ตอนที่ 1131 หลงกลแผนชั่วแล้ว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เฮยเย้าก้มหน้าพลางกล่าว “ข้าแอบเข้ามา ขอโทษที่รบกวนท่านมังกรวารีขอรับ ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไร อ่านด้วยกันก็ได้”

เฮยเย้ารู้สึกปลื้มใจเล็กน้อย มู่เฉียนซีกวาดสายตามองชั้นตำราทีละชั้น ตำราที่นางตามหาโดยเฉพาะนั่นก็คือตำราที่เกี่ยวกับเกาะราชามังกรและคลังเก็บของล้ำค่าของเผ่ามังกร

เกาะลอยฟ้าช่างเล็กเกินไปจริง ๆ ข้อมูลที่มีประโยชน์ก็ไม่เลวเลย

มู่เฉียนซีเปิดตำรา และพบว่าเฮยเย้านั้นกำลังมองนางอยู่ตลอด

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เจ้ามองอะไร?”

“ท่านมังกรวารีต้องการไปเกาะราชามังกรใช่หรือไม่?” เฮยเย้ากล่าวถาม

มู่เฉียนซียิ้มและกล่าวว่า “ใช่! ข้าอยากไปเกาะราชามังกร เพราะข้ามีเรื่องบางอย่างต้องทำ”

“เรื่องที่ท่านมังกรวารีต้องทำ ท่านต้องทำได้แน่นอน เพราะว่าท่านมังกรวารีเก่งกาจที่สุด”

มู่เฉียนซีคิดว่าคำพูดนี้เป็นเพียงแค่คำพูดให้กำลังของเด็กคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรมาก

“แน่นอนอยู่แล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าวกับเขาว่า “นี่มันก็ดึกแล้ว เจ้าเองก็อ่านตำรามานานแล้วกระมัง รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ!”

“ขอรับ ท่านมังกรวารี!”

ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังอ่านตำราอยู่ในหอตำรา อวิ๋นเทียนจ้านก็ได้รับข่าวที่น่าตกตะลึงข่าวหนึ่ง

เมืองหมอกพิรุณเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ได้ยินมาว่ามีผู้แข็งแกร่งผู้ลึกลับผู้หนึ่งได้บุกเข้าไปในจวนท่านเจ้าเมืองเมืองหมอกพิรุณ จากนั้นก็ได้เริ่มต่อสู้กับยอดฝีมือของเมืองหมอกพิรุณ หลังจากนั้นยอดฝีมือของเมืองหมอกพิรุณก็ตายและบาดเจ็บไปทีละคน ๆ

“ท่านเจ้าเมือง นี่เป็นโอกาสดีที่พวกเราจะยึดครองเมืองหมอกพิรุณ จะลงมือหรือไม่ขอรับ?”

“ท่านเจ้าเมือง ข้อน้อยเกรงว่าจะมีการหลอกลวง ถ้าหากมันเป็นกับดักของเมืองหมอกพิรุณล่ะขอรับ จะทำเช่นไร?”

“……”

ในขณะที่พวกเขากำลังปรึกษากันอยู่ ทันใดนั้นเองกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกก็ได้พัดกระโชกมา

ร่างอันเพรียวบางในชุดคลุมยาวสีดำร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้น เขาเอ่ยปากกล่าวว่า “ไม่ใช่กับดัก!”

เขาทิ้งคำพูดสั้น ๆ เพียงสี่คำเอาไว้ และเขาก็ได้อันตรธานหายไป

อวิ๋นเทียนจ้านและพวกต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ไม่ใช่กับดัก! ท่านจิ่วเยี่ยบอกว่ามันไม่ใช่กับดัก หรือว่าคนชุดดำผู้ลึกลับผู้นั้นจะเป็นท่านจิ่วเยี่ย”

“รายงาน! ได้ยินมาว่าผู้แข็งแกร่งผู้นั้นสวมชุดคลุมยาวสีดำ และยังสวมหน้ากากบดบังใบหน้าด้วยขอรับ!” มีคนหนึ่งเข้ามารายงาน

พวกเขายิ่งมั่นใจแล้วว่าคนผู้นั้นคือจิ่วเยี่ย!

“ต้องเป็นท่านจิ่วเยี่ยแน่นอนที่ลงมือช่วยเหลือพวกเรา”

“นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจิ่วเยี่ยจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”

“……”

“รายงาน! มีรายงานมาว่าพลังที่คนผู้นั้นใช้เป็นพลังมืดสีดำ! มังกรดำปรากฏตัวขึ้นแล้ว” ผู้ที่มารายงานนี้รายงานด้วยความเคารพและยำเกรง

มังกรดำ เผ่ามังกรที่ลึกลับที่สุด ทุกคนต่างก็ตกตะลึงขึ้น

“ต่อให้เป็นมังกรดำลึกลับแล้วยังไง ก็ดีกว่าเผ่ามังกรที่ทรยศพวกนั้น”

“ท่านจิ่วเยี่ยมีพลังความแข็งแกร่งปานนั้น หากต้องการจะทำลายพวกเราก็คงจะทำไปนานแล้ว”

“ออกเดินทาง เราจะไปเมืองหมอกพิรุณ!”

