดูเหมือนว่าเผ่ามังกรนี้จะไม่ชอบอ่านตำราสักเท่าไหร่

ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะหาตำราอ่าน นางก็ได้เห็นว่ามีการเคลื่อนไหวบางอย่างที่มุมมุมหนึ่ง

“ใคร?”

ปัง! ตำราเล่มหนึ่งตกลงมา มู่เฉียนซีเดินไปและได้พบกับร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง

มู่เฉียนซีเรียก “เฮยเย้า!”

ดวงตาสีดำขลับดุจดั่งศิลามณีสีดำคู่นั้นของเฮยเย้าก็เปล่งประกายขึ้น เขามองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ท่านมังกรวารี!”

มู่เฉียนซีกล่าว “เมื่อครู่ข้าทำให้เจ้าตกใจแล้ว ที่แท้เจ้าก็มาอ่านตำราอยู่ที่นี่นี่เอง!”