เล่มที่ 34 เล่มที่ 34 ตอนที่ 1001 ตงหลิงหวงไม่ได้ เพราะเหตุใด?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

จู่ๆ ทุกคนก็มีท่าทางเคร่งขรึมขึ้นมา

ทว่าซูจิ่นซีกลับเริ่มมีรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “เกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน” นางพูดพลางเริ่มเดินไปรอบๆ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่ปรากฏพลังศักดิ์สิทธิ์

ทุกคนไม่รู้ว่าซูจิ่นซีกำลังคิดสิ่งใด สายตาของพวกเขาต่างจับจ้องไปที่นางตลอดเวลา

ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็กระโดดเข้าไปที่แก่นหัวใจของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ ภาพตรงหน้าเห็นเพียงร่างเล็กของซูจิ่นซีผสานเข้ากับแก่นหัวใจของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็หายไป

เยี่ยโยวเหยากระโดดลงไปพร้อมกับซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเล

ทุกคนต่างตกตะลึงชั่วขณะ

เวลานั้น ด่านที่หกของเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เทียนเม้ยหลิงหลงเหลือเพียง อู๋จุน ซูอวี้ และตงหลิงหวง สามคนเท่านั้น

ทั้งสองมองหน้ากันด้วยสีหน้างุนงง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น

ตงหลิงหวงพูดว่า “พระชายาโยวอ๋องคงจะพบวิธีฝ่าด่านแล้ว แก่นหัวใจของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์จะต้องเป็นทางออกจากที่นี่แน่นอน”

“แล้วพวกเราจะรออันใด รีบตามไปสิ” อู๋จุนพูดพลางกระโดดเข้าไปยังแก่นหัวใจกลางดอกบัวศักดิ์สิทธิ์

แน่นอนว่า ตงหลิงหวงและซูอวี้ก็กระโดดตามเข้าไปเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดมองเห็น หลังจากที่ทุกคนเข้าไปในแก่นหัวใจของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แล้ว แก่นหัวใจของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยๆ ลอยขึ้นและแยกออกจากกลีบดอกห้าสีเดิม เมื่อมันลอยขึ้นไปถึงระดับหนึ่งก็หายไป

เป็นจริงดั่งคาด แก่นหัวใจของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เป็นทางออกจากด่านที่หกของเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เทียนเม้ยหลิงหลงจริงๆ

ภาพหมุนวนอยู่เบื้องหน้าราวกับมิติกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไม่รู้จบ หลังจากนั้นไม่นาน ซูจิ่นซีก็ล้มลงบนพื้นอย่างแรง

ต่อจากนั้น เยี่ยโยวเหยาก็ร่อนลงข้างกายของนาง

เยี่ยโยวเหยาจับมือซูจิ่นซีด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย

ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว “โอ๊ย เจ็บ เจ็บ เยี่ยโยวเหยา เบาๆ หน่อย เจ็บ”

น้ำเสียงของเยี่ยโยวเหยาเย็นชาอย่างชัดเจน “เจ้ายังรู้จักคำว่าเจ็บหรือ? รู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอันใดอยู่? ”

ซูจิ่นซียิ้มเจื่อนๆ และพูดว่า “ขอโทษนะ เยี่ยโยวเหยา เป็นความผิดของข้า เมื่อครู่ข้าต้องการทดสอบว่าแก่นหัวใจของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เป็นทางออกจากเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์เทียนเม้ยหลิงหลงหรือไม่? กลับไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริง ท่านอ๋องดูสิ ข้ายังสบายดีไม่ใช่หรือ? ”

“เช่นนั้นก็ไม่ได้” เยี่ยโยวเหยาพูดเสียงดุดัน

ซูจิ่นซีรีบยืนยัน “ได้ ตกลง จะไม่มีครั้งต่อไป”

“เจ้ายังคิดว่าจะมีครั้งต่อไปอีกหรือ? ” สีหน้าของเยี่ยโยวเหยาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมมากขึ้น

ซูจิ่นซีแลบลิ้นใส่และไม่พูดอันใดอีก

หลังจากนั้น อู๋จุนและตงหลิงหวงก็เหาะลงมา

อู๋จุนมองไปรอบๆ

“ให้ตายเถิด พวกเราออกมาแล้วจริงๆ แม่นางพิษน้อย เจ้าทำได้ ช่างเก่งกาจเหลือเกิน” เขาพูดพลางยกนิ้วชมเชยไปทางซูจิ่นซี

ตงหลิงหวงมองไปรอบๆ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าดวงตากลับเปล่งประกาย “ที่นี่คือที่ใด? คงจะเป็น… ”

“ถูกต้อง ที่นี่คือหุบเขาเฟิ่งหวง และนั่นคือวิหารเทพซีหวังหมู่” ซูจิ่นซีกล่าวอย่างมั่นใจ