เรื่องนี้ มู่เฉียนซีไม่รู้เลยตั้งแต่ต้น

จนกระทั่งท่านเจ้าเมืองอวิ๋นปราบเมืองหมอกพิรุณสำเร็จแล้ว และมากล่าวขอบคุณ นางถึงจะรู้

“พวกเจ้าว่าจิ่วเยี่ยเป็นคนลงมือจัดการเมืองหมอกพิรุณอย่างนั้นเหรอ?”

อวิ๋นเทียนจ้านกล่าว “ถูกต้อง! หากไม่ใช่เพราะท่านจิ่วเยี่ย คาดว่าพวกเราก็คงไม่มีทางเอาชนะเมืองหมอกพิรุณได้เป็นแน่ ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านจิ่วเยี่ยมาก ๆ”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านเจ้าเมืองไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก พวกเจ้ามีอันใดทำก็ไปทำเถอะ!”

เมื่อท่านเจ้าเมืองอวิ๋นเดินออกไป มู่เฉียนซีก็เผยสีหน้าที่ชั่วร้ายขึ้น

นางตะโกนขึ้นว่า “หวงจิ่วเยี่ย ออกมาเดี๋ยวนี้!”

จู่ ๆ จิ่วเยี่ยก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังมู่เฉียนซี จากนั้นก็กอดนางไว้ในอ้อมกอด

เขากระซิบข้างหูมู่เฉียนซีว่า “ซี คิดถึงข้าแล้วเหรอ?”

มือข้างหนึ่งของมู่เฉียนซียกขึ้นและโจมตีเขาด้วยข้อศอกพลางกล่าว “ปล่อยข้านะ!”

จิ่วเยี่ยไม่ได้หลบแต่อย่างใด แรงน้อยแค่นี้ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย

“ไม่ปล่อย!”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วขึ้นพลางกล่าวว่า “องค์ชายจิ่วเยี่ยกลายเป็นวีรบุรุษตั้งแต่เมื่อใดกันแล้ว ออกนอกเมืองไปคนเดียว ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”

จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีแน่นขึ้น เขากัดหูมู่เฉียนซีเบา ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ซีประเมินความแข็งแกร่งบุรุษของตัวเองสูงเกินไปแล้ว”

“ตราบใดที่ไม่ได้เผชิญกับสัตว์เทพขั้นสูงสุด มดปลวกเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้!”

มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง สัตว์เทพระดับสูงสุด!

ระดับเช่นนั้น ในดินแดนสี่ทิศไม่มีอยู่เลย ถึงแม้ว่าตอนนี้เผ่ามังกรทุกเผ่าของแดนมังกรจะอ่อนแอลงไป แต่ที่แห่งนี้กลับไม่ได้มีการยับยั้งที่แข็งแกร่งเหมือนกับดินแดนสี่ทิศ

จากที่นางได้อ่านตำรามา แดนมังกรเผ่ามังกรมีสัตว์เทพขั้นสูงสุดไม่มากนัก

“แต่องค์ชายจิ่วเยี่ยก็ไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องสิ้นเปลืองพลังกระมัง!”

“แดนมังกร ถึงแม้ว่าจะเป็นแดนที่มีบรรยากาศเลวร้ายป่าเถื่อน แต่สถานที่ที่ซีอยู่ ข้าจำเป็นต้องจัดการให้สะอาดเรียบร้อย เพื่อที่จะให้ซีได้อยู่อย่างสบาย”

นี่ก็แค่กระดิกนิ้วเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น อย่างไรเสียก็ไม่มีเรื่องให้ต้องทำอยู่แล้ว ดังนั้นเพื่อทำให้หญิงสาวผู้เป็นยอดดวงใจของตนเองอยู่อย่างสงบสุข องค์ชายจิ่วเยี่ยจึงได้ลงมือใช้พลังยับยั้งเมืองหมอกพิรุณเสีย

มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่มีความจำเป็นต้องทำเรื่องเช่นนั้น เราไม่ได้อยู่ที่นี่นานสักหน่อย!”