“นี่คือหุบเขาเฟิ่งหวงหรือ? ” อู๋จุนมองไปรอบๆ อีกครั้งด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาเปล่งประกายอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

พวกเขาคาดไม่ถึงว่าจะพบวิหารเทพซีหวังหมู่ได้รวดเร็วเช่นนี้ และไม่คิดว่าแก่นหัวใจของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เป็นทางเข้าวิหารเทพซีหวังหมู่

เห็นเพียงภูเขากว้างใหญ่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ข้างหน้า เชื่อมต่อกับท้องฟ้าราวกับหงส์ที่กำลังกางปีกทั้งสอง ในขณะเดียวกัน ทะเลเมฆเหล่านั้นทำให้รู้สึกเสมือนแดนสวรรค์ วิหารเทพซีหวังหมู่อยู่ที่ใจกลางของหุบเขาเฟิ่งหวง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตั้งหัวใจของเฟิ่งหวง

วิหารศักดิ์สิทธิ์มีมนตร์ขลัง ทำให้ผู้คนอดมองด้วยความหวาดกลัวไม่ได้

ทุกคนเดินไปทางวิหารเทพซีหวังหมู่ ทว่ายังไม่ทันเข้าใกล้วิหาร เสียงที่ไร้ตัวตนก็ดังมาจากด้านบน

“โยวอ๋อง พระชายาโยวอ๋อง รัชทายาทตงหลิง… ”

ทุกคนพลันหยุดชะงักและเงยศีรษะมองไปตามทิศทางของเสียงนั้น

พวกเขาเห็นเพียงสตรีนางหนึ่งที่มีผ้าไหมพลิ้วไหวอยู่เหนือศีรษะ คิ้วดั่งดวงจันทร์ดวงน้อย ดวงตาราวกับดวงดาราคู่ ผิวพรรณดั่งหยก ริมฝีปากรูปกระจับ และรอบๆ กายเปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์

ทุกคนต่างตกตะลึงชั่วครู่

ไม่นานนัก ซูจิ่นซีก็ได้สติกลับมาและรีบทำความเคารพ

“ศิษย์ซูจิ่นซี คารวะองค์เทพซีหวังหมู่”

คนอื่นที่เหลือก็ทำความเคารพเช่นกัน

กลับไม่คิดว่า สตรีนางนั้นจะพูดว่า “ไม่ต้องมากพิธี ข้าไม่ใช่เทพซีหวังหมู่ ทว่าเป็นดวงจิตสัมผัสแห่งจิตวิญญาณของเทพซีหวังหมู่ ทุกท่านสามารถเรียกข้าว่าเทพธิดาอวิ๋นเสีย”

เทพธิดาอวิ๋นเสียหรือ?

ซูจิ่นซีอดเงยศีรษะเหลือบมองสตรีผู้นั้นอีกสองสามครั้งไม่ได้

“วิหารเทพซีหวังหมู่แห่งนี้ปิดซ่อนมาหลายปี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกมาช้านาน ทุกคนต่างฝ่าด่านด้วยความยากลำบากเพื่อพยายามหาสถานที่แห่งนี้ มีเรื่องอันใดหรือ? ” เทพธิดาอวิ๋นเสียถาม

ซูจิ่นซีรีบพูด “ความจริงแล้ว ข้าและทุกคนมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากวิหารเทพซีหวังหมู่จริงๆ ”

นางพูดพลางนำมู่หรงอวิ๋นไห่ จงซีจือ และมู่หรงฉี ทั้งสามคนออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น

“สามคนนี้เป็นญาติสนิทซึ่งเป็นที่รักของข้า พ่อของข้าถูกคนชั่วทำร้ายและอยู่ในอาการหนัก โชคร้ายที่มารดาและพี่ชายของข้าเสียชีวิตแล้ว ข้าได้ยินว่าวิหารเทพซีหวังหมู่มีวิชาฟื้นคืนชีพ ขอให้เทพธิดาอวิ๋นเสียได้โปรดช่วยพวกข้าน้อยด้วย”

เทพธิดาอวิ๋นเสียเหลือบมองมู่หรงอวิ๋นไห่ทั้งสามคนซึ่งนอนอยู่บนพื้นด้วยแววตาเคร่งขรึม “วิหารเทพซีหวังหมู่มีวิชาฟื้นคืนชีพจริงๆ ”

ทุกคนพลันดีใจ โดยเฉพาะตงหลิงหวง นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น “ขอให้เทพธิดาอวิ๋นเสียช่วยด้วย”