จิ่วเยี่ยกล่าว “เกาะมังกรทุกเกาะแห่งแดนมังกรอย่างน้อยก็มีประวัติยาวนานมานับร้อยล้านปี บนเกาะมังกรแห่งนี้ซีเองก็น่าจะรู้ดีว่ามันมีสมุนไพรวิญญาณอยู่ไม่น้อย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ดวงตาของมู่เฉียนซีก็เปล่งประกายขึ้น

ใช่! นางมัวแต่สนใจคัมภีร์หมื่นคำสาปจนลืมสิ่งนี้ไปเลย

ต่อให้เรื่องที่ผู้อาวุโสของมังกรดำท่านนั้นได้กระทำจนทำให้พลังวิญญาณในแดนมังกรนับวันยิ่งลดน้อยลงเรื่อย ๆ แต่พลังวิญญาณในแดนมังกรในเมื่อก่อนนั้นเข้มข้นมาก ไม่รู้ว่าสมุนไพรวิญญาณอันล้ำค่าได้เจริญเติบโตขึ้นมามากเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว

นักปรุงยาในเผ่ามังกรนั้นมีน้อยมาก มีเพียงแค่เผ่ามังกรวารีเท่านั้นที่เข้าใจในเรื่องหยูกยา แต่ก็ยังคงเก็บตัวซ่อนอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกมาโดยตลอด มีเผ่ามังกรมากมายอีกหลายเผ่าที่ไม่มีความรู้! สวรรค์รู้ดีว่าแดนมังกรนั้นมีสมุนไพรวิญญาณอันล้ำค่าที่มีอายุยาวนานมากมายเพียงใด

คำเอ่ยเช่นนี้ของจิ่วเยี่ยทำให้มู่เฉียนซีไม่อาจปฏิเสธได้ อย่างไรก็ตามเขาก็ได้เอาสิ่งที่มู่เฉียนซีรักที่สุดมาเป็นเหยื่อล่อ!

ในตอนนี้มู่เฉียนซีรู้สึกเพียงว่าสมุนไพรวิญญาณมากมายกำลังจะย้ายเข้ามาอยู่ในมิติของนาง และหน้าตาของนางก็เผยความสดใส สดชื่นออกมาทันที

นี่คือผลลัพธ์ที่เขาอยากจะได้ แต่จิ่วเยี่ยหน้านิ่วคิ้วขมวดกอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่น

เขารู้สึกว่าตอนนี้เขาไม่ได้สำคัญไปกว่าสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้น บัดซบยิ่งนัก!

อีกประเดี๋ยวซีก็จะได้รู้เองว่าสิ่งใดกันแน่ที่สำคัญที่สุด

มู่เฉียนซีกล่าว “อันดับแรก เรากำหนดเป้าหมายที่เกาะลอยฟ้าก่อน สู้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ใช้ยาลูกกลอนของข้าปะทะกับพวกที่เผ่าเทพส่งมาเหล่านั้นให้ตายก็สิ้นเรื่องแล้ว จิ่วเยี่ย เจ้าอย่าได้ใช้พลังไปโดยสิ้นเปลืองเด็ดขาด เก็บเอาไว้ลงมือในช่วงเวลาที่สำคัญก็พอแล้ว”

“ข้าจะไปหาท่านเจ้าเมืองอวิ๋น ข้าจะ…”

จิ่วเยี่ยที่กอดมู่เฉียนซีเอาไว้ และมู่เฉียนซีก็ไม่อาจหลุดพ้นไปจากอ้อมแขนของเขาได้

จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงขรึมว่า “ข้าสามารถหาสมุนไพรวิญญาณทั้งเกาะลอยฟ้า ทั้งเกาะราชามังกรหมื่นปี และทั้งแดนมังกรมาให้ซีได้ ขอเพียงแค่ซีชอบ ข้าจะหามันมามอบให้ตรงหน้าซี”

“ซี ต้องการที่จะปฏิบัติให้ข้าอย่างดีสักหน่อยได้หรือไม่!”

หลังจากที่มู่เฉียนซีได้ตื่นเต้นกับสมุนไพรวิญญาณที่จะได้ นางก็รู้สึกว่ากลิ่นอายของตัวเองนั้นแทบจะถูกกลิ่นอายของจิ่วเยี่ยกลืนกินไปก็มิปาน นางกล่าวด้วยคามกลัดกลุ้มใจเล็กน้อยว่า “นะ นี่ข้า นี่ข้าหลงกลแผนชั่วของเจ้าแล้ว เจ้า…”

“ข้าก็แค่ทอดแหให้ซีก็เท่านั้น ซีเองต่างหากที่ยินยอมกระโดดเข้าแหเอง เพราะว่าซีเองก็ชอบข้าเหมือนกัน”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “องค์ชายจิ่วเยี่ย นี่เจ้าหลงตัวเองมากเกินไปแล้วนะ…”

“อือ…”

นางยังพูดไม่ทันจบ ริมฝีปากก็ถูกปิดกั้นเสียแล้ว

จิ่วเยี่ยก็มักจะเป็นคนหยาบคายเช่นนี้อยู่เรื่อย

เพื่อหญิงสาวผู้เป็นยอดดวงใจของตนเอง จิ่วเยี่ยจึงต้องการจะสู้รบกับเผ่ามังกร และเรียกร้องจะขอของหวานจากนาง

ทว่า ยังไม่ทันได้ลิ้มรสของหวานนี้ได้อย่างเต็มที่ จู่ ๆ ก็มีเสียงที่ตื่นตระหนกเสียงหนึ่งดังขึ้น “ท่านมังกรวารี เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วเจ้าค่ะ!”