เทพธิดาอวิ๋นเสียเหลือบมองตงหลิงหวงและกล่าวว่า “รัชทายาทตงหลิงเป็นบุตรแห่งสวรรค์ลูกมังกร หากเจ้าคุกเข่าขอร้อง เทพธิดาอย่างข้าก็ไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาโยวอ๋องยังมีความสัมพันธ์กับวิหารเทพซีหวังหมู่ เพียงแต่ว่า นี่คือกฎของวิหารเทพซีหวังหมู่ เทพธิดาอย่างข้าไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงกฎนั้น”

“กฎอันใด? ” ซูจิ่นซีและตงหลิงหวงต่างถามพร้อมกัน

เทพธิดาอวิ๋นเสียตอบตามความจริงว่า “วิชาฟื้นคืนชีพของวิหารเทพซีหวังหมู่ต้องสละชีวิตสตรีนางหนึ่งไว้ในวิหารเพื่อปกป้องวิหาร ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องกระทำด้วยความเต็มใจ หากมิฉะนั้นแล้ว ต่อให้ใช้วิชาฟื้นคืนชีพนี้ การฟื้นคืนชีพจากความตายจะไม่มีผลอันใด”

ต้องเหลือคนหนึ่งไว้เพื่อปกป้องวิหารเทพ?

นั่นหมายความว่า ต้องอยู่และตายที่นี่ตลอดไป มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องอยู่ที่นี่ทุกชาติภพ

“ไม่อาจลงจากภูเขาแห่งนี้ใช่หรือไม่? ” ซูจิ่นซีถาม

“ถูกต้อง! ” เทพธิดาอวิ๋นเสียตอบอย่างตรงไปตรงมา “ไม่อาจลงจากภูเขาได้ ทุกชาติภพตลอดชั่วนิรันดร์”

เยี่ยโยวเหยาจับมือซูจิ่นซีอย่างใจเย็น

อู๋จุนพูดอย่างร้อนใจ “แม่นางพิษน้อย อย่าตอบตกลงกับนางเป็นอันขาด”

“ท่านพี่ ท่านไม่อาจอยู่ที่นี่” ซูอวี้ยังปกป้องซูจิ่นซีอยู่ด้านหน้า

ตงหลิงหวงคุกเข่าลงกับพื้น พลางมองเทพธิดาอวิ๋นเสียท่ามกลางแสงที่เปล่งประกายและผ้าไหมที่โบกสะบัดด้วยดวงตาที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง

หลังจากนั้นไม่นาน ซูจิ่นซีก็ถามว่า “เทพธิดาอวิ๋นเสีย ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่? ”

“นี่เป็นวิธีเดียวเท่านั้น”

“มิสู้ ให้ข้าอยู่เถิด! ” ตงหลิงหวงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ทุกคนต่างตกตะลึงครู่หนึ่ง

ซูจิ่นซีรีบพูดว่า “ตงหลิงหวง เจ้าคือรัชทายาทแห่งแคว้นตงเฉิน หากเจ้าอยู่ที่นี่ แผ่นดินแคว้นตงเฉินจะทำอย่างไร? ”

แผ่นดินไร้ผู้สืบทอด ย่อมเกิดปัญหาในภายภาคหน้า

แววตาของตงหลิงหวงค่อยๆ มองไปทางเยี่ยโยวเหยา ทันใดนั้น นางก็ยิ้มอย่างสดใส “โยวอ๋องมุ่งมั่นรวบรวมแผ่นดิน ต่อจากนี้ หากแคว้นตงเฉินไร้ผู้สืบทอดก็ไม่มีสิ่งใดแตกต่างกัน”

“ทว่าอย่างไรก็ไม่ควรเป็นเจ้าที่อยู่ที่นี่? พวกเรามาด้วยกัน พวกเราต้องไปด้วยกัน ต้องไม่ขาดผู้ใดแม้แต่คนเดียว” อู๋จุนกล่าว

แววตาของตงหลิงหวงเปล่งประกายไปด้วยความซาบซึ้งใจ “ข้าตัดสินใจแล้ว พวกเจ้าอย่าเกลี้ยกล่อมเลย” นางพูดพลาง เหลือบมองมู่หรงฉีซึ่งนอนอยู่บนพื้น

เพียงให้มู่หรงฉีฟื้นคืนชีพกลับมา อย่าว่าแต่ให้นางอยู่ที่นี่และตายอย่างโดดเดี่ยว ให้นางทำสิ่งใด นางล้วนทำได้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า จู่ๆ เทพธิดาอวิ๋นเสียก็พูดขึ้นทันทีว่า “รัชทายาทตงหลิง สตรีทุกคนในโลกนี้สามารถอยู่ปกป้องวิหารเทพซีหวังหมู่ได้ ทว่าท่านเป็นคนเดียวที่ไม่สามารถทำได้”

ตงหลิงหวงไม่ได้?

เพราะเหตุใด